สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 34 ฝาแฝด
อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว
ถึงตนเองจะมีความรู้สึกไวก็ตาม เฉินเหมยห่วนก็คิดว่าตนเองไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้แล้ว
หาโรงแรมสักแห่งพักก็แล้วกัน….ยังไงก็ใกล้ถึงเวลารถออกแล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับสางผมของตนเองเล็กน้อย เตรียมเปิดประตู
“จยาเจี๋ย แม่กลับ…”
เธอทำเสียงอ่อนโยน แต่วินาทีที่เสียบกุญแจประตูนั้น ประตูห้องกลับขยับเปิดเบาๆ…ไม่ได้ล็อก!
เฉินเหมยห่วนตกใจ รีบผลักประตูเปิดเข้าไป พร้อมตะโกนเรียกชื่อลูกชาย เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขกก็ไม่มีใคร เดินเข้าไปในห้องนอนก็ไม่มี เดินเข้าไปในห้องน้ำ ห้องครัว…ไม่เห็นเลยสักที่!
ไม่มีใครเลย!
เฉินเหมยห่วนเริ่มลนลานทันที แต่เธอกลับสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว เพราะว่าก่อนหน้านี้ลูกชายของเธอก็เคยเดินออกไปข้างนอกเองเหมือนกัน
“จยาเจี๋ย!”
ถึงตอนนั้นลูกชายของเธอจะดูเงียบๆ อย่างน้อยก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปนัก แต่ครั้งนี้…!
เธอไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ถ้าเกิดให้คนเห็นสภาพของกู้จยาเจี๋ยตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง! เฉินเหมยห่วนจิตใจว้าวุ่น ไม่อาจสงบใจลงได้เลย
เธอเพิ่งจะกลับมาถึงที่นี่เมื่อครู่นี้ ก็รีบพุ่งออกไปที่ถนนอีกครั้ง ขนาดประตูก็ยังไม่ได้ล็อก…เธอไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว
มืดแล้ว
มืดค่ำแล้ว
เธอกลับยืนอยู่บนถนนเพียงลำพัง
…
…
“จยาเจี๋ย! จยาเจี๋ย! ลูกอยู่ที่ไหน จยาเจี๋ย!”
เธอเดินไปพลางตะโกนเรียกไปพลาง หมู่บ้านในเมืองยามค่ำคืน นอกจากแสงไฟสว่างจ้าตามร้านอาหารมื้อดึกแล้ว บริเวณที่เหลือก็เรียกได้ว่าเงียบสงบ
เสียงของเธอดังก้องออกไป
แต่เฉินเหมยห่วนเดินได้ไม่ไกลก็จำต้องหยุดฝีเท้าลง แล้วหันตัวกลับไปทันที…คิดจะหนีออกไปจากซอยที่เธอเดินเข้ามานี้
แต่เห็นได้ชัดว่ามีคนเห็นเธอเข้าแล้ว แถมยังรีบเดินเข้ามาหา
“คุณนายกู้ คุณนายกู้! ใช่คุณหรือเปล่าครับ? คุณนายกู้! อย่าเพิ่งไปครับ!”
ชายหนุ่มวิ่งมาถึงตรงหน้าเฉินเหมยห่วน แล้วยืนขวางเธอเอาไว้ทันที “คุณนายกู้ ในที่สุดก็หาคุณพบสักที!”
เฉินเหมยห่วนมองหน้าอย่างร้อนรน “ฉันไม่รู้จักคุณ หลีกไป!”
แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงของชายหนุ่มอีกคน…เป็นเสียงของเซอร์หม่า เขากำลังเดินกะเผลกๆ เข้ามาหา “คุณนายกู้ คุณคงไม่รู้จักคนนี้ แต่คงจำผมได้สินะครับ? พวกเราตามหาคุณมาสักพักแล้ว สามีคุณแจ้งความว่าคุณหายตัวไป”
“อย่าพูดถึงไอ้หมอนั่น!” เฉินเหมยห่วนเงยหน้าขึ้นมาทันที
“ผมไม่พูดแล้วก็ได้” หม่าโฮ่วเต๋อส่ายหัว เดินมาตรงหน้าเฉินเหมยห่วน พร้อมกับขมวดคิ้วแล้วถามว่า “พวกเรามาคุยเรื่องลูกชายคุณกัน เป็นไงครับ?”
“ไม่มีอะไรน่าคุยหรอก! พวกคุณก็หาตัวเจอแล้วนี่ กลับไปได้แล้วล่ะค่ะ!” เฉินเหมยห่วนเบือนหน้าหนีแล้วรีบเดินไป “ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันรู้ดีว่าฉันกำลังทำอะไร กู้เฟิงทำกับฉันแบบนั้น ฉันจะหนีเขาไปไม่ได้เหรอ? ไม่ได้ถูกข่มขู่ลักพาตัวไปสักหน่อย ฉันไปของฉันเอง พวกคุณอย่ามาตามฉันอีกเลย!”
พอหม่าโฮ่วเต๋อเห็นเฉินเหมยห่วนเดินไปข้างหน้าหลายก้าว เขาถึงได้พูดไล่หลังเธอว่า “เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งเห็นลูกชายของคุณ!”
“ว่าไงนะ!”
เฉินเหมยห่วนหันหน้ากลับไปทันที สีหน้ากังวลและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “คุณ…คุณเห็นเขาจริงๆ เหรอ?”
พอหม่าโฮ่วเต๋อได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เบาใจขึ้นมาแล้ว เขาพยักหน้าแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณนายกู้ครับ ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณยังมีลูกชายอีกคนใช่หรือเปล่าครับ? เขากับกู้จยาเจี๋ยน่าจะเป็นพี่น้องฝาแฝดกันสินะครับ? คุณแต่งงานใหม่กับกู้เฟิง ลูกคนนั้นน่าจะเป็นลูกชายที่เกิดกับสามีคนก่อนของคุณใช่ไหมครับ? ไม่อย่างนั้น ในโลกใบนี้ก็คงหาคนสองคนที่หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบไม่เจอหรอกครับ”
“คุณ…คุณพูดอะไรน่ะ?” พอเฉินเหมยห่วนได้ยิน ก็แสดงสีหน้าตกใจสุดขีดทันที “ฉัน…อีกคนหนึ่ง?”
“เป็นอะไรไปครับ? หรือว่าผมเดาผิด?” หม่าโฮ่วเต๋อกำลังมองสีหน้าเฉินเหมยห่วน
ท่าทางเธอเหมือนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย แต่คนเป็นแม่จะไม่รู้เรื่องฝาแฝดอีกคนได้ยังไง! ท่าทางของเธอแปลกจริงๆ เลย!
งั้นกู้จยาเจี๋ยคนนั้นที่เขาเห็นเป็นใครกันแน่? ความรู้สึกหวาดกลัวบางอย่างส่งให้ขนบนแผ่นหลังของหม่าโฮ่วเต๋อแทบจะลุกชันขึ้นมา
“ปะ…เปล่า” เฉินเหมยห่วนส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันมีลูกชายอีกคนจริงๆ นั่นแหละค่ะ แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไรครับ?”
แต่ว่า…เขาตายไปตั้งนานแล้วต่างหาก เฉินเหมยห่วนลอบคิดอยู่ในใจ
เฉินเหมยห่วนลังเลครู่หนึ่ง…เธอเองก็ร้อนใจ อยากฟังจากปากเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ว่าลูกชายที่ฟื้นคืนชีพของเธอไปทางไหนแล้ว ท้องฟ้ามืดขนาดนี้ บางทีนายตำรวจคนนี้คงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติบนตัว จยาเจี๋ยก็เป็นได้ และคงไม่รู้ว่าอันที่จริงเขาเป็นคนตายที่ฟื้นคืนชีพมา…ถึงได้เดาไปแบบนั้น
แน่นอนว่า การเดาแบบนี้ก็ดูสมจริง
“ฉันหย่ากับสามีคนก่อนของฉันไปตั้งนานแล้วล่ะค่ะ”
ดูเหมือนเฉินเหมยห่วนไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องราวในช่วงนั้นนัก จึงเล่าอย่างง่ายๆ ว่า “หลังจากหย่ากัน ฉันก็พาลูกชายคนปัจจุบันหนีมากับฉัน อีกคนก็ทิ้งไว้กับพ่อของเขา หลังจากหย่าได้ไม่นาน ฉันก็ยื่นขอสิทธิ์เลี้ยงดูบุตรอีกคนหนึ่งกับศาล แต่ว่าตอนนั้นฉันก็หาพวกเขาไม่พบแล้ว หลายปีมานี้ก็ไม่ได้ข่าวคราวเลย”
เฉินเหมยห่วนส่ายหัวเล็กน้อย “คุณบอกว่าเห็นจยาเจี๋ยงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง ลูกชายของฉันตายไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว…ใช่แล้ว ฉันยังมีลูกชายอีกคน ฉันยังมีลูกชายอีกคนหนึ่ง!”
เฉินเหมยห่วนคว้าสองมือของหม่าโฮ่วเต๋อแน่นด้วยดวงตาเป็นประกาย “คุณตำรวจ! คุณบอกฉันมาสิ คุณเห็นเขาจริงๆ เหรอ? เขาอยู่ที่ไหน?”
“คุณนายกู้ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” หม่าโฮ่วเต๋อขมวดคิ้วพลางพูดว่า “ที่แท้คุณก็มีลูกชายอีกคนนี่เอง แสดงว่าเมื่อกี้ผมไม่ได้ตาฝาดไป แต่น่าเสียดาย พอผมเห็นเขาเข้าก็มัวแต่ยืนอึ้ง เผลอแป๊บเดียวเขาก็หนีไปแล้ว นี่ไง เห็นเท้าผมไหมครับ? นี่ฝีมือเขาเหยียบเลย”
“หนี…หนีไปแล้ว…” เฉินเหมยห่วนปล่อยมือด้วยสีหน้าผิดหวัง
หม่าโฮ่วเต๋อพูดต่อ “คุณนายกู้ครับ ถึงผมไม่รู้เรื่องที่คุณมีลูกชายอีกคนมากนัก แต่ผมเห็นว่า เขากำลังสะกดรอยตามคุณ หลายวันมานี้คุณน่าจะรู้สึกได้บ้างนะครับ? ที่จริงตอนผมอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ ก็เห็นปฏิกิริยาของคุณแล้ว แล้วก็เจอตัวลูกชายอีกคนหนึ่งของคุณด้วยครับ”
“อะไรนะ…คนที่ตามฉันคือ…”
เฉินเหมยห่วนก้มหน้าทันที เธอไม่กล้าปักใจเชื่อ ในสมองของเธอสับสนไปหมด ลูกชายที่ฟื้นคืนชีพของเธอ กับลูกชายคนนั้นที่หม่าโฮ่วเต๋อพูดถึง…หลังจากหย่ากับสามีในตอนนั้นเธอก็ไม่ได้พาลูกชายอีกคนมาด้วย แต่ว่าลูกชายนั้นตายไปแล้ว…
เธออ้าปากหอบหายใจหลายครั้ง ดูเหมือนว่าเธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยากพูดอะไรกันแน่
“ฉัน…ฉัน…” เธอดูหายใจลำบากเล็กน้อย พร้อมกับยื่นมือมากุมศีรษะตัวเอง “ฉัน…ฉันสับสนนิดหน่อย…นิดหน่อย…”
แล้วเธอก็สลบล้มลงไปนอนกับพื้น
“คุณนายกู้! คุณนายกู้!”
“เซอร์หม่าครับ ดูเหมือนเธอจะสลบไปแล้ว…หน้าซีดมากเลยครับ!”
…
…
ที่โรงพยาบาล
เขาเก็บหมวกของตนเองขึ้นมา จากนั้นก็ยัดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วถึงได้เดินเข้าไป แน่นอนว่า ในมือเขายังหิ้วของกินที่ห่อมาจากข้างนอกกลับมาด้วย
ตอนที่เดินผ่านเคาน์เตอร์พยาบาล นางพยาบาลที่กำลังอยู่เวรตรงนี้ก็เห็นเขาเข้า จึงรีบลุกขึ้น ถามอย่างโกรธๆ ว่า “หลิวจยาฮุย ทำไมคุณถึงหนีออกไปอีกแล้วนะ? คุณเข้าใจสภาพตัวเองตอนนี้หรือเปล่า?”
เขา…หลิวจยาฮุยนิ่งอึ้ง
“ผมหิวนี่ ก็เลยออกไปซื้ออะไรกินหน่อยน่ะครับ”
“คุณรู้หรือเปล่า คุณย่าของคุณเพิ่งสลบไปน่ะ?” พยาบาลถอนหายใจ พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าจริงจังต่อ
หลิวจยาฮุยรีบเดินไปอย่างรีบร้อน แล้วพูดด้วยสีหน้าตกใจกลัวว่า “คุณย่า…เป็นอะไรไป?”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
พยาบาลส่ายหน้า “แค่ไข้ขึ้นกะทันหัน แล้วก็สลบไปเท่านั้น แต่เธออายุมากแล้ว หลังจากผ่าตัดครั้งนี้เสร็จสุขภาพก็อ่อนแอลงมา คุณต้องระวังหน่อยนะคะ พวกเราโทรศัพท์หาคุณแล้ว แต่คุณปิดโทรศัพท์”
“โทรศัพท์แบตหมดน่ะ” หลิวจยาฮุยส่ายหน้า “ขอโทษนะครับ ครั้งหน้าจะไม่มีแบบนี้อีกแล้ว”
“เอาเถอะค่ะ คุณไปดูเธอสักหน่อยแล้วกัน” พยาบาลพูดเสียงเบาๆ “คุณย่าของคุณกำลังหลับอยู่ แต่เรียกชื่อคุณตลอดเลย ญาติสนิทของเธอเหลือแค่คุณคนเดียวแล้วนะคะ คุณต้องดูแลเธอให้ดีรู้ไหมคะ? แล้วก็…จำไว้ว่า คุณต้องเข้มแข็งไว้ เข้าใจไหมคะ?”
หลิวจยาฮุยพยักหน้า แล้วเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร
นางพยาบาลถอนหายใจแล้วนั่งลงมาพูดกับเพื่อนที่อยู่เวรข้างๆ ว่า “เด็กคนนี้ก็น่าสงสารจริงๆ ยังเด็กอยู่แท้ๆ แต่กลับต้องแบกรับภาระมากมายขนาดนี้”
นางพยาบาลอีกคนพูดอย่างเฉยชา “เห็นคนโชคร้ายในโรงพยาบาลทุกวัน ถ้าสงสารไปหมดทุกคนละก็ ใครจะทำงาน…เฮ้อ ทำงานไปเถอะ”
…
เขายื่นมือทั้งสองออกไป
สองมือกำลังหมุนแม่กุญแจที่ล็อกอยู่หน้าประตูกระจกไปมาไม่หยุด…ดูเหมือนว่าเขากำลังไขล็อกนี้ แต่ทำอย่างไรก็หาวิธีไม่ได้ จึงได้แต่ขยับไปมาแบบนี้โดยตลอด
ราวกับเนื้อหนังไร้จิตวิญญาณ พอเขาเห็นว่าไขกุญแจไม่ได้แล้ว ก็เดินไปชนประตูกระจก แล้วก็หยุด เดินเข้าไปต่อ แล้วก็ชนอีก หยุด แล้วก็เดินไปชนใหม่
ชนกระแทกหน้าประตูกระจกเบาๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า สลับไปมาแบบนี้เรื่อยๆ
“นายอยากเข้าไปเหรอ?”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลังเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยิน เขายังคงทำท่าทางแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา
“นายกำลังคิดอะไรอยู่? เข้าไปเลยสิ”
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าของสมาคม เขาโบกมือเล็กน้อย ทันทีที่โบกมือนั้น แม่กุญแจที่ล็อกประตูกระจกอยู่ก็หล่นลงมาทันที และประตูก็เปิดออกเอง
ตอนนี้จึงไม่มีอะไรมาขวางเขาอีกแล้ว
ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ไม่ได้ชนอะไรอีก แต่เดินเข้าไปในสถานที่แห่งนี้อย่างง่ายๆ เดินเข้าไปใน…สวนสนุกแห่งนี้
ลั่วชิวก็เดินตามเขาเข้าไปเช่นกัน
แล้วลั่วชิวก็ดีดนิ้วทีหนึ่ง ไฟที่ปิดอยู่ทั้งหมดก็สว่างขึ้นในฉับพลัน
และเครื่องเล่นที่หยุดทำงานแล้วพวกนั้นก็ทำงานเองโดยอัตโนมัติ
มีเสียงดังแล้ว
เพราะมีแสงไฟ ลักษณะของเขาในตอนนี้จึงชัดเจนขึ้น เส้นผมที่ร่วงหลุดแล้ว…เผยให้เห็นผิวหนังที่ขาวซีดและแห้งเหี่ยว
ดูเหมือนว่าแมลงสาบและแมลงวันที่เดินและบินไปมาในสวนสนุกเก่าๆ แห่งนี้จะเริ่มได้กลิ่นหอมหวน จึงพุ่งมาหาเขาทันที แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
เพราะพอได้ยินเสียงดัง ก็ดูเหมือนเขาจะหาเป้าหมายพบแล้ว
เขาเดินมาตรงหน้าเครื่องเล่นตีเต่าเครื่องหนึ่ง ก่อนคว้าค้อนขึ้นมา ตีไปเรื่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า