สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 5 ปีศาจผีเสื้อน้อยผู้พากเพียร
“คุณลุงปีศาจหนู นี่ยาของคุณลุงค่ะ ตัวนี้ต้องแบ่งกินสี่ครั้งนะคะ แล้วก็ …”
ด้านในโรงพยาบาลสัตว์ของหลงซีรั่ว ปีศาจผีเสื้อน้อยที่ทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว กำลังกรีดนับนิ้ว พูดเรื่องที่ ‘คน’ ไข้ต้องระวังทีละเรื่องๆ “…ยังมี ยังมี ยังมีอะไรอีกนะ?”
“…พอแล้วล่ะ ฉันรู้แล้ว” คุณลุงปีศาจหนูรีบโบกมือพูด
“ไม่ได้ค่ะ นี่เป็นงานของฉัน จะต้องทำให้ดีๆ ค่ะ”
เพราะอะไรล่ะ?
คุณลุงปีศาจหนูจ้องพนักงานสาวของโรงพยาบาลสัตว์ เธอทำที่นี่มาช่วงหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังขยันเต็มที่ เขาจึงถามตัวเองไม่หยุดว่าเธอทำไปเพราะอะไรกันแน่?
เห็นชัดๆ ว่าบนโต๊ะเธอวางหนังสือคณิตศาสตร์ไว้เล่มหนึ่ง คาดไม่ถึงว่ายังจำคำพูดที่พูดกับคนไข้พวกนี้ได้อีกนะ?
“จริงสิ! อย่างสุดท้าย อย่าลืมทำความสะอาดตัวก่อนเข้านอนทุกวันนะคะ คุณหมอหลงบอกว่า คุณลุงสกปรกมาก ผิวหนังของคุณลุงก็เลยมีอาการกำเริบบ่อยๆ ไงคะ!”
เด็กนี่น่ารักมากจริงๆ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้พาลูกมารับยาโรคหืดแล้วละก็ คุณลุงปีศาจหนูก็คิดอยากจะหยอกเล่นเพื่อหวนนึกถึงความจำสมัยวัยรุ่นสักหน่อย
“พ่อ หางของพ่อกระดกขึ้นมาแล้ว”
“ไปๆๆ!” คุณลุงปีศาจหนูดันลูกของตัวเอง แล้วจากไปอย่างเขินอาย
แต่ก็เพียงแค่คิดเท่านั้น อย่างไรความบริสุทธิ์ของเธอก็เป็นสิ่งงดงามที่สุด คุณลุงปีศาจหนูไม่ได้คิดไปทำให้มันด่างพร้อย เพียงแต่ว่าพอหนูถึงวัยกลางคนก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความพึงพอใจทางเพศบางอย่างไปได้
“ฮอตจริงๆ ต่างจากนางปีศาจเฒ่าหมื่นปีนั่นหลายขุมเลยนะ”
หลังจากส่งคุณลุงปีศาจหนูแล้ว ลั่วเพียนเซียนก็ได้ยินคำพูดเหน็บแนมจากคนกินฟรีอยู่ฟรีในโรงพยาบาลสัตว์ทันที
ใช่ พี่หลงก็เรียกคุณจื่อจวินแบบนี้ ‘กินฟรีอยู่ฟรี’
“พี่จื่อจวิน เดี๋ยวพี่หลงก็ได้ยินหรอกค่ะ” ปีศาจผีเสื้อน้อยจำต้องเตือน แม้ว่าเตือนไปอาจจะเปล่าประโยชน์ก็ตาม
หลงซีรั่วกับซูจื่อจวินเป็นเหมือนน้ำกับไฟ ทุกครั้งที่เจอกันก็ต้องทะเลาะกันตลอด ราวกับว่าวันไหนไม่ได้แดกดันกันก็จะเหงาปาก
ซูจื่อจวินส่งเสียงจึ๊ปาก แสดงทัศนคติของตัวเองอย่างแจ่มแจ้ง ‘ไม่กลัว เก่งจริงก็มากัดฉันสิ’
ปีศาจผีเสื้อน้อยเห็นเรื่องประหลาดจนชินแล้ว จึงนั่งลงไม่ได้สนใจ และถือนมขวดหนึ่งดื่มอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนเลียของเหลวสีขาวที่เหลืออยู่บนริมฝีปากจนสะอาด แล้วหยิบหนังสือในมือขึ้นมาอ่าน
“นี่อะไรน่ะ?” ซูจื่อจวินหยิบหนังสือในมือปีศาจผีเสื้อน้อยมา ดูไปดูมาหลายรอบ ก็พูดอย่างเฉยเมยว่า “ของที่คนประเภทนี้เขียนออกมา อ่านไปก็เสียเวลาเปล่า ไม่สู้ไปบำเพ็ญเพียรดีกว่า เธอผอมไปแล้วนะ ไม่บำเพ็ญเพียรแล้วเมื่อไรถึงจะอ้วนล่ะ?”
“อ้วน?” ลั่วเพียนเซียนอึ้ง
เธอเป็นปีศาจผีเสื้อที่ท่องพจนานุกรมมาแล้วทั้งเล่มนะ แต่ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงใช้คำว่า ‘อ้วน’ มาบรรยายระดับของการฝึกได้
จากนั้นซูจื่อจวินก็พูดอย่างเฉยชา “ความหมายของฉันคือ แข็งแกร่งขึ้นน่ะ”
ปีศาจผีเสื้อน้อยแกว่งเท้าอยู่บนเก้าอี้ จากนั้นก็หรี่ตาพูดว่า “แค่มีพลังปีศาจพอใช้ได้ก็โอเคแล้วล่ะ ที่นี่ยังมีพี่หลงอยู่ ปลอดภัยมากนะ อีกอย่าง สิ่งที่มนุษย์เขียนก็สนุกดีนะ ถึงมีอีกหลายอย่างที่ฉันอ่านไม่เข้าใจเลยก็เถอะค่ะ”
ซูจื่อจวินพูดอย่างเฉยชาว่า “พวกเราเริ่มใช้ปัญญาจิตวิญญาณ สติปัญญาต้องสูงกว่ามนุษย์เท่าหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ไม่นึกเลยว่าเธอจะอ่านสิ่งที่มนุษย์เขียนไม่ออก”
ปีศาจผีเสื้อน้อยก็ไม่ถือสา ด้วยเพราะเธอจำสิ่งที่เถ้าแก่เนี้ยและเถ้าแก่ร้านซาลาเปาสอนได้ขึ้นใจ
‘ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นมิตรกับผู้คน’
“อืม ฉันต้องไม่เข้าใจอยู่แล้ว ยังไงฉันก็เพิ่งออกมาโลกภายนอกได้ไม่เท่าไร ไม่เหมือนอย่างพี่ซูกับพี่หลงนี่” ลั่วเพียนเซียนยิ้มแบบไร้เดียงสา “จริงสิ! พี่ซูผ่านอะไรมามากมาย ต้องรู้เยอะแน่ๆ เลยสินะคะ!”
“อืม ก็พื้นๆ เท่านั้นแหละ” ซูจื่อจวินส่งเสียงอืมตอบรับ
ปีศาจผีเสื้อน้อยตาเป็นประกาย รีบเปิดหนังสือติววิชาคณิตศาสตร์ที่ยืมมาจากคนไข้เด็ก ก่อนเปิดไปหน้าหนึ่งแล้วพูดอย่างน่าสงสารว่า “พี่ซูสอนฉันหน่อยได้ไหม ข้อนี้แก้โจทย์ยังไงคะ? ฉันคิดมาทั้งวันก็ยังไม่ได้คำตอบเลยค่ะ เฮ้อ!”
ซูจื่อจวินมองไปจากบนลงล่าง แล้วย้ายจากล่างกลับมาข้างบน เธอกะพริบตาแล้วก็จ้องปีศาจผีเสื้อน้อยนิ่ง
ทันใดนั้น ร่างของซูจื่อจวินก็ค่อยๆ นอนราบอยู่บนพื้น …แถมยังประสานมือไว้บนหน้าท้อง ด้วยท่าทางหลับราวเจ้าหญิงน้อย
“พี่ซู? พี่ซู? ทำไมอยู่ๆ ถึงหลับไปล่ะคะ! นอนกับพื้นไม้ไม่ดีนะ!”
ลั่วเพียนเซียนเห็นซูจื่อจวินเชื้อสายครึ่งผีดิบหลับกะทันหันบ่อยครั้งแล้ว
“ไม่ต้องสนคนไร้ยางอายนี่หรอก” ไม่รู้ว่าหลงซีรั่วเดินออกมาจากที่ทำงานตั้งแต่เมื่อไร คงคิดจะสูบบุหรี่อีกแล้ว
แล้วเธอก็เดินไปข้างๆ ซูจื่อจวิน พร้อมกับยื่นเท้าออกไปเตะตัวหล่อนสองที ก่อนแสยะยิ้มพูดว่า “เสแสร้งได้มั่วมาก …เจ้าหนู ฉันจะบอกให้นะ เจ้าคนที่กินฟรีอยูฟรีนี่ ไม่เคยเข้าเรียนแม้กระทั่งอนุบาล ชื่อตัวเองก็เขียนไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ สอนเธอได้กับผีน่ะสิ!”
“หา?”
ปีศาจผีเสื้อน้อยที่ได้ยินเป็นครั้งแรกก็มีท่าทีตกใจทันที
หลงซีรั่วยักไหล่แล้วตอบทันที “วันนี้เจอโจทย์ยากอะไรอีกเหรอ? พูดมาให้ฟังหน่อย”
จำได้ว่าสองอาทิตย์ก่อนหน้า พี่หลงก็สอนเรื่องสูตรคูณตัวเองไว้อย่างดีแล้ว ตอนนี้ปีศาจผีเสื้อน้อยอ้าปากพูดว่า “พี่หลง รู้ฟังก์ชั่นแล้ว f(x)=ax3-3×2+1 ถ้า f(x) มีจุดที่เป็นศูนย์อยู่ตัวเดียว x0 นอกจากนี้ x0 มากกว่า 0 แล้วก็ ขอบเขตตัวเลขของ a จะเป็นเท่าไหร่’?”
หลงซีรั่วจุดบุหรี่หน้าตาเฉย เธอพ่นควันกระจาย แล้วจึงพูดช้าๆ ว่า “เด็กน้อย ขอฉันคิดหน่อย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือปีศาจ ถ้าไม่ขยัน ที่สุดแล้วก็เป็นเพียงแค่คนที่กินฟรีอยู่ฟรี จะแก้โจทย์ข้อนี้นั้นไม่ยาก ปัญหาคือเธอพยายามเต็มที่แล้วหรือยัง?”
ลั่วเพียนเซียนส่ายหัวโดยอัตโนมัติ “ฉันเพิ่งคิดอยู่สักพัก… ฉันรู้แล้วค่ะพี่หลง ฉันจะลองคิดดูอีกที ถ้าคิดไม่ออกจริงๆ ค่อยมาถามพี่”
“อืม ความคิดใช้ได้”
หลงซีรั่วคาบบุหรี่แล้วเดินออกไปข้างนอกศูนย์สัตว์เลี้ยงทั้งแบบนี้ …ผีถึงจะรู้จัก X อะไรนั่น พวก A อะไรอย่างนี้มันคือบ้าบออะไรกัน? สองอาทิตย์ก่อนไม่ใช่ว่าเพิ่งเรียนสูตรคูณได้เองเหรอ?
“มนุษย์ก็ว่างจริงๆ บวกลบคูณหารยังไม่พอใช้เหรอไง?” หลงซีรั่วพึมพำหนึ่งประโยค ขณะพิงประตูอยู่
แต่ว่าความสามารถในการเรียนรู้ของปีศาจผีเสื้อน้อยกลับดีกว่าที่เธอคาดเอาไว้อยู่บ้าง จำได้ว่าน่าจะเมื่อวานหรือเมื่อวานซืนนี้เอง เหมือนเจ้าเด็กนี้เคยเอ่ยว่าอยากจะลองเข้าสอบเข้า ม.ปลายดู?
ถึงแม้ว่าสำหรับเธอแล้ว เรื่องทำสำมะโนครัวนิดหน่อยแล้วก็เรื่องพวกให้สิทธิพิเศษกับเธอไม่ใช่เรื่องยากอะไร ยังไงซะหลังจากมีปีศาจส่วนน้อยที่อำพรางตัวมานานขนาดนี้ ก็ปิดบังตัวตนเข้าไปอยู่ในบางหน่วยงานได้สำเร็จแล้ว
ปัญหาคือ…
เดิมทีฉันก็ไม่รู้ว่า X A อะไรนั่นคือบ้าบออะไรกันแน่?
หลงซีรั่วเรียกสติคืนมาทันที เธอโยนบุหรี่ทิ้งลงพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วเหยียบให้ดับเลยทันที จากนั้นก็รีบร้อนเดินเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์ เธอเดินมาถึงบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ แล้วก็กำลังหาอะไรในข้าวของกองหนึ่งบนเคาน์เตอร์
“พี่หลงจะหาของอะไรหรือคะ?”
“หาเจอแล้ว” หลงซีรั่วหาใบปลิวแผ่นหนึ่งเจอจากในนั้น แล้วก็สะบัดตรงหน้าลั่วเพียนเซียน “เธอไปติวเถอะ! ที่สอนพิเศษติวสอบเข้าม.ปลายเพิ่งเปิดช่วงนี้ ตอนนี้กำลังลดราคา!”
“แต่ แต่ฉันยังต้องทำงานนะ” ลั่วเพียนเซียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “อีกอย่าง ค่าเรียนนี้แพงมาก”
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการให้” หลงซีรั่วพูดแบบไม่ลังเล “ไปเล่าเรียนให้สำเร็จเถอะ!”
“จริงหรือคะ?” ปีศาจผีเสื้อน้อยกระโดดดีใจขึ้นมาทันที
หลงซีรั่วลูบหัวของเธอราวกับรักมาก …เอาล่ะ ครั้งนี้ไม่ต้องคิด X อะไร A อะไรว่าคือบ้าบออะไรแล้ว
“ชิ นึกว่าเธอจะใจดีขนาดนี้เหรอ? ปีศาจเฒ่านี่อย่างมากก็ท่องได้แค่สูตรคูณเท่านั้น แถมยังเป็นคนที่คิดสูตรในตอนนั้นสอนด้วย นึกเหรอว่าเธอเคยเรียนมาจริงๆ”
ซูจื่อจวินที่นอนอยู่บนพื้นหันตัวมาแบบคิดไม่ถึงทันที พูดลอยๆ เหมือนละเมอ
หลงซีรั่ว…หลงซีรั่ว “อืม เมื่อวานนี้เหมือนยาเข้ามา ยังไม่ทันเก็บ ฉันจะไปลองดูหน่อย อ่าฮ่าๆๆ ฮ่าๆ …”
ลอยไปไกล
…
…
ตอนกลางคืน เขากำลังก้มหน้าอยู่ในห้องของตัวเอง โดยมีแม่ของเขานั่งอยู่ข้างหน้า
ในมือแม่ถือแนวข้อสอบอยู่แผ่นหนึ่ง
“กู้จยาเจี๋ย ทำไมแนวข้อสอบครั้งนี้ได้ต่ำกว่าครั้งที่แล้วสี่คะแนน? ลูกรู้ไหมว่าในห้องลูกมีคนนำลูกไปกี่คนแล้ว?”
“แค่สี่คะแนน ผมไม่ระวัง …” เขาคิดจะพูดอะไรเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าแม่กลับพูดแบบเด็ดขาดว่า “แค่สี่คะแนน? กู้จยาเจี๋ย ลูกรู้ไหมว่านี่เป็นทัศนคติแบบไหน? ลูกไม่เข้าใจความสำคัญของคะแนนหนึ่งคะแนนเหรอ? แม่ถามหน่อย เกิดลูกคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์รับเข้าเรียนไปสี่คะแนน ลูกจะรู้สึกอย่างไร? เสียใจไหม? สี่คะแนน มีความเป็นไปได้ที่จะตัดสินให้ลูกเรียนซ้ำอีกหนึ่งปี ลูกยินดีเสียเวลาเพิ่มอีกหนึ่งปีไหม?”
เขาทำได้แค่ส่ายหัวเล็กน้อย
แม่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “จยาเจี๋ย แม่ไม่ได้ตั้งใจด่าลูก ลูกรู้ไหมว่าแม่กับพ่อทำงานข้างนอกเหนื่อยขนาดไหน? แต่หลังจากพวกเรากลับมาแล้วก็ไม่ได้พูดเรื่องพวกนี้ ก็ประหยัดในครอบครัวไปหน่อย แต่พวกเรายังให้ลูกเรียนพิเศษเพิ่มคลาสหนึ่ง เพราะอะไร? ก็เพราะให้ลูกได้เปรียบกว่าคนอื่น แต่ช่วงนี้ลูกแอบขี้เกียจไปหรือเปล่า?”
“ผม…” เขาก้มหน้า ไม่กล้ามองตาแม่
แม่เห็นดังนี้ เลยถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมกับส่ายหน้า “ลูกคิดให้ดีๆ ความคิดแบบนี้ถูกหรือเปล่า เอาล่ะ อีกเดี๋ยวก็ไปอาบน้ำ รีบพักผ่อนหน่อย พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมายังต้องท่องศัพท์ ลูกห้ามพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดต่อสติปัญญาในหนึ่งวัน”
“ผมรู้แล้วครับ” เขาพยักหน้า
“เอาล่ะ เด็กดี พวกเรามีลูกแค่คนเดียว หวังว่าลูกจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ อย่าโทษว่าแม่เข้มงวดกับลูก ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูก” แม่พูดเสียงอ่อนโยน พลางตบบ่าของเขาเบาๆ
หลังประตูห้องปิดลง ตอนที่เหลือเขาในห้องคนเดียว หลังจากที่เขานั่งเงียบๆ สักพัก จู่ๆ เขาก็เปิดลิ้นชักโต๊ะหนังสือ หยิบโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ออกมา
หลังเขาคิดอยู่สักพัก เลยพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ‘ครูครับ พรุ่งนี้ตอนค่ำว่างไหม? ผมอยากลองอีกครั้งหนึ่ง’