สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 33 เจอคนตายตัวเป็นๆ ต่อหน้ารู้สึกแบบไหนกัน
เสียงในความทรงจำดังขึ้นในใจของเฉินเหมยห่วน
‘แม้จะทำให้คืนชีพได้ ก็อาจไม่ใช่ลูกชายที่คุณรู้จัก’
‘…แต่คุณต้องรู้นะว่า บนตัวลูกชายคุณเต็มไปด้วยกลิ่นศพ …นี่ไม่มีอะไรดีกับคุณเลย ผ่านไปนานเข้า ร่างกายของคุณก็จะมีปัญหา’
เฉินเหมยห่วนล้างหน้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ น้ำในอ่างล้างหน้าค่อยๆ ไหลล้นออกมา แต่เธอกลับเอาแต่เหม่อมองตัวเองในกระจก
เธอจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองไม่ได้ส่องกระจกมานานขนาดไหนแล้ว…ใบหน้าที่อยู่ในกระจกนั้นซีดขาว เหมือนกับคนที่แก่ไปหลายปี นี่ใช่ตัวเธอใช่ไหม?
ริมฝีปากไร้เลือดฝาดและขาวซีด ดวงตาไร้ราศี สีหน้าซูบซีด…นี่เหมือนกับคนป่วยไม่มีผิด
“ไม่มีทาง ฉันแค่เหนื่อยเกินไป…ใช่แล้ว ฉันแค่เหนื่อยเกินไป”
เธอหายใจลึกๆ แล้วบิดหัวก๊อกน้ำปิดให้สนิท จากนั้นก็สาดน้ำในอ่างล้างหน้าไปบนหน้าตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอพูดพึมพำตอนออกจากห้องน้ำว่า ‘ฉันไม่เหนื่อย’
ไม่นานก็จะถึงเวลาออกเดินทางแล้ว ถึงเวลาออกจากสถานที่แห่งนี้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่สักที…จะเหนื่อยได้ยังไงกัน? ไม่เหนื่อยหรอก
ไม่มีทาง
แต่หลังจากสภาพเน่าเปื่อยเริ่มปรากฏขึ้น มันก็ยิ่งเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไรนะลูก ลูกแค่ป่วย ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว แม่อยู่ตรงนี้แล้ว”
เขายังขยับได้ ลืมตาได้ สื่ออารมณ์ผ่านดวงตาได้…แน่นอนว่าเขายังมีชีวิต
มีชีวิต!
เฉินเหมยห่วนประคองหน้าเขาเบาๆ พร้อมกับพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรนะ แม่จะไปซื้อรองพื้นมาสักหน่อย ไม่เป็นไร ถึงป่วยก็ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวก็หายแล้ว”
ใช่แล้ว ไม่เป็นไร…เดี๋ยวจะดีขึ้นเอง
เธอออกจากบ้านไป แล้วเขาก็ยืนขึ้นด้วยท่าทางเชื่องช้า ก่อนเดินผ่านประตูห้องน้ำไป เขาหันหน้าไปมองหน้าตาตัวเองที่ปรากฏอยู่บนมุมหนึ่งของกระจก
แล้วก็ยืนนิ่งอยู่แบบนี้
…
…
“เซอร์หม่าครับ ส่งเรื่องหาตัวเฉินเหมยห่วนให้ลูกน้องไปทำก็ได้นี่ครับ ทำไมท่านต้องลำบากไปหาเองด้วย?”
นายตำรวจหนุ่มชั้นผู้น้อยมองหม่าโฮ่วเต๋อพร้อมเอ่ยถามขึ้น หลังจากเพิ่งถามคนเดินถนนคนหนึ่งไป
เซอร์หม่ากำลังพิงประตูรถพร้อมกับสูบบุหรี่ เขากระแอมไอแล้วตอบว่า “หลักๆ ก็คือผมมีบางเรื่องที่คิดไม่ออก จ้าวหรูบอกว่าการตายของกู้จยาเจี๋ยไม่เกี่ยวกับเธอเลย แต่ทำไมเขาถึงเป็นคนฆ่าตัวตายคนที่ห้าได้? คิดไม่ออกเลย…”
แน่นอนว่ายังมียาที่หาเจอในห้องกู้จยาเจี๋ยเม็ดนั้นอีก รวมทั้งคำพูดที่เหล่าฉินเคยพูดไว้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรหม่าโฮ่วเต๋อก็ยังคิดไม่ตก
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ยังไงตอนนี้ก็ไม่ได้คำตอบจากทางจ้าวหรู เลยว่าจะออกมาสูดอากาศสักหน่อย อยู่ในห้องทำงานก็ถูกหวังเย่ว์ชวนในห้องประชุมตรงข้ามห้องทำงานผมมองจนอึดอัดไปหมด!”
นี่เลยเป็นเหตุผลให้ท่านออกมาตามหาคนตอนนี้เหรอ …
“ทำไม มีปัญหาเหรอ?” หม่าโฮ่วเต๋อจ้องเขม็ง
“เปล่า…ครับ ผมลองไปถามเจ้าของร้านสะดวกซื้อเล็กๆ ตรงนั้นก่อนนะครับ” ชายหนุ่มวิ่งไปถนนฝั่งตรงข้ามอย่างร้อนรน จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อร้านนั้น
เมื่อวาน จากบันทึกการใช้จ่ายที่ธนาคารส่งให้ พวกเขาพบว่าการใช้จ่ายครั้งสุดท้ายของเฉินเหมยห่วนอยู่แถวๆ นี้
ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงมากที่เธอจะอยู่แถวนี้ หม่าโฮ่วเต๋อเงยหน้าไปมองสภาพแวดล้อมของที่นี่…หมู่บ้านที่อยู่ในเมืองแบบนี้ อะพาร์ตเมนต์ที่ใช้เช่าอาศัยเยอะมากจริงๆ ถนนหนทางก็ค่อนข้างซับซ้อน จะหาใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ในตอนนี้เอง นายตำรวจหนุ่มก็วิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาพูดแบบดีใจจนออกนอกหน้าว่า “ เซอร์หม่า เจอแล้วครับ!”
“ไหนว่ามาสิ”
“ผมให้เจ้าของร้านคนนี้ดูรูปแล้ว จากที่เขาเล่า น่าจะเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ครับ” นายตำรวจหนุ่มหยุดไปสักพักแล้วพูดว่า “เขาบอกว่า เคยเห็นผู้หญิงคนนี้ออกจากบ้านมาซื้อของกลับไปตอนมืดสองครั้งครับ เจ้าของร้านคนนี้อยู่ในหมู่บ้านกลางเมืองมาหลายสิบปีแล้ว เลยมีความรู้สึกไวต่อคนแปลกหน้ามากเป็นพิเศษครับ”
“รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ไหนไหม?”
“เจ้าของร้านชี้ว่าเดินไปทางนี้ครับ ไม่รู้มากนัก แต่เหมือนหลายวันมานี้เธอออกมาข้างนอกในเวลาประมาณนี้ครับ”
“พวกเราแยกกันไปถามทีละหลังเถอะ แบบนี้จะไวหน่อย! บางทีอาจจะเจอเลยก็ได้!” หม่าโฮ่วเต๋อเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาทันที
…
“คุณนายยังต้องการอย่างอื่นอีกไหมคะ? ลองลิปสติกแท่งนี้ดูหน่อยไหมคะ? รุ่นใหม่ล่าสุดเลยนะคะ สีก็สวยมาก …”
“ไม่แล้วค่ะ คิดเงินเถอะ”
เฉินเหมยห่วนรีบตัดบท จากนั้นก็รูดบัตร ก่อนหยิบเครื่องสำอางถุงเล็กๆ ขึ้นมา แล้วออกจากร้านเครื่องสำอางร้านนี้อย่างรีบร้อน
พนักงานมองแวบหนึ่ง เธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้ดูลุกลี้ลุกลน เหมือนกลัวใครเจออย่างนั้นแหละ…แต่ว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับเธอที่ไหน?
ยังไงก็เป็นเรื่องของคนอื่น
…
เฉินเหมยห่วนดูเวลาหลังออกจากบ้านมา คิดดูแล้วเวลานี้ซูเปอร์มาร์เก็ตคงเหลือแค่พวกเนื้อและผักที่ขายไม่ออกเท่านั้น
ไปสั่งข้างนอกแล้วห่อกลับบ้านแล้วกัน วันนี้ขอกินตามใจสักหน่อย
พอคิดอย่างนี้ เธอก็หยุดลงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งระหว่างทางกลับบ้าน อาหารวางไว้ข้างหน้าร้านโดยมีกระจกกั้นเอาไว้ เจ้าของร้านก็กำลังสับน่องไก่อยู่ข้างใน เขาเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วถามว่า “จะสั่งอะไรครับ เนื้อสองผักหนึ่ง สิบสองหยวน แถมซุปพิเศษประจำวัน”
ไม่ใช่ภาษาจีนกลางที่ได้มาตรฐานนัก…เจ้าของร้านน่าจะเป็นคนกวางตุ้งมากกว่า
แล้วก็ไม่มีของที่ลูกชายเธอชอบกินสักอย่าง เฉินเหมยห่วนจึงลังเลเล็กน้อย…สีหน้าของเธอก็ดูผิดปกติไปเช่นกัน
ตอนนี้เป็นช่วงกลางคืน
บนเงาสะท้อนของกระจกที่อยู่ตรงหน้าบานนี้…มีคนที่ไหนเดินผ่านด้านหลังเธอไปหรือเปล่า?
เฉินเหมยห่วนหันตัวกลับไปทันที ตรงข้ามซอยหมู่บ้านกลางเมืองที่คับแคบ ซอยหลายซอยมืดสลัวไปหมด หลอดไฟบนถนนเก่าๆ กะพริบอยู่ด้านข้าง
เฉินเหมยห่วนจับถุงของตัวเองเอาไว้แน่นทันที เธอก้มหน้าแล้วก็พูดว่า “ฉันไม่เอาแล้วค่ะ”
เธอจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงก่นด่าของเจ้าของร้านคนนั้นได้รางๆ “ตัวขัดโชค!”
เธอไม่รู้ว่าประโยคนี้หมายความว่าอะไร แล้วก็ไม่ได้เก็บไปคิด เธอแค่คิดจะกลับไปยังที่ที่เธอพักอยู่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น พอเลี้ยวเข้าไปในซอยหนึ่งแล้วก็รีบวิ่งทันที
แต่คนที่วิ่งอยู่บนถนนเปลี่ยวไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว!
ตอนนี้เงาอีกคนหนึ่งก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นแล้ว
เขาใส่หมวกและผ้าปิดปาก เห็นๆ ว่ากำลังหาอะไรอยู่ สายตาของเขากำลังกวาดมองซอยเล็กๆ แห่งนี้ไม่หยุด แต่พอหาแล้วไม่เจอแล้ว เขาเลยต้องเลือกที่จะจากไป
ดูท่าจะถูกจับได้แล้วแฮะ …ต้องยอมแพ้แล้วเหรอเนี่ย? เขากำลังถามตัวเองเงียบๆ…ในตาของเขามีความลังเลแวบเข้ามา ตอนที่กำลังครุ่นคิดว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงแบบนี้
ที่ด้านหลังเขานี่เอง
“ฉันเคยเจอเธอที่ไหนหรือเปล่า?”
เขาหันมาทันที ก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนที่มีหนวดน้อยๆ พลุงพลุ้ย ยืนอยู่ข้างหลังเขา…หม่าโฮ่วเต๋อ
“ฉันเคยเจอเธอที่ไหนหรือเปล่า?”
หม่าโฮ่วเต๋อเดินเข้ามาอีกก้าว ไม่ใช่ความรู้สึกในแบบที่ตำรวจมีต่อผู้ต้องสงสัย ถึงแม้ว่าเจ้านี้จะใส่หมวกแล้วก็ผ้าปิดปากที่ชวนให้สงสัยจริงๆ
แต่หลังจากเขาและลูกน้องแยกกันตามหาตัวคน ก็พบร่องรอยของเฉินเหมยห่วนโดยบังเอิญ เซอร์หม่าไม่ได้คิดจะเดินหน้าขึ้นไปตะโกนเรียกคุณนายที่หายตัวไปคนนี้ทันที ลางสังหรณ์บอกเขาว่า คุณนายคนนี้ดูตื่นกลัวมากๆ ราวกับกำลังหลบอะไรอยู่
เขาตามมาอยู่ตลอดทาง จนกระทั่งเฉินเหมยห่วนหยุดอยู่ที่ร้านขายอาหารเล็กๆ…เขาก็เจอตัวผู้ชายที่น่าสงสัยคนนี้แล้ว
เซอร์หม่ารู้สึกเหมือนตัวเองเคยเจอเจ้าคนน่าสงสัยคนนี้ที่ไหน…แต่กลับนึกไม่ออกในทันที
“ไม่…ไม่เคยเจอ” เจ้าคนน่าสงสัยนี่รีบพูดสวนมาคำหนึ่ง แล้วก้มหน้าลง คิดจะเดินหนีไปจากหม่าโฮ่วเต๋อ
“เดี๋ยวก่อน” เซอร์หม่าหันตัวเอามือแตะไปบนบ่าของเจ้าคนน่าสงสัย
เจ้านี่ค่อนข้างผอมแห้ง ในมุมมองผู้ใหญ่แล้ว เขาปวกเปียกมากจริงๆ
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เขาแตะบ่าผู้ชายน่าสงสัยคนนี้ เขาจะสะบัดออกในทันที แล้วจึงหันตัวไปผลัก หม่าโฮ่วเต๋อหนึ่งที ก่อนรีบวิ่งหนีไป
“แม่งเอ๊ย! คิดจะหนีพ้นจากข้า? ไม่มีทาง!”
เซอร์หม่าถอดรองเท้าออกโดยไม่พูดไม่จา แล้วก็ปาออกไปเลย! นายตำรวจหม่าโฮ่วเต๋อผู้ที่ใช้ปืนสไนเปอร์เก่ง เขวี้ยงกระป๋องโค้กเก่ง แล้วยังชำนาญการปารองเท้าด้วยเช่นกัน รองเท้าโดนส้นเท้าของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง ทำให้เขาทรงตัวไม่อยู่ วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงบนพื้นทันที!
เซอร์หม่ารีบก้าวเดินไปอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย แล้วพลิกแขนอีกฝ่ายกลับมาไว้ด้านหลังเขา แล้วก็ยกตัวขึ้นมา “อย่าขยับ! นี่ตำรวจ! ตอนนี้ฉันสงสัยว่าเธอมีการกระทำที่น่าสงสัย! บอกชื่อ บัตรประชาชนมา!”
เซอร์หม่ากดเขาไว้กับกำแพง แล้วพูดถามอย่างเฉียบขาด
แต่เจ้านี่ให้ตายยังไม่ก็ไม่ยอมพูด เอาแต่ดิ้นไม่หยุด!
หม่าโฮ่วเต๋อหันตัวคนมา แต่ก็ออกแรงกดอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กัน เขายื่นมือไปจับผ้าปิดปากบนหน้าของคนต้องสงสัยคนนี้
“อย่า!”
เจ้าคนน่าสงสัยร้องอย่างตกใจครั้งหนึ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่อาจขัดขวางนายตำรวจหม่าเปิดผ้าปิดปากบนหน้าเขาออกมาได้
“ให้ฉันดูหน่อยแล้วกัน เธอเป็นใครกันแน่…เธอ…เธอคือ…”
หม่าโฮ่วเต๋อชะงักค้าง เขาเข้าสู่สภาวะเอ๋อทันที เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากตรงเท้า!
เท้าเปล่าเปลือข้างนั้นของเขาถูกกระทืบเข้าอย่างจัง!
อาการเจ็บปวดที่ปลายประสาทนิ้วนั้นเจ็บมาก คิดดูแล้วตรงเท้าก็ไม่ต่างกัน
ในช่วงที่วุ่นวาย เขาก็ถูกเจ้านี่ผลักล้มไปกองบนพื้น!
“หยุดนะ! อย่าหนี!! อย่าหนี…เจ็บชะมัดเลยโว้ย!” เซอร์หม่ารีบยันตัวขึ้นมา แล้วก็กำลังใช้ขาที่เจ็บถีบออกไป แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่มองเจ้านี่หนีเข้าไปในซอยเล็กๆ อีกซอยไปต่อหน้าต่อตา
…
“เซอร์หม่า! เซอร์หม่า ทำไมท่านมานั่งอยู่ตรงนี้ครับ…เท้าท่านเป็นอะไรไป?”
นายตำรวจหนุ่มกำลังจะวิ่งเข้ามาถาม เห็นหม่าโฮ่วเต๋อนั่งอยู่บนขั้นบันไดหน้าร้านชาวบ้านริมถนน เขาจึงเดินหน้าตื่นเข้ามาหา
เขาเห็นหม่าโฮ่วเต๋อก้มหน้า คลึงเท้าตัวเองไปพลาง และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร…อีกทั้งยังขมวดคิ้วเป็นปมแน่น
“เซอร์หม่า? เซอร์หม่า?”
หม่าโฮ่วเต๋อเงยหน้าขึ้นมาอย่างงุนงง แล้วถามทันทีว่า “คุณ…คุณคิดว่าคนตายคืนชีพได้ไหม?”
“อะไรนะ?”
“คุณรู้ไหมว่าเมื่อกี้ผมเห็นใคร?”
“ใคร?”
“กู้จยาเจี๋ย…กู้จยาเจี๋ยตัวเป็นๆ!”