สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 17 อดสงสารไม่ได้
หน้าประตูสวนสนุก เฉินเหมยห่วนได้แต่ยืนดูลูกชายของตัวเองอยู่ห่างๆ
ทำไมเขาถึงมายืนมองที่นี่? เฉินเหมยห่วนมองตามสายตาของเขาไปยังป้ายที่มีบางจุดแสงขาดๆ หายๆ ไป
เมื่อประมาณสิบกว่าหรือยี่สิบปีก่อนได้ล่ะมั้ง? ที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ในความทรงจำของคนรุ่นเก่า
แต่ด้วยวิถีการสร้างสังคมเมือง สถานบันเทิงจึงผุดขึ้นมากมาย ตามมาด้วยการพัฒนาสวนสนุกธีมที่ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ทำงานมากขึ้น ที่นี่จึงเปลี่ยนไปจากตอนแรก
แสงไฟของมันเริ่มมืดสลัวลงเล็กน้อย อีกทั้งป้ายไฟยังกลายเป็นสีเหลืองแล้ว
นี่เป็นที่ที่เธอพาลูกมาเที่ยวครั้งแรกเมื่อครั้งมาถึงเมืองนี้ใหม่ๆ พอได้จ้องมองเงียบๆ ก็ปลุกความทรงจำส่วนลึกของเฉินเหมยห่วนขึ้นมา …บางทีก็อาจกระตุ้นความทรงจำของลูกชายเธอด้วย
“ลูกยังจำที่นี่ได้ไหม?” เธอเดินไปยืนข้างๆ ลูกชาย
แต่เธอกลับไม่ได้รับคำตอบ เขายืนเหม่อมองแผ่นป้ายสีเหลืองเก่าอยู่ตรงนี้…กำลังคิดอะไรอยู่นะ?
เฉินเหมยห่วนเริ่มร้อนใจทันที เธอจับแขนลูกชาย แล้วพาเขาเดินเข้าไปในสวนสนุกที่เงียบเหงาเหมือนจะปิดกิจการได้ทุกเมื่อ
บางทีที่นี่อาจจะชักนำความทรงจำของเขากลับมาก็ได้
เธอจึงเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย ด้วยมีความหวังเช่นนี้
ทว่าด้านในสวนสนุกเงียบเหงากว่าด้านนอกของมันเสียอีก เครื่องเล่นส่วนมากอยู่ในสภาพปิดให้บริการ ตอนนี้มีเพียงชายสูงวัยดูมีชีวิตชีวา ยืนอยู่ด้านหน้าเครื่องชูทบาสเพียงเครื่องเดียว เขาทำคะแนนใหม่บนเครื่องนับคะแนนได้อย่างชำนาญ
พนักงานขายเหรียญก็กำลังงีบหลับ ระหว่างที่กำลังเผชิญหน้ากับความเงียบสงัดแบบนี้ ถ้ามีคนมาซื้อ เขาก็ไม่อยากกระตือรือร้นขายเลยสักนิด เขาส่งเหรียญเล่นเกมราวกับหุ่นยนต์ พอเก็บเงินแล้วก็งีบหลับต่อ
เฉินเหมยห่วนไม่ได้ใส่ใจการบริการของพนักงานเขายเหรียญคนนี้ หรือความเงียบสงัดของที่นี่เลย
แต่เธอกลับรู้สึกว่าโชคดีด้วยซ้ำ …ด้วยเพราะคนน้อย อย่างน้อยก็ไม่มีคนสังเกตเห็นความผิดปกติของลูกชายเธอ
ด้านหน้าเครื่องเล่นทุบเต่าเครื่องหนึ่ง เฉินเหมยห่วนอยากให้ลูกชายของเธอจำอะไรได้มากขึ้น
“ยังจำได้ไหม? ตอนที่มาครั้งแรก ลูกก็เล่นเกมแบบนี้ …อืม ถึงเครื่องเล่นนี้จะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วก็เถอะ แต่ลูกยังจำได้ไหม? ตอนนั้นลูกเล่นเพลินเป็นชั่วโมงเลย ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมไป แถมยังมาขอเพิ่มเวลาอีก”
แต่ลูกชายของเธอกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ คล้ายได้ยินคล้ายไม่ได้ยิน
แต่เธอก็ไม่ท้อแท้ เธอถือค้อนที่แขวนอยู่หน้าเครื่องเล่นขึ้นมา แล้วส่งไปไว้ในมือลูกชาย แต่ลูกชายของเธอไม่ได้จับเอาไว้ ค้อนจึงตกลงพื้น
เฉินเหมยห่วนเก็บขึ้นมาอีกครั้ง แต่ค้อนก็ตกจากมือของลูกชายเธออีกครั้ง
เก็บขึ้นมา ตกลงไป เก็บขึ้นมา ตกลงไป
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าเฉินเหมยห่วนก็ยังไม่ยอมแพ้ และไม่ได้แสดงสีหน้ารำคาญอะไรเลย
เธอนึกไม่ถึงว่า หลายปีมานี้ ด้วยธุรกิจโรงงานที่รับเหมาค่อยๆ ซบเซาลง อารมณ์ของเธอก็เริ่มฉุนเฉียวง่าย ความอดทนก็ลดลงต่ำเรื่อยๆ
แต่แม้ว่าตอนนี้ เธอต้องทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทว่าก็ไม่ได้รำคาญใจเลย
สุดท้าย พอลูกของเธอเรียนรู้การจับค้อนได้แน่น เฉินเหมยห่วนก็ดีใจจากก้นบึ้งของหัวใจ แล้วเริ่มสอนเขาใช้ค้อนทุบเต่าที่ขยับขึ้นลงพวกนั้นทีละน้อย
ทีละน้อยๆ ด้วยท่าทางงุ่มง่าม คะแนนที่ได้ก็แย่จนไม่อาจทนดูได้…แต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากลูกชาย ฉับพลันความสุขที่เลือนหายมานานก็กลับมาอีกครั้ง
เธอย้อนนึกถึงเรื่องเมื่อก่อน …อดีตอันยาวนานตั้งแต่ลูกชายเป็นเพียงเด็กตัวน้อย
เธอสอนเขาหัดเดินรอบแล้วรอบเล่า สอนเขาหัดพูดด้วยความอดทน แม้ว่าเขาหัดเดินได้แค่ก้าวเดียว แม้ว่าเขาหัดพูดได้ชัดเจนเพียงคำเดียว แต่ก็พอให้เธอดีใจไปได้ครึ่งวัน
จนมาถึงตอนนี้ เฉินเหมยห่วนถึงคิดได้ว่า นั่นเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ของเธอ
สมบัติในโลก คือการหวังว่าลูกจะประสบความสำเร็จ…เธอลืมความสุขที่บริสุทธิ์ที่สุดไปตั้งแต่เมื่อไรกัน?
วันที่เขาเกิดมาในโลกใบนี้ วันที่ฝ่ามือน้อยของเขากำหลวมๆ ตรงหน้าเธอ …ทำไมเธอถึงลืมสิ่งเหล่านี้ไปได้?
ไม่รู้ว่าเฉินเหมยห่วนหยุดมือลงตั้งแต่เมื่อไร …พอไม่มีการผลักดันของเธอ มือของลูกชายที่จับค้อนก็หยุดลง
เธอรู้สึกผิดและโทษตัวเอง สะอึกสะอื้นพึมพำว่า “แม่มัวแต่ยุ่งกับงาน แม่ไม่ควรบังคับให้ลูกเรียนเลย…แม่…”
ที่สุดแล้วเธอก็พูดไม่ออก คล้ายจุดบอบบางในใจถูกบางอย่างแทงทะลุ คล้ายก้างติดคอทิ่มแทงจนเจ็บปวด
ได้แต่น้ำตารินอยู่เงียบๆ
ในที่สุดเธอก็ปล่อยมือลงข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง ทว่าลูกชายของเธอกลับถือค้อนทุบลงไปบนหัวของเต่าพลาสติกตัวหนึ่ง
เขายังคงนิ่งเงียบ แววตาเหม่อลอย ขยับอยู่ท่าเดิมซ้ำๆ…คล้ายกับหุ่นยนต์ แต่เฉินเหมยห่วนกลับเหมือนได้เห็นแสงแรกอรุณ มองใบหน้าลูกชายอย่างเหม่อลอย …
“โค้กสองกระป๋องสิบหยวน”
“นี่ค่ะ”
เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไปเงียบๆ อยู่ตรงหน้าเครื่องเล่นตีเต่าเก่าๆ เครื่องนั้น …จนกระทั่งถึงเวลาที่สวนสนุกแห่งนี้ใกล้จะปิดทำการ
เฉินเหมยห่วนสาวเท้าเดินไปทางลูกชายของตัวเองอย่างรวดเร็ว…แม้ว่าจะมองเห็นแค่ไกลๆ เธอก็พึงพอใจ เหมือนทั้งหัวใจได้ถูกเติมเต็ม
ทำไมหลายปีมานี้ถึงลืมความรู้สึกแบบนี้ไปได้?
แต่เธอกลับหยุดฝีเท้าลงอย่างเร็ว ด้วยเพราะผู้หญิงในเดรสดำคนหนึ่งกำลังเดินมาหน้าเธอ
เฉินเหมยห่วนตะลึง ถ้าเธอจำไม่ผิด น่าจะเพิ่งเจอผู้หญิงคนนี้ครั้งหนึ่งด้านหน้าโรงแรม …แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
เฉินเหมยห่วนก้มหน้าเดินผ่านอีกฝ่ายไปทันที แต่วินาทีที่เดินผ่านไป เธอกลับได้ยินเสียงของหญิงสาวเดรสสีดำคนนี้พูดสวนขึ้นมา
เธอถามว่า “ทำไมไม่ให้เขาพักอย่างสงบล่ะ?”
เฉินเหมยห่วนชะงักฝีเท้าทันที แล้วหันมาอย่างตื่นตระหนก เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่เคยรู้จักหญิงสาวคนนี้ แล้วก็เจอกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ทำไมเธอถึงรู้เรื่องพวกนี้ได้ …เธอยังรู้อะไรอีก?
“คุณ…คุณเป็นใครคะ?” เฉินเหมยห่วนถามอย่างระแวดระวัง “คุณตามฉันมาตลอดเลยเหรอ?”
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญที่คุณ”
หญิงสาวชุดดำส่ายหน้าพูดต่อ “ถึงฉันไม่รู้ว่าคุณใช้วิธีอะไรให้เขามาอยู่ในสภาพแบบตอนนี้ แต่คุณคิดว่าแบบนี้ดีจริงๆ เหรอ? กาลเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำไหลผ่าน ทำไมต้องรบกวนความสงบของเขา”
“คุณจะไปรู้อะไร!” เฉินเหมยห่วนเริ่มหวั่นใจทันที
อีกฝ่ายถอนหายใจแล้วพูดว่า “ฉันก็กำลังเลี้ยงดูเด็กๆ เหมือนกัน สำหรับฉันพวกมันสำคัญกว่าชีวิตของฉัน …ฉันเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดี”
“ถ้าคุณเข้าใจ…งั้นก็อย่ามาขวางฉัน!”
“แต่คุณต้องรู้นะว่า บนตัวลูกชายคุณเต็มไปด้วยกลิ่นศพ …นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับคุณเลย ผ่านไปนานเข้า ร่างกายของคุณก็จะเริ่มมีปัญหา”
ผู้หญิงในเดรสดำคนนี้เริ่มเหลืออดเล็กน้อย แต่กลับพูดต่อไป “ฟังนะ เขาอาจจะกลายเป็นซอมบี้ …คุณไม่อยากเห็นเขาในสภาพนั้นแน่นอน”
เฉินเหมยห่วนมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง “ฉันไม่รู้จักคุณ! ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร! คุณอย่ามาขวางฉัน! ฉันเสียเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว ฉันจะไม่ยอมเสียเขาไปอีก! ในเมื่อคุณเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ งั้นคุณก็ควรเข้าใจฉัน!”
“ทำไมมนุษย์ถึงดื้อด้านแบบนี้นะ”
เธอทำได้แค่ถอนหายใจ ฝืนยิ้มหัวเราะเยาะตัวเอง พูดว่า “แต่ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ว่าคุณ …ฉันก็มีชีวิตหลังความตายที่ดื้อด้าน เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันพักอยู่ชั้นบนนี่เอง ถ้าคุณต้องการอะไรก็มาเคาะห้องฉันได้ แต่หวังว่าคงไม่มีวันนั้นนะคะ”
“คุณ…คุณเป็นใครกันแน่?”
“เฮยสุ่ย” เธอพูดเสียงเบาๆ “ฉันชื่อเฮยสุ่ย”
เธอเกลียดมนุษย์ เธออยู่ที่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอยอมรับมนุษย์ เธอเพียงแค่อดสงสารไม่ได้ก็เท่านั้น…ในฐานะที่เป็นแม่เหมือนกัน