สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 48 ชุดแต่งงาน
“เหมยเหม่ย วันนี้ฉัน…”
“เสี่ยวมั่น วันนี้ฉันติดธุระนิดหน่อย ขอกลับเร็วหน่อยนะ”
“แต่ว่า เรานัดกันไว้แล้วนะ…”
“แม่ฉันมารับฉันแล้ว ไปก่อนนะ…”
“อ้อ…อืม”
สมัยเด็กๆ เฝิงซย่ามั่นมักจะใช้สองมือกำสายสะพายกระเป๋าบนบ่าไว้ แล้วก้มหน้าเดินคนเดียว ในใจก็เอาแต่คิดว่า ‘ดีจริงๆ มีพ่อแม่มารับมาส่งที่โรงเรียน’
หากเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ตอนนี้คงมีคนหนึ่งยืนรอเธออยู่หน้าประตูโรงเรียนแล้วล่ะมั้ง?
ถึงแม้จะเป็นมือที่หยาบกระด้าง แต่ก็เป็นฝ่ามือใหญ่ และมักจะกุมมือน้อยๆ ของเธอไว้แน่นเสมอ
เฝิงซย่ามั่นเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชน เธอจำเป็นต้องรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าเธอจะเดินเร็วแค่ไหน เสียงหลายเสียงก็ยังคงดังแว่วในหูเธอ
“พรุ่งนี้ ไม่ต้องไปคุยกับเธอแล้วนะรู้ไหม?” พ่อแม่ที่มารับมาส่งลูกที่โรงเรียนเอาแต่พูดแบบนี้
“หากเธอมาเล่นกับลูก ลูกก็บอกไปว่าไม่ว่าง เข้าใจไหม? ถ้าหากเธอยังตื๊อไม่เลิก ลูกก็ไปบอกคุณครูเลย!” พ่อแม่อีกคู่หนึ่งที่มารับมาส่งลูกที่โรงเรียนก็บอกกับลูกของตนแบบเดียวกัน
และยังมี…คำพูดที่ไม่น่าฟังในทำนองเดียวกันอีกด้วย
“อย่าไปเล่นกับลูกฆาตกรนะ ลูกเป็นเด็กดี นั่นเป็นเด็กไม่ดี”
ใช่แล้ว เธอมักจะได้ยินคำพูดไม่น่าฟังแบบนี้เสมอ
เธอได้แต่เอามืออุดหูตัวเองไว้แน่นๆ และรีบวิ่งไปหลบตรงมุมโค้งอย่างรวดเร็ว…เพื่อหลบหนีจากทุกสิ่งทุกอย่าง
…
“ซย่ามั่น ซย่ามั่น? ซย่ามั่น?”
“…??”
“หืม? มีอะไรคะ?”
ถาวซย่ามั่นสะดุ้ง รีบหันไปมองว่าที่สามีของตน ขณะเดียวกันก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนสมัยมหา’ลัยของเธอที่ลอสแองเจลิส รู้จักกัน ไปมาหาสู่กัน คบกัน จนมาถึงทุกวันนี้ ที่ใกล้เข้าสู่ประตูวิวาห์โดยไม่ทันรู้ตัว
“เป็นอะไรไป? ดีไซเนอร์กำลังถามคุณอยู่นะ” โจวจื่อเหาว่าที่สามียิ้มแล้วพูดว่า “เขาถามคุณว่าชุดแต่งงานเป็นยังไงบ้าง”
“อ้อ…ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ฉันเหม่อไปหน่อย” ถาวซย่ามั่นมองดีไซเนอร์ที่พูดกับตนด้วยความรู้สึกผิด
ดีไซเนอร์อายุสามสิบกว่าปี มีครอบครัวของตัวเอง และพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในวงการ ยิ้มให้เธออย่างเข้าใจ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หญิงสาวช่วงก่อนแต่งงานก็ใจลอยง่ายกันทั้งนั้น ตอนฉันแต่งงานเมื่อหลายปีก่อนก็ตื่นเต้น จนเผลอเหม่อลอยบ่อยๆ เหมือนกัน ช่วงนี้คุณโจวต้องเอาใจคุณว่าที่ภรรยาให้มากหน่อยนะคะ”
โจวจื่อเหายิ้มแบบบริสุทธิ์ใจ มองว่าที่ภรรยาของตนด้วยสีหน้ามีความสุขและพึงพอใจ
ดีไซเนอร์พูดต่อไปว่า “คุณถาวคะ ทางฉันได้ออกแบบชุดพิธีไว้สามชุดอย่างที่คุณขอไว้ คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้างคะ?”
ถาวซย่ามั่นมองดูแบบชุดในมืออีกครั้ง ถึงนึกได้ว่าเธอกำลังดูแบบชุดที่สองอยู่ แต่อยู่ๆ เมื่อกี้ก็เหม่อไป
“อืม…ฉันขอคิดดูอีกสักหน่อยนะคะ” ถาวซย่ามั่นพูดขึ้นหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ดีไซเนอร์นิ่งอึ้ง ได้แต่พูดว่า “คุณถาวคะ คุณไม่ชอบชุดแต่งงานแบบจีนประยุกต์เหรอคะ?”
“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ” ถาวซย่ามั่นรีบโบกไม้โบกมือ “มันสวยมากๆ เลยค่ะ แต่ฉันอยากขอคิดดูอีกสักหน่อย”
“แบบนี้นี่เอง…” ดีไซเนอร์พูดยิ้มๆ “ที่จริงก็ใช่นะคะ ถึงยังไงก็เป็นเรื่องสำคัญของชีวิต ต้องคิดให้ถี่ถ้วน เอาอย่างนี้แล้วกันนะคะคุณถาว ฉันจะเอากลับไปแก้อีกสักหน่อย คุณว่ายังไงคะ?”
“งั้นรบกวนด้วยนะคะ” ถาวซย่ามั่นพยักหน้า
โจวจื่อเหาจูงมือถาวซย่ามั่นเดินออกมาจากร้านมุ่งหน้าไปลานจอดรถอย่างรวดเร็ว ก่อนถามเบาๆ ว่า “เป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า? สีหน้าเธอดูไม่ดีเลย”
ถาวซย่ามั่นส่ายหน้าตอบว่า “สงสัยเพิ่งกลับมาเลยยังเจ็ทแล็กนิดหน่อยมั้ง”
“อืม งั้นกลับไปพักผ่อนเยอะๆ หน่อยนะ” โจวจื่อเหาไม่ได้คิดอะไรมาก…อันที่จริงเมื่อคืนเขาก็หลับไม่สนิท ถึงแม้ว่าจะกลับมาได้หนึ่งสัปดาห์กว่าแล้วก็ตาม
โจวจื่อเหาเปิดประตูรถให้ถาวซย่ามั่นพลางพูดขึ้นว่า “อืม…ผมนึกว่าคุณชอบชุดแต่งงานตามประเพณีแบบนี้ซะอีก”
“ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?” ถาวซย่ามั่นถามอย่างแปลกใจ
โจวจื่อเหายิ้มแล้วตอบว่า “ยังจำคริสต์มาสเมื่อปีที่แล้วได้ไหม? วันนั้นเดินผ่านร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่งใช่ไหมล่ะ ผมเห็นคุณเอาแต่ยืนจ้องชุดกี่เพ้าในร้าน ดีไซเนอร์คนนี้ก็เป็นคนที่รุ่นพี่ผมแนะนำมา ผมเลยบอกเขาว่าลองเป็นสไตล์จีนดูก่อน ตอนแรกคิดจะเซอร์ไพรส์คุณ ไม่นึกว่าจะทำให้คุณไม่แฮปปี้”
ถาวซย่ามั่นรู้สึกซาบซึ้งใจ เธอตบไปบนหลังมือของโจวจื่อเหาเบาๆ บอกว่า “ฉันไม่ได้ไม่พอใจหรอกค่ะ ฉันชอบสไตล์จีนอยู่แล้ว แต่…”
“แต่อะไรเหรอ?”
“ชั่วชีวิตของลูกผู้หญิง กว่าจะเจอชุดแต่งงานสไตล์จีนโบราณที่ตัวเองชอบจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ” ถาวซย่ามั่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันยังไม่อยากด่วนตัดสินใจค่ะ…”
“อืม…ก็จริงนะ” โจวจื่อเหาพยักหน้าช้าๆ “เอาอย่างนี้แล้วกัน ยังไงก็ยังพอมีเวลา แบบนี้ไม่โอเค พวกเราลองดูแบบอื่นดีไหม? จริงสิ คุณลุงคุณป้ากลับมาเมื่อไรเหรอ?”
“น่าจะสัปดาห์หน้านะคะ”
รถค่อยๆ แล่นออกจากลานจอดรถไป
ชายชรายังไม่กล้าเปิดเผยตัวออกไป จนกระทั่งรถแล่นจากไปไกลแล้ว ถึงได้ตัดสินใจเดินออกมา หลายปีมานี้ เขาไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อนเลย
แต่ในขณะเดียวกัน การต้องควบคุมความดีใจที่ได้เห็นซย่ามั่นแต่ไม่อาจพบกันได้นั้น ก็ทำให้เขาทรมานเป็นเท่าตัวไปพร้อมๆ กัน
แต่สำหรับเหล่าเฝิง แค่ได้เห็นร้านชุดแต่งงานแวบหนึ่งก็ดีใจมากแล้ว
เพราะลูกสาวใกล้จะออกเรือนแล้ว
สำหรับผู้เป็นพ่อ ไม่มีเรื่องไหนน่าดีใจไปกว่าเรื่องนี้
…
เหล่าเฝิงสวมหมวกและผ้าปิดปากอย่างรวดเร็ว ก่อนเดินไปจากตรงนี้
เขาไม่รู้ว่าตัวเองหนีข้ามกำแพงสูงออกมาได้อย่างไรกันแน่
สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือตอนที่เขารู้สึกตัวอีกที ตัวเขาก็มายืนอยู่ตรงถนนสายหลักนี้แล้ว
ชุดที่เขาใส่ก็ไม่ใช่ชุดนักโทษ แต่เป็นชุดลำลองธรรมดาๆ ชุดหนึ่ง ในกระเป๋ากางเกงยังมีเงินจำนวนหนึ่งอยู่ด้วย ถึงจะไม่กี่ร้อยหยวนก็ตาม
จากนั้นเขาก็ได้เห็นชายหนุ่มจูงมือหญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากรถ แล้วเดินเข้าไปในร้านชุดแต่งงานกับตาตัวเอง…ทันทีที่เห็นหน้าหญิงสาวคนนั้น เหล่าเฝิงก็รู้ว่านี่คือลูกสาวของเขาไม่ผิดแน่
นั่นเป็นความรู้สึกจากการที่เขาเลี้ยงมากับมือ ไม่ผิดแน่
เหล่าเฝิงยังพบกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งในกระเป๋าเสื้อ บนนั้นเขียนที่อยู่เอาไว้…ที่อยู่ของซย่ามั่น
ตอนนั้นเขาเคยได้ข่าวจากพนักงานในสถานสงเคราะห์แห่งนั้นว่า ตระกูลที่รับเลี้ยงลูกสาวของเขาก็คือตระกูลถาว
เหล่าเฝิงคิดว่าตัวเองได้พบกับเรื่องสุดลี้ลับเข้าเสียแล้ว…แต่ถึงเป็นเพียงความฝัน เขาก็ยินดีกระโจนเข้าไปด้วยความเต็มใจ
ไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย
บางทีเขาน่าจะทะนุถนอมช่วงเวลานี้ไว้ แล้วไปซ่อนตัวอยู่ที่บ้านถาวซย่ามั่น จะได้เห็นลูกสาวที่เติบใหญ่คนนี้นานขึ้นอีกหน่อย
แต่หลังจากเหล่าเฝิงห่อเหี่ยวอยู่นาน ก็ตัดสินใจลองกลับไปเยี่ยมบ้านของเขาดูก่อน
บ้านเก่าหลังนั้น
…
…
ในช่วงค่ำ หลังจากโจวจื่อเหาคุยโทรศัพท์กับถาวซย่ามั่นเสร็จแล้วถึงได้เงียบไปสักพักหนึ่ง
หญิงสาวคนนี้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
ถึงจะกลับมาจัดงานแต่งงานที่นี่ เพื่อแจ้งบรรดาเพื่อนสนิทที่อยู่ทางนี้ของทั้งคู่ แต่หลังจากพิธีแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็จะย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศด้วยกัน
โจวจื่อเหานอนไม่ค่อยหลับ หนึ่งน่าจะเป็นเพราะยังปรับเวลาไม่ได้ล่ะมั้ง? สองคงเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน
โจวจื่อเหาเริ่มอ่านดูเว็บจือฮูคร่าวๆ ว่ามีโพสต์แนะนำชุดแต่งงานในเมืองนี้บ้างหรือเปล่า
ผ่านมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาก็ยังหาสิ่งที่เขาต้องการไม่พบ
โจวจื่อเหาคิดจะลองโพสต์กระทู้ถามเองดูสักครั้งเหมือนกัน ‘จะหาดีไซเนอร์ชุดกี่เพ้าฝีมือดี และมากประสบการณ์ได้จากที่ไหนบ้าง?’
แน่นอนว่าเขาแค่ลองดูเท่านั้น และไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบในทันที
โจวจื่อเหายิ้มน้อยๆ ปิดโคมไฟหัวเตียง เตรียมจะพักผ่อนให้เต็มที่…นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีเสียงแจ้งเตือนข้อความขึ้นมา
นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนตอบโพสต์ของเขา โจวจื่อเหารีบเปิดไฟอ่านทันที
เป็นไอดีหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า LQ เขียนตอบไว้ว่า [ได้ยินว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนมีช่างตัดชุดฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง รับตัดชุดกี่เพ้าโดยเฉพาะ อยู่ถนนจี้หวา ซอยสอง บ้านเลขที่สามสิบสาม ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะยังอยู่หรือเปล่า คุณลองไปดูนะ]
“สิบกว่าปีก่อน?” โจวจื่อเหานิ่งอึ้ง พอลองคิดดูแล้ว ก็ลุกขึ้นมาเขียนที่อยู่นี้ลงบนกระดาษโน้ต
…
วันรุ่งขึ้นพอโจวจื่อเหาตื่นขึ้นมาก็ขยี้ตาตัวเองเบาๆ เหมือนว่าเมื่อคืนเขาหลับดีทีเดียว วันนี้จึงกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ
เขามองดูกระดาษโน้ตที่เขียนไว้บนหัวเตียงตัวเองแวบหนึ่ง พอคิดอยู่สักพักจึงกดโทรศัพท์…โทรหาว่าที่ภรรยาของตัวเอง
“ฮัลโหล ซย่ามั่น วันนี้ฉันนัดเพื่อนเก่าสมัยเรียนสามสี่คนกินข้าวมื้อหนึ่ง ตอนบ่ายคงไม่ได้อยู่กับเธอนะ” โจวจื่อเหาพูดด้วยความลำบากใจว่า “เมื่อคืนเพิ่งได้คุยกัน ฉันเห็นว่าดึกแล้วเลยไม่อยากกวนเธอ”
“อืม ไม่เป็นไร เธอไม่ได้กลับมาตั้งนาน ออกไปเจอเพื่อนเก่าบ้างเถอะ แต่ฉันยังต้องรีบทำรายงานที่เหลือ คงไม่ว่างออกไปไหนแล้ว ขับรถระวังด้วยนะ อย่าลืมว่าถนนหนทางที่นี่ไม่เหมือนที่ลอสแองเจลิสนะคะ”
โจวจื่อเหาคุยอีกนิดหน่อย แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วขับรถออกไป
จุดหมายปลายทางที่จีพีเอสในรถนำทางไปคือ ‘ถนนจี้หวา ซอยสอง บ้านเลขที่สามสิบสาม’