สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 35-2 พ่อ
ตอนที่สภาพของเหอเสี่ยวเม่ยปรากฏสู่สายตาเฉินเหมยห่วน เธอดูทำอะไรไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด หญิงชราที่เอนตัวนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดูแก่ลงไปมากกว่าภาพในความทรงจำของเธออย่างเห็นได้ชัด
คงเป็นเพราะผลพวงหลังการผ่าตัดล่ะมั้ง
เส้นผมสีดอกเลาบางตา กระบอกตาลึก ผิวหนังสีคล้ำหยาบกร้าน มีผ้าห่มคลุมตัวเหอเสี่ยวเม่ยไว้ เธอกลับมองไปนอกหน้าต่างเงียบๆ คล้ายกำลังรอคอยใครบางคนกลับมา
เฉินเหมยห่วนเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วจู่ๆ ก็คิดอะไรไม่ออก เธอควรจะเรียกหญิงชราคนนี้ว่าอย่างไรดี
จะเรียกว่าอะไรก็ดูเหมือนว่าจะไม่เหมาะทั้งนั้น
ทันใดนั้นเอง หญิงชราก็หันหน้ามา เกรงว่าเธอคงได้ยินเสียงคนเดินในห้อง ทันทีที่ทั้งคู่สบตากันนั้น เฉินเหมยห่วนก็หลุดเรียกเธอด้วยคำคำหนึ่ง “แม่…”
แต่เธอก็คิดได้ทันทีว่าตนเองพูดอะไรออกไป จึงหยุดชะงักไปทันที
“คุณเป็นใคร?” แต่เหอเสี่ยวเม่ยกลับไม่ค่อยแน่ใจ หญิงชรายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วส่ายหน้า “สายตาฉันไม่ค่อยดี เดินเข้ามาใกล้ๆ สิ ให้ฉันเห็นหน้าชัดๆ หน่อย”
“ฉันเองค่ะ” เฉินเหมยห่วนสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเดินมานั่งลงข้างเตียง “ฉันเหมยห่วนไงคะ ยังจำฉันได้ไหมคะ”
หญิงชราตกใจจนยื่นมือออกมาจากในผ้าห่มทันที
ริมฝีปากเธอสั่นระริก ดูเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่สามารถพูดออกมาได้ในทันที ผ่านไปนาน เหอเสี่ยวเม่ยถึงได้วางมือลง แล้วยื่นมือออกมาคว้ามือของเฉินเหมยห่วนไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น “เธอจริงๆ ใช่ไหม? เหมยห่วน เป็นเธอจริงๆ ใช่ไหม?”
เธอยื่นสองมือออกมาประคองใบหน้าของเฉินเหมยห่วนไว้อย่างแผ่วเบา แล้วลูบใบหน้าอย่างเอาใจใส่ “คิดไม่ถึงเลย…คิดไม่ถึงเลยจริงๆ นึกว่าจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว”
เฉินเหมยห่วนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันได้ยินว่า แม่ผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลนี้…”
พูดจบ เธอก็คว้ามือหญิงชรามาจับไว้แน่น “แม่…แม่บอกฉันได้ไหม ใครพาแม่มาส่งโรงพยาบาลคะ?”
“แม่ก็รู้ว่าเรื่องนี้คงปิดไม่มิดหรอก…” เหอเสี่ยวเม่ยส่ายหน้า แล้วก็พยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง
เฉินเหมยห่วนมองเหอเสี่ยวเม่ยทำท่าจะคุกเข่าลงบนพื้น เธอก็เริ่มลนลาน “แม่ นี่แม่จะทำอะไรคะ!”
“ขอโทษนะ เหมยห่วน แม่ขอโทษเธอจริงๆ! พวกเราหลอกเธอ หลอกเธอมาโดยตลอด!”
หญิงชราไม่ยอมลุกขึ้น และยังนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น “ตอนนั้น เธอโทรศัพท์กลับมาบอกว่าจะมารับจยาฮุยไปด้วย แม่กลัวมาก ก็เลยไปเล่าเรื่องเธอให้หลิวเฉิงฟัง…พวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ…ที่หลิวเฉิงทำหลุมศพปลอมมาหลอกเธอ ก็เพราะคิดว่าถ้าเธอรู้ว่าจยาฮุยไม่อยู่แล้ว ถึงจะได้ตัดใจได้ พวกเราก็เลย…ก็เลย…”
เฉินเหมยห่วนขาอ่อนทรุดนั่งบนพื้น พร้อมกับส่ายศีรษะตนเองไปมาเล็กน้อย คล้ายสายตาพร่ามัว “จยาฮุย…จยาฮุย…ยังไม่ตาย…ยังไม่ตาย…จยาฮุย…อ๊า!!! อ๊า!!!! อ๊า!!!!!”
เฉินเหมยห่วนกรีดร้องเสียงแหลมต่อหน้าเหอเสี่ยวเม่ย ความทุกข์ทรมานที่เก็บซ่อนไว้ในใจนานนับสิบปีก็ได้ปลดปล่อยออกมาไม่เหลือ
“พวกแม่!! ทำไม…ทำไมพวกแม่ถึงทำแบบนี้กับฉัน!! ทำไมถึงทำแบบนี้กับฉันคะ!! อ๊า!!! อ๊า!!! พวกแม่หลอกฉัน!! พวกแม่…ทำไมถึงทำได้…ลงคอ…แบบนี้…”
เธอไอเสียงแหบแห้งราวกับจะอาเจียนออกมา สองมือยันพื้นไว้พร้อมน้ำตาไหลริน “ทำแบบนี้…กับฉันทำไม…”
เหอเสี่ยวเม่ยก็ได้แต่โอบกอดเธอไว้แน่นๆ ด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกผิด พร้อมกับร้องไห้อยู่เงียบๆ “ขอโทษนะ เหมยห่วน ขอโทษนะ…”
อ๊า !!!!อ๊า!!!!
เธอยังคงกรีดร้องเสียงแหลม
เกรงว่าเธอคงได้แต่ทำแบบนี้ ถึงสบายใจได้บ้าง
…
“ผมไปสูบบุหรี่ข้างนอกก่อน อีกเดี๋ยวค่อยเรียกผมนะ”
ในห้องยังคงมีเสียงร้องดัง เซอร์หม่ากลับตบบ่านายตำรวจหนุ่มที่อยู่ข้างๆ แล้วก็เดินจากไปทั้งแบบนี้
แม้ว่าจะทำคดีมาหลายปีขนาดนี้แล้ว แต่นายตำรวจหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจ บางครั้งเซอร์หม่าก็ต่อมน้ำตาตื้น เขาได้แต่ส่ายหัว เซอร์หม่าก็เป็นพ่อเหมือนกัน คงเข้าใจความเจ็บปวดแบบนี้ได้ดี
ต่อมาห้องนั้นก็เงียบไปนาน ก่อนจะเริ่มมีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงของเฉินเหมยห่วน
“จยาฮุย…หลายปีมานี้เขาสบายดีไหมคะ?” เฉินเหมยห่วนมองเหอเสี่ยเม่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ พูดเสียงสะอึกสะเอื้อนว่า “แล้วคนนั้น…หลิวเฉิง เมื่อหลายปีก่อน…ทำไมพวกแม่ไม่มาหาฉัน?”
เหอเสี่ยวเม่ยถอนหายใจพูดว่า “แม่ไม่รู้จะติดต่อเธอยังไง…จยาฮุยเขา ที่จริงเขาไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ ตอนที่เด็กนั่นยังเล็กๆ หลิวเฉิงบอกเขาว่าเธอตายไปแล้ว…แม่ไม่กล้าบอกความจริงกับจยาฮุย แล้วก็ไม่มีหน้าไปบอกเขาด้วย”
“งั้นตอนนี้…”
“เมื่อหลายเดือนก่อน แม่ป่วย” เหอเสี่ยวเม่ยพูดเสียงสลด “แม่คิดว่าตัวเองใกล้จะไม่ไหวแล้ว ถึงได้บอกความจริงกับเขาไป แม่กลัวว่าหลังจากแม่ไม่อยู่แล้ว เขาจะไม่มีญาติเหลือเลยสักคน เด็กคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน อาการป่วยของหลิวเฉิงยืดเยื้อมานานหลายปี ตอนที่เขาป่วย อารมณ์ไม่ดีก็จะเอาแต่ตีลูกคนนี้ แม่ก็แก่หัวหงอกแล้ว มีหลายครั้งที่ปกป้องเขาไม่ได้…แม่เคยคิดจะพาเขาหนีไปหาเธอ แต่ผู้คนด้านนอกมากมาย แม่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเธอที่ไหน แม่เคยแอบไปถามที่ที่เธอเคยทำงานเมื่อก่อนด้วย คนที่นั่นบอกว่าไม่ได้ข่าวเธอเลย…”
เกรงว่า หญิงชราคนนี้คงไม่อยากให้หลานชายถูกแย่งไปเหมือนกัน ตอนนั้นถึงได้คล้อยตามวิธีของลูกชายตัวเอง…เห็นด้วยกับหลิวเฉิง
เฉินเหมยห่วนก็เข้าใจเหอเสี่ยวเม่ย…ถ้าลองเปลี่ยนเป็นเธอ เกรงว่าคงไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไรหรอก
ถึงจะเข้าใจแต่เธอกลับปล่อยวางไม่ได้ นั่นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เฉินเหมยห่วนสงบลงแล้ว ในเมื่อรู้แล้วว่าลูกชายอีกคนยังไม่ตาย และยังมีชีวิตอยู่ดี นั่นก็ถือเป็นข่าวดีที่สุดในช่วงนี้แล้ว
“แม่…แล้วเงินผ่าตัดครั้งนี้ล่ะคะ?”
“จยาฮุยขายบ้านหลังเก่ารวมทั้งที่ดินไปหมดแล้ว แล้วยังไปยืมเงินคนมาจำนวนหนึ่งด้วย ถึงได้พอจ่าย” เหอเสี่ยวเม่ยส่ายหน้าเล็กน้อย “แม่แก่แล้ว ไม่อยากเป็นภาระถ่วงเขา แต่เด็กนั่นก็ไม่ยอม เขากอดแม่ไว้บอกว่าถ้าแม่ไม่ผ่าตัด เขาก็จะตายตรงหน้าแม่…แม่…แม่ยังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?”
เธอถอนหายใจแล้วพูดว่า “หมอบอกว่า แม่อายุมากแล้ว ถึงผ่าตัดไป ก็อาจจะไม่หาย…แม่คิดอยู่ว่า ถ้าหากแม่ตายไปจริงๆ ก็ปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ ถึงได้บอกความจริงออกไป”
เธอคว้าแขนเฉินเหมยห่วนไว้อีกครั้ง “ถ้าเธอมาอยู่ตรงนี้ แสดงว่าจยาฮุยหาเธอเจอแล้วใช่ไหม! ช่วงนี้พอจยาฮุยมีเวลาก็จะออกไปข้างนอก ฉันรู้ว่าเขาต้องไปตามหาเธอแน่ๆ จริงสิ แล้วจยาเจี๋ยล่ะ? เขายังสบายดีหรือเปล่า? ให้…ให้แม่เจอเขาสักหน่อยได้ไหม?”
เฉินเหมยห่วนเผชิญหน้ากับหญิงชราที่เธอทั้งเคารพ ทั้งเคียดแค้น จู่ๆ เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
หญิงชราคนนี้ก็เป็นแบบนี้แล้ว จะทนรับเรื่องเจ็บปวดใจแบบนี้ได้หรือเปล่า?
“เขา…เขาสบายดีค่ะ” เฉินเหมยห่วนเบือนหน้าหนี “พวกเราส่งเขาไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วค่ะ”
เธอได้แต่ปิดบังไว้ก่อน…ด้วยจิตใจก็ว้าวุ่นเหมือนกัน
ตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่ากู้จยาเจี๋ยไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน
“งั้นเหรอ…แบบนี้นี่เอง”
สำหรับเหอเสี่ยวเม่ยแล้ว บางทีนี่คงเป็นข่าวดีที่สุดที่ได้ยินในช่วงนี้เหมือนกัน อย่างน้อยหลานชายอีกคนที่เธอคิดถึงมาสิบกว่าปีก็มีอนาคตสดใสแล้ว
…
เซอร์หม่ากำลังสูบบุหรี่อยู่ด้านนอก ด้วยท่าทางกระสับกระส่ายเล็กน้อย
เขาเดินไปเดินมาอยู่ด้านนอกตึกโรงพยาบาลแห่งนี้ จู่ๆ เขาก็เห็นคนคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า
แล้วอาหารที่อีกฝ่ายกำลังถืออยู่ก็ตกลงพื้นทันที
โจ๊กร้อนๆ ชามหนึ่ง
อีกฝ่ายรีบหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปทันที!
“อย่าหนีนะ!” หม่าโฮ่วเต๋อเขวี้ยงบุหรี่ทิ้งแล้วไล่ตามไปทันที “หลิวจยาฮุย! หยุดเดี๋ยวนี้!! อย่าหนีนะ!!”
แล้วเขาก็วิ่งไล่ตามไป