สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 4 ประตูมิติ
ควันสีดำค่อยๆ ลอยออกจากฐานแท่นบูชาที่ยกสูงขึ้นคล้ายน้ำเอ่อล้น
ลั่วชิวเองก็เคยเห็นมาแล้วจึงไม่ได้ตกใจอะไร เมื่อยกขึ้นมาจนเห็นส่วนที่ซ่อนอยู่ของแท่นบูชาแล้ว ลั่วชิวจึงเดินไปด้านหน้ามันทันที
ในช่องใส่การ์ดทั้งเจ็ด มีช่องหนึ่งวางการ์ดทองเงินไว้แล้ว ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรก แท่นบูชาเคลื่อนไหวด้วยตัวเองมากขึ้น แล้วการ์ดทองเงินใบที่สองกลางอากาศ ก็ค่อยๆ ลอยไปอยู่ในช่องใส่การ์ดช่องหนึ่ง
มันไม่ได้อยู่ติดกับใบแรก แต่กลับเว้นไปอีกสองช่อง
ดูท่าคงมีความหมายบางอย่างอยู่สินะ?
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ลั่วชิวก็เงยหน้ามองเงากลมๆ ที่ทอดลงมาบนแท่นบูชา มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากครั้งแรกที่เห็นเลย
วัตถุทรงกลมซีดจาง …คล้ายลูกโลก
หลังจากการ์ดทองเงินใบที่สองที่ได้มาจากเจ้าของร้านคนก่อนแนบลงไปในช่องการ์ดของมันแล้ว เวลาที่หยุดหมุนก็กลับมาเดินใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้เวลาเพิ่งผ่านไปได้ไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ ลั่วชิวรู้ได้เพราะจับเวลาเอาไว้ก่อนแล้ว
การดำรงอยู่ของเขา ไม่ได้มีไว้เพื่อการทดแทนสิ่งเดิมๆ อีกต่อไป เพราะเขาตัดสินแล้วว่าทุกสิ่งที่เขามีอยู่ล้วนกลายเป็นมูลค่าอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
และมูลค่านี้ก็คือเวลา เขาไม่มีเวลาที่แน่นอน และอายุขัยตายตัว ก็เหมือนกับมีเครื่องคำนวณซ่อนอยู่ในร่างกาย
เขาจึงรู้เวลาของตัวเองดียิ่งกว่าใคร
…
“ไม่มีอะไรเลยเหรอ?” ลั่วชิวขมวดคิ้ว
หลังการ์ดทองเงินใบที่สองแนบลงไป ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง…
แท่นบูชาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ลั่วชิวจึงเหลือบไปมองการ์ดทองเงินใบเมื่อกี้ทันที
แต่เขากลับรู้สึกถึงบางอย่างได้รางๆ ในช่วงที่เวลาหยุดหมุน จึงหลับตาและเริ่มย้อนคิด
ไม่เกิดอะไรขึ้นจริงๆ เหรอ?
ไม่…เหมือนมีน้ำหยดกระเพื่อมเป็นระลอกๆ ออกมาจากฐานของแท่นบูชา
ความเร็วของระลอกคลื่นไม่สามารถคาดเดาได้ และยังกระเพื่อมไปจนไกลลับตา ราวกับที่นั่นไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงดีดนิ้วเท่านั้น
ลั่วชิวรุสึกได้ว่าตัวเองคงไปเปิดอะไรเข้าแล้ว…น่าจะเป็นกลไกอะไรสักอย่าง
…
…
ตอนที่ลั่วชิวขึ้นมาจากชั้นล่างสุด ก็เป็นเวลาเกินกว่าสองชั่วโมงที่เขาลงไปแล้ว พอเขาครุ่นคิดแล้วก็ยังไม่ได้ข้อสรุป สุดท้ายก็ได้แค่ปล่อยวาง
เจ้าของร้านคนก่อนคงไม่ให้อเล็กซ์ส่งการ์ดทองเงินใบที่สองมาให้โดยไม่มีเหตุผล…ความจริงเจ้าของร้านคนก่อนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าลั่วชิวบังเอิญเจอการ์ดทองเงินใบแรกไปแล้ว
การ์ดที่เขาให้อเล็กซ์ส่งมานี้ อาจมีเจตนาแค่ให้เขาได้สังเกตเห็นส่วนที่ซ่อนอยู่ของแท่นบูชาเท่านั้น
“กระตุ้นความอยากรู้ของฉัน คิดจะให้ฉันค้นหาการ์ดใบอื่นๆ ที่เหลือเหรอ”
คงจะได้ข้อสรุปแบบนี้เท่านั้นแหละ
แน่นอนว่า เขาไม่คิดว่าเจ้าของร้านคนก่อนจะคิดร้ายกับเขา
เจ้าของสมาคมทุกคนล้วนมีพลังลึกลับ คล้ายๆ กัน อย่างเช่นสัมผัสที่หก
และทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้ก็ไม่เคยผิดพลาด
ลั่วชิวสัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายแฝงอยู่แม้แต่น้อย นอกจากนี้อเล็กซ์ยังอีกบอกว่า เจ้าของสมาคมคนก่อน …ใกล้จะตายแล้ว
“นายท่านขึ้นมาแล้ว”
“อืม ลงไปนานพอแล้ว” ลั่วชิวตอบรับง่ายๆ แต่กลับเห็นรอยยิ้มต่างจากปกติบนใบหน้าคุณสาวใช้
“มีเรื่องน่ายินดีอะไรเหรอ?” ลั่วชิวพูดถามอย่างแปลกใจ
“นายท่านคะ ประตูมิติเปิดแล้ว นายท่านไม่ดีใจหรือคะ?” โยวเย่พูดแสดงความยินดีเสียงเบา
“ประตูมิติ?” ลั่วชิวอึ้ง…จะรู้ได้ยังไงว่าประตูมิตินี่คืออะไร
โยวเย่ทำหน้างุนงง พร้อมกับใช้นิ้วมือแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ “โยวเย่ไม่รู้ค่ะ…แต่โยวเย่คิดว่านายท่านเปิดมันค่ะ”
“พาฉันไปดูหน่อยสิ” ลั่วชิวขมวดคิ้วพลางพูดสั่ง
เขาก็นึกว่าประตูมิติที่ว่าจะอยู่ที่ไหนซะอีก ที่แท้ประตูนี้ก็อยู่ที่ห้องรับแขกของสมาคมนี่เอง
ภายในห้องโถงขนาดกลาง นอกจากประตูไม้เก่าแก่ที่ให้ลูกค้าเข้ามาแล้ว ก็มีประตูสีดำอีกสองบานเพิ่มเข้ามา
พวกมันเป็นประตูสีดำแบบไม่มีลูกบิดหรือด้ามจับ ตั้งตระหง่านอยู่ทั้งสองข้างฝั่งของห้องโถง
ฉินชูอวี่ก็ตกใจกับประตูสองบานที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันนี้ เธอจึงสังเกตดูเงียบๆ ก็เห็นลั่วชิวเดินไปหน้าประตูบานหนึ่ง แล้วผลักมันออกอย่างไร้สุ้มเสียง
“นี่คือ…”
ประตูสีดำตั้งตรงโดยที่ไม่ได้ติดกับกำแพง ด้วยเหตุนี้ตามทฤษฎีแล้ว พอเขาเปิดออกก็จะเห็นแค่ภาพห้องรับแขก
ทว่าพอเขาเปิดประตูบานนี้ออก ก็เหมือนไปยังโลกอีกใบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความรู้สึก
เพราะว่าด้านหลังประตูตรงหน้านี้เป็นเพียงน้ำวนสีดำเท่านั้น
“นายท่านตามฉันมาค่ะ” คุณสาวใช้พูดเบาๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็เดินขึ้นมาถึงชั้นสองของสมาคม ตอนนี้โยวเย่ถึงได้ยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่านคะ ที่เรียกว่าประตูมิติ ความจริงแล้วก็คือทางผ่านของลูกค้าค่ะ เพื่อให้ลูกค้ามาถึงที่นี่ได้ตลอดเวลา”
“ขอละเอียดๆ หน่อย”
โยวเย่พยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม คล้ายๆ กับจุดเชื่อมต่อค่ะ จะมีการสร้างสมาคมลอยๆ ขึ้นมาตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ขอแค่คนมีคุณสมบัติเป็นลูกค้าของสมาคมมาอยู่ใกล้ๆ จุดนี้ ก็สามารถเรียกประตูให้โผล่มาจากจุดนี้ได้ จากนั้นพวกเขาก็มาหาพวกเราที่นี่ผ่านทางประตูมิติค่ะ”
“วาร์ป?” ลั่วชิวอึ้ง “ก็เหมือนกับการที่พวกเราไปไหนมาไหนได้ตามใจ?”
แน่นอนว่า ในกรณีของเจ้าของร้านลั่วใช้ได้แค่ในเมืองตัวเองเท่านั้น แต่ตอนนี้เหมือนใช้ในระยะห่างเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย
ลั่วชิวรู้สึกได้รางๆ ว่าการกลับมาเซ่นไหว้ดวงวิญญาณครั้งนี้ ตัวเองคงวาร์ปไปหลายๆ เมืองได้แล้ว
“แน่นอนว่าไม่ใช่การวาร์ปมาจริงๆ ค่ะ” โยวเย่ส่ายหน้า “พวกลูกค้า จะใช้จิตหรือวิญญาณมาพูดคุยรายละเอียดกับที่นี่ผ่านทางประตูมิติค่ะ อืม หรือพูดได้ว่าเป็นร่างจำแลงของพวกเขาค่ะ เอาล่ะค่ะ ตอนนี้นายท่านสามารถเปิด ‘จุดเชื่อมต่อ’ สองจุดได้แล้วค่ะ”
“มีแค่สองที่เองเหรอ?” ลั่วชิวชะงักไป แล้วก็มองประตูทั้งสองบาน ตอนแรกเขาคิดว่าประตูมิติสองบานนี้ใช้เชื่อมต่อได้ทุกจุดเสียอีก
“อืม ประตูหนึ่งบานเชื่อมตรงกับสถานที่ที่หนึ่งค่ะ” โยวเย่พูดเสียงเบาๆ “การปรากฏขึ้นของประตูมิติแสดงให้เห็นว่าพลังของนายท่านเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้น ตอนที่พลังของท่านแข็งแกร่งขึ้นก็จะสามารถเปิดจุดเชื่อมต่อได้มากขึ้นค่ะ”
แล้วเจ้าของร้านลั่วก็ถามด้วยความใคร่รู้ “ตอนเจ้าของคนก่อนอยู่ มีทั้งหมดกี่จุด?”
โยวเย่ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ แต่ดูจากลูกค้าที่ฉันได้สัมผัส อย่างน้อยก็สามร้อยที่ขึ้นไปค่ะ มีแต่ตัวเจ้าของร้านเองเท่านั้นที่รู้ว่ามีกี่ที่กันแน่”
“สามร้อยที่เหรอ…”
พอเทียบกันแล้วก็เจ็บปวดจังแฮะ…แน่นอนว่า เจ้าของร้านลั่วไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไร ยังไงเจ้าของคนก่อนรับตำแหน่งมากี่ปีก็ยังเป็นตัวเลขที่ไม่แน่ชัด แต่เขาเพิ่งรับตำแหน่งมานานแค่ไหนกัน เขาย่อมรู้ดีกว่าใคร
ยังไม่ถึงห้าเดือน…
ลั่วชิวจะเปิดจุดเชื่อมจากทั้งสองประตูนี้ก็ได้ หรือจะเปิดจุดเชื่อมที่อื่นตามความสนใจก็ได้เช่นกัน แต่พอเปิดใช้สถานที่แล้ว หากอยากปิดก็จะเผาอายุขัยของเจ้าของร้านเป็นของแลกเปลี่ยน
ทำไมต้องใช้คำว่าเผาด้วยล่ะ?
เพราะว่าสิ่งที่มาแลกเปลี่ยนกับการปิดสถานที่แห่งหนึ่งต้องใช้อายุขัยถึงหนึ่งร้อยปี
แต่ต้องยอมรับเลยว่า การดำรงอยู่ของจุดเชื่อมต่อเข้ากับความต้องการของมนุษย์มาก …บ้าบอ
แม้ว่าลูกค้าจะอยู่อีกฝั่งของมหาสมุทรต่างก็มาถึงที่นี่ได้ผ่านประตูมิติ นี่อาจจะไม่ได้ทำให้เจ้าของร้านลั่วสะดวกเท่าไรนัก แต่คงสะดวกต่อการแลกเปลี่ยนของสมาคมเองแน่นอน
“สามร้อยจุด…ห้องโถงของเรายัดประตูได้สามร้อยบานเลยเหรอ?” ลั่วชิวนึกถึงปัญหาอีกอย่างได้ทันที
“มีประตูมิติแค่สองบานค่ะ แต่สถานที่ต่างๆ สามารถทับซ้อนผ่านกันทางประตูได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะค่ะ”
“นี่คงเป็นเรื่องดีที่สุดที่ได้ยินมาเลย” ลั่วชิวส่งเสียงอืมเบาๆ หนึ่งครั้ง “ส่วนจะเปิดสถานที่อะไรยังไง ฉันจะลองไปคิดดูอีกที”
คุณสาวใช้ไม่มีความเห็นใดๆ ต่อการตัดสินใจของนายท่าน
เขาจะไม่เปิดอะไรตามใจ ลั่วชิวมีแผนการของตัวเอง พอเปิดสถานที่แล้ว เขาไม่อาจปิดประตูหนึ่งในนั้นได้ไปอีกนาน
แม้ว่าภายหลังเขาจะเปิดสถานที่เพิ่มมากขึ้นได้ แต่เขาก็อยากควบคุมจำนวนของมัน …หรือบางทีอาจไม่เปิดเลยสักที่ก็ได้
สามร้อยที่หรือมากกว่า ฟังดูเจ๋งมากเลยนะ?
ลูกค้าก็คงมาไม่ขาดสายเลยสินะ?
แต่เคยคิดหรือเปล่าว่าลูกค้าต่อแถวเปิดประตูมาจนถึงห้องโถง ก็เหมือนล้อมเจ้าของสมาคมได้หลายเมตรแล้ว คุณอาจไม่มีแม้แต่เวลาไปเข้าห้องน้ำด้วยซ้ำ
ลั่วชิวเข้าใจได้ทันทีว่า ทำไมพอเจ้าของคนเก่าแลกเปลี่ยนแล้วก็ไม่สนใจอะไร …เพราะว่าลูกค้าเยอะ จนไม่สนใจติดตามผลที่ตามมา?
ยิ่งมีการแลกเปลี่ยนมากแค่ไหน ก็แสดงว่าเวลาของตัวเองลดน้อยลงเรื่อยๆ
ปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง ในเมื่อโยวเย่นึกว่าลั่วชิวเปิดประตูนี้เอง งั้นก็แสดงว่าเขาได้รับการยอมรับให้เปิดประตูมิติเองได้แล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พลังจากตัวเขาเอง งั้นก็หมายความว่า เป็นการยกระดับที่ได้จากการ์ดทองเงินใบที่สองนี้
พลังของสมาคมไม่จำเป็นต้องเพิ่มขึ้น ขอแค่แลกเปลี่ยนสำเร็จ ความสามารถของมันก็จะไม่มีที่สิ้นสุด…นี่ยิ่งเหมือนการเปิดใช้งานฟังก์ชัน
ทั้งหมดเจ็ดช่อง…หมายความว่าหลังจากพวกมันมารวมกันทั้งหมดแล้ว ก็จะสามารถเปิดฟังก์ชันการใช้งานพลังทั้งหมดของสมาคมได้?
แต่ตอนนี้ลั่วชิวยังคิดไม่ตก ขอแค่การแลกเปลี่ยนตรงตามที่บอกก่อนหน้านี้ สมาคมก็สามารถทำได้ทุกอย่าง แล้วมันยังต้องมีฟังก์ชันอะไรอีกล่ะ?
…
“จริงสิ ที่จริงอธิบายที่ชั้นล่างก็ได้ ทำไมต้องขึ้นมาถึงชั้นบนด้วยล่ะ?” ลั่วชิวเอ่ยถามอย่างสงสัย
คุณสาวใช้กะพริบตาสีฟ้าแสนสวย พร้อมตอบเบาๆ และนุ่มนวลว่า “ในเมื่อนายท่านไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ แล้วฉันจะให้คนอื่นเห็นท่าทางลังเลของนายท่านได้ยังไงกันคะ? นั่นไม่ได้ทำให้นายท่านอับอายหรอกเหรอคะ?”
โยวเย่…รอบคอบจริงๆ
เจ้าของร้านลั่วอยากจะพูดอะไรอีก แต่อาการใจเต้นพลันหายไปในชั่วพริบตา
สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ