สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 32 เน่าเปื่อย
ตึกอิ่งชวน
เรียกที่นี่ว่าศูนย์การค้าอาจจะเหมาะกว่า เพราะมีร้านรวงต่างๆ นานาตั้งแต่ชั้นแรกจนถึงชั้นห้า
ที่นี่เป็นสถานที่ดึงดูดพวกวัยรุ่น ด้วยเพราะมีร้านอาหารชั้นเลิศ ร้านเสื้อผ้า และร้านเครื่องประดับ เป็นต้น
แต่ไม่ได้หมายความว่าร้านรวงที่นี่จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะมีร้านค้าประเภทเดียวกันมากมาย วันหนึ่งเจ้าของร้านอาจขายไม่ได้เลยก็ได้
ดังนั้นตอนที่มีลูกค้าเดินเข้ามา บรรดาเจ้าของร้านก็จะขึ้นราคาตามใจชอบ…เอ่อ ให้การต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้น
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงลองแวะเข้ามาดูได้นะคะ! เครื่องประดับของเราเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องเงินเป็นไงคะ? เงินบริสุทธิ์ 92.5% ทั้งหมด…ไม่อย่างนั้น คริสทัลก็ดีค่ะ! โรสควอตซ์* เลยนะคะ! โรสควอตซ์ช่วยนำโชคดีมาให้ได้ ซื้อให้แฟนคุณสักเส้นเถอะค่ะ! แฟนสวยขนาดนี้ จะปล่อยให้ข้อมือโล่งได้ยังไงล่ะคะ”
แม่ค้าคนนี้ราวกับติดปืนกลไว้ที่ปาก จนเจ้าของสมาคมซึ่งทำธุรกิจค้าขายเหมือนกันต้องละอายใจ
ใช่แล้ว คู่วัยรุ่นชายหญิงที่เดินเล่นมาถึงตรงนี้ย่อมต้องเป็นเจ้าของสมาคมและคุณสาวใช้
“เถ้าแก่เนี้ยเคยเห็นสร้อยแบบนี้ไหมคะ?” โยวเย่หยิบมือถือออกมาเปิดรูปรูปหนึ่งให้ดู
‘สร้อยที่มีจี้คริสทัลสีดำเส้นหนึ่ง’
“ อืม…คุ้นอยู่นะ” คุณป้าขายเครื่องประดับครุ่นนคิด แล้วพูดอีกว่า “แต่ของแบบนี้เห็นได้บ่อย…อืม พวกคุณอยากหาแบบเดียวกันเหรอ? ลองดูแบบของพวกนี้ได้นะคะ รูปแบบก็ไม่ต่างกันมากหรอกค่ะ! ถ้าถูกใจ ตอนนี้ร้านเราจัดโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อครบหนึ่งร้อยหยวนแถม…”
คุณสาวใช้ยื่นมือไปแตะบนหน้าผากของเธอเบาๆ คุณป้าที่พูดน้ำไหลไฟดับก็เงียบไปทันที
ทางฝั่งนั้น เจ้าของร้านลั่วกำลังมองพิจารณาเครื่องประดับของร้านค้าเล็กๆ ร้านนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็เงี่ยหูฟังการซักถามของคุณสาวใช้ไปด้วย
“คุณลองนึกดีๆ นะคะ คุณจำสร้อยเส้นนี้ได้ไหม? เมื่อสามเดือนก่อน”
นั่นทำให้เถ้าแก่เนี้ยร้านเครื่องประดับจมดิ่งสู่ห้วงจิตสำนึกระดับลึก พูดง่ายๆ ก็คือ การสะกดจิตอย่างหนึ่งที่ทำให้คนนึกย้อนถึงความทรงจำหยุมหยิมพวกนั้น
“สามเดือนก่อน…” คุณป้ามองร้านตัวเองอย่างเลื่อนลอย ผ่านไปสักพักหนึ่งถึงได้พูดว่า “ฉันนึกออกแล้ว…สามเดือนก่อนมีคนเข้ามาขายสินค้า แล้วยัดเยียดสินค้าล็อตหนึ่งให้ฉัน ยังบอกอีกว่าเป็นคริสทัลเกรดดี ฉันเห็นว่าราคาถูกก็เลยรับมาส่วนหนึ่ง แต่มันขายออกยากจริงๆ…อืม น่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งมาซื้อไป”
“คุณยังจำลักษณะของคนขายได้ไหมคะ…ไม่ต้องเครียดนะคะ ค่อยๆ นึก คุณนึกได้แน่…ผ่อนคลายหน่อยค่ะ”
ระหว่างที่พูด คุณสาวใช้ก็หยิบดินสอและกระดาษขาวออกมา ก่อนส่งไปไว้ในมือเถ้าแก่เนี้ยคนนี้ แล้วใช้เล็บแตะไปบนหน้าผากของเถ้าแก่เนี้ยเบาๆ
จากนั้นเถ้าแก่เนี้ยก็เริ่มใช้ดินสอวาดบางอย่างลงไปในกระดาษในช่วงที่ไม่ได้สติ…เป็นภาพเหมือนคนผู้หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน
“นายท่าน เธอคงรู้เรื่องไม่เท่าไรแล้ว” คุณสาวใช้ถือกระดาษสีขาวที่มีใบหน้าของคนผู้หนึ่งมาข้างหน้าลั่วชิว
เขาเบนสายตาจากตู้โชว์มาที่รูปภาพบนกระดาษขาวนี้ หลังจากมองอยู่แป๊บหนึ่ง…คาดไม่ถึงว่าจะวาดได้เหมือนมีชีวิตจริงๆ
แต่ลั่วชิวกลับไม่มีภาพจำเกี่ยวกับผู้ชายในภาพนี้เลย
สวมแว่นตา ข้างๆ ตาซ้ายมีไฝเม็ดหนึ่งซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง นอกนั้นก็แค่คนหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง
“คุณป้าคนนี้ขายของที่ได้ออกไปหมดแล้วหรอ?”
“เหมือนขายให้แค่จ้าวหรูค่ะ” โยวเย่หยิบกล่องใบหนึ่งจากใต้ตู้ของคุณป้าออกมาเปิดแล้วพูดว่า “ที่เหลืออยู่ที่นี่แล้วค่ะ…จากที่เถ้าแก่เนี้ยคนนี้เล่า พวกนี้ขายออกยาก เธอก็เลยวางไว้ล่างสุดของตู้ ถือซะว่าโดนเอาเปรียบไปครั้งหนึ่ง”
ลั่วชิวหยิบสร้อยคอเส้นหนึ่งขึ้นมาจากในนั้น แล้วลูบไล้ไปพลางพูดว่า “ไม่ใช่ของแบบเดียวกัน”
“สร้อยเส้นนั้นอาจแค่ปนเข้ามาอยู่ในนั้น”
ลั่วชิวยิ้มแล้วปิดกล่องใบนี้ “ตอนนี้ดูแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพชรดำเม็ดนั้นหรือว่าสร้อยคริสทัลของจ้าวหรู เหมือนมีคนตั้งใจปล่อยออกมาอย่างนั้น เธอบอกว่าในนั้นมีพลังงานที่ใช้หลอกล่อให้มนุษย์เผยความปรารถนาจากก้นบึ้งหัวใจได้ เหมือนสมาคมของเราสินะ…น่าสนใจจริงๆ”
โยวเย่พูดอย่างเฉยชา “นี่เป็นวิธีการชั้นต่ำ ใช้ขยายเจตนาชั่วในใจคนเท่านั้น ไม่ได้เห็นแก่นแท้โดยตรง จะเทียบกับสมาคมของเราได้ยังไงคะ”
ลั่วชิวยิ้มแล้วไม่พูดอะไรอีก
“นายท่านคะ ฉันจะลองหาคนในภาพเหมือนที่ที่เมืองนี้ก่อนแล้วกันนะคะ”
“ไม่ต้อง” ลั่วชิวส่ายหัวเล็กน้อย “ถ้ามีวาสนาคงได้เจอกัน”
คุณสาวใช้รู้ว่าการคาดเดาของเจ้าของสมาคมแม่นยำมาแต่ไหนแต่ไร จึงไม่ได้ซักไซ้ไตร่ถามต่อไป
แล้วลั่วชิวก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนด้วยเพราะค้นพบอะไรบางอย่าง เขาเปิดตู้ใบหนึ่งในร้านเครื่องประดับ แล้วหยิบสร้อยถักทำมือเส้นหนึ่งที่มีไพฑูรย์สีอำพันร้อยไว้สามเม็ดออกมาจากในนั้น
เขาคลายปมออก จากนั้นก็ยกข้อมือซ้ายของโยวเย่ขึ้นมา แล้วสวมมันเข้าไป
“กลับกันเถอะ”
เจ้าของร้านลั่วเดินเอามือไพล่หลังออกจากร้านเล็กๆ นี้มา
แน่นอนว่าเขาจ่ายเงินแล้ว
…
…
ในสถานีตำรวจ
“ตรวจสอบได้แล้ว จากส่วนผสมของยานี้น่าจะเป็นยาต้านมะเร็งชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Chidamide**”
“ยาต้านมะเร็ง?” หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้ว…เหล่าฉินที่อยู่ตรงหน้าบอกว่าเป็นยาต้านมะเร็งก็ต้องเป็นยาต้านมะเร็งแน่นอนแล้ว เขาบ่นพึมพำขึ้นมาอยู่พักหนึ่ง “เหล่าฉิน คุณเดาสิว่าผมเจอยานี้จากที่ไหน?”
“ไม่สน”
“…”หม่าโฮ่วเต๋อกะพริบตาแก้เก้อ แล้วจึงพูดต่อว่า “ผมหาเจอจากในห้องกู้จยาเจี๋ย มันตกอยู่บนพื้น น่าจะบังเอิญกลิ้งเข้าไปในพรม ตอนแรกเลยไม่มีคนสังเกตเห็น”
เหล่าฉินรีบลุกพรวดพราด แล้วเดินออกไปข้างนอกโดยไม่พูดโต้แย้งใดๆ หม่าโฮ่วเต๋อเห็นดังนี้จึงถามอย่างงงงันว่า “นี่?? คุณจะไปไหน?”
“ผมจะตรวจสอบศพของกู้จยาเจี๋ยอีกสักหน่อย”
…
…
บนถนน เฉินเหมยห่วนหันไปมองด้านหลังของตัวเองเป็นระยะๆ อีกทั้งยังเร่งฝีเท้าเดิน จนกระทั่งกลับมาถึงบ้านเช่าของตัวเอง หลังจากปิดประตูจนแน่นสนิท ก็ยังคงไม่สบายใจ
เธอมองผ่านตาแมวบนบานประตู หลังจากไม่เห็นคนอยู่นอกประตู ถึงได้ถอนหายใจ
‘ระแวงเกินไปหรือเปล่านะ?’
เธออดถามตัวเองแบบนี้ไม่ได้ เฉินเหมยห่วนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พอวางอาหารที่ออกไปซื้อข้างนอกไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงได้เอาน้ำร้อน เดินเข้าไปในบ้าน
ถึงจะบอกว่าลูกชายของเธอเริ่มขยับตัวเองบ้างแล้ว แต่ก็เป็นการกระทำง่ายๆ ไม่ได้ถึงระดับช่วยเหลือตัวเองได้เลย
“ยืนขึ้นสิ แม่จะเช็ดตัวให้ลูก”
เฉินเหมยห่วนถอดเสื้อของลูกชายออก แล้วเริ่มเช็ดจากด้านหลังเขา…เช็ดหลังให้ลูกชายมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่มองเห็นบาดแผลมากมายบนตัวเขา เธอก็ทุกข์ใจจนน้ำตารื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
‘ผู้ชายคนนั้น…เป็นปีศาจร้ายชัดๆ ใจดำตีเด็กจนเป็นขนาดนี้ได้ยังไง’
“ทำไมลูกไม่บอกแม่เลย” เฉินเหมยห่วนถามด้วยเสียงแหบแห้ง…แม้ว่าเธอไม่อาจได้รับคำตอบก็ตาม
“แต่ไม่เป็นไรแล้ว อีกแป๊บเดียวพวกเราก็จะไปจากที่นี่แล้ว” เธอจับบ่าลูกชายแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “พวกเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน เหมือนเมื่อก่อนยังไงล่ะ พวกเราจากพ่อที่เหมือนไอ้สารเลวนั่นมา แม่ก็เหลือแค่ลูกเท่านั้น ครั้งนี้แม่จะต้อง…”
เธอลูบหัวลูกชายเบาๆ แต่สีหน้ากลับเปลี่ยนไปทันที
ผม…ที่เธอสางให้ลูกชายหลุดติดนิ้วเธอออกมามากมาย
ผมทีละกำ ทีละกำ
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง! ทำไมถึงเป็นแบบนี้! ไม่จริง!”
เธอรีบหยิบผมพวกนี้ขึ้นไปปิดหนังหัวอย่างร้อนรน แต่มันกลับติดมือออกมามากกว่าเดิมจนเธอทำอะไรไม่ถูก …เธอไม่อาจหยุดผมหลุดร่วงพวกนี้ได้เลย
เขา…กำลังเน่าเปื่อย
*โรสควอตซ์หรือหินกุหลาบ เป็นอัญมณีในตระกูลควอตซ์อีกชนิดหนึ่ง ที่มีต้นกำเนิดมาจากการผสมรวมตัวกันของธาตุไทเทเนียม เหล็ก และแมงกานิส จนเกิดเป็นสีชมพูสวยงาม และมีความนุ่มนวลอ่อนหวานในตัวเอง
**Chidamide ชื่อยาชนิดหนึ่ง