สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 50 ผิดปกติ
แต่พอลั่วชิวเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว สาวน้อยก็พยักหน้าให้อย่างรีบร้อน
ด้วยจิตสำนึกในส่วนลึก เธอรู้สึกเคารพยำเกรงคุณลั่วที่อายุไม่ได้มากคนนี้ก็เท่านั้น
“ให้ช่วยไหม?”
ลั่วชิวมองดูท่าทางของสาวน้อยครู่หนึ่ง เธอหิ้วกระเป๋าสัมภาระท่าทางหนักมากใบหนึ่ง แถมยังมีกระเป๋าลากอีกใบหนึ่ง มายังเมืองที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้เพียงลำพัง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้อง ไม่หนักเลยค่ะ ฉันถือเองได้” หลี่ว์อีอวิ๋นรีบโบกไม้โบกมือ
ลั่วชิวก็ไม่ได้ไปบังคับอะไร เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมพาคุณไปมหา’ลัยแล้วกัน ฝั่งนั้นนั่งรถประจำทางไปได้ ต่อไปคุณต้องจำป้ายรถที่เปลี่ยนสายรถเอาไว้นะ มีเปลี่ยนสายแค่สองครั้งเท่านั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ใช้เส้นเดิมนี้ยังกลับไปที่สถานีรถได้ ทีนี้คุณจะกลับบ้านก็สะดวก”
สาวน้อยรีบพยักหน้าหงึกๆ…คุณลั่วคนนี้ทำอะไรตรงไปตรงมาไม่เปลี่ยนไปเลย
เขาเดินนำไปข้างหน้า และเธอก็เดินตามหลัง เมื่อลั่วชิวสังเกตเห็นว่าสาวน้อยเกือบเดินตามมาไม่ทัน ถึงได้ชะลอฝีเท้าลง
พอขึ้นรถประจำทางมาแล้ว สาวน้อยถึงได้กล้าเอ่ยปากถามว่า “แล้ว…พี่เริ่นล่ะคะ? ฉันนึกว่าพี่เริ่นจะมารับฉันซะอีก”
“อืม ผมก็เข้าใจว่าเธอจะมาเองเหมือนกัน” ลั่วชิวส่ายหน้าพลางพูดว่า “เห็นบอกว่ามีธุระด่วนกะทันหัน คุณน่าจะเข้าใจงานของเธอดีนะ”
หลี่ว์อีอวิ๋นตะลึงงัน แล้วถึงได้ดึงสติกลับมา พูดยิ้มๆ ว่า “สมกับเป็นพี่เริ่นจริงๆ หลายครั้งตอนคุย QQ กัน เธอก็ชอบบอกขอตัวกะทันหันเหมือนกันค่ะ”
“ติดต่อกันอยู่ตลอดเลยเหรอ” จู่ๆ ลั่วชิวก็ถามขึ้น
หลี่ว์อีอวิ๋นจึงตอบตามความเป็นจริง “ใช่ค่ะ…พี่เริ่นเป็นคนดีมากเลย”
ลั่วชิวเงยหน้ามองเมฆสีขาวบนท้องฟ้าแวบหนึ่ง แล้วถามว่า “ช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้าง?”
หลี่ว์อีอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองนักท่องเที่ยวบนรถแวบหนึ่ง ก่อนก้มหน้าตอบอย่างระมัดระวัง “ไม่เป็นไรแล้วค่ะ…ดูเหมือน ดูเหมือนว่าฉันจะควบคุมตัวเองได้แล้วค่ะ”
“เมืองนี้ก็ไม่ได้แย่นะ ใช้ชีวิตสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป” ลั่วชิวมองท้องฟ้านอกหน้าต่างรถ “แต่บางครั้งสภาพอากาศผิดปกติไปบ้างแค่นั้น”
หลี่ว์อีอวิ๋นพูดยิ้มๆ “สภาพอากาศริมทะเลผิดปกติยิ่งกว่า ฉันน่าจะชินแล้วล่ะค่ะ”
ลั่วชิวพยักหน้า ในตัวสาวน้อยมีกลิ่นอายของทะเลโชยออกมาแต่ไกล ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ราวกับว่าขอเพียงได้อยู่ใกล้ก็รู้สึกสงบได้
“จริงสิ คุณเรียนคณะอะไรเหรอ”
“คณะแพทย์ เอกเภสัชค่ะ”
“อยากเป็นหมอเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ระหว่างที่ถามคำตอบคำไปเล็กน้อย ก็ต้องลงรถมาเปลี่ยนสายแล้ว จนในที่สุดก็มาถึงปลายทาง หน้าประตูมหา’ลัยที่สาวน้อยจะมาลงทะเบียน…หรือก็คือมหา’ลัยเก่าของเจ้าของร้านลั่วนั่นเอง
สาวน้อยลงรถ แล้วหยิบสัมภาระตรงประตูข้างรถบัสออกมา ด้วยหน้าตาตื่นเต้น
เธอเงยหน้ามองประตูทางเข้ามหา’ลัยแวบหนึ่ง ป้ายชื่อตั้งตระหง่าน สูงกว่าตัวเธอ และสูงกว่าป้ายบ้านพักตากอากาศริมทะเลของเธอเสียอีก แล้วฟังเสียงลั่วชิวพูดอยู่ข้างหลังเธอ
“จากจุดนี้ก็เป็นเส้นทางของตัวคุณเองแล้ว ทางข้างหน้าจะเป็นยังไง ไม่มีใครรู้ได้หรอก บางทีคุณอาจจะได้เจอกับสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างก็ได้ แต่อย่าตกใจไปเลย เพราะตัวคุณก็มีสิ่งมหัศจรรย์อยู่เหมือนกัน…และสุดท้าย ยินดีต้อนรับสู่เมืองนี้นะครับ”
สาวน้อยหันกลับไปมอง แต่ก็มองไม่เห็นตัวคุณลั่วคนนี้เสียแล้ว เหมือนหายไปในอากาศก็ไม่ปาน
หลี่ว์อีอวิ๋นวางกระเป๋าเดินทางลงบนพื้น แล้วกางแขนออกสูดลมหายใจลึกๆ อากาศที่นี่สู้ริมทะเลไม่ได้เลย มีฝุ่นควันมลพิษเต็มไปหมด แต่กลับทำให้เธอรู้สึกต่างไป
บางที…ที่นี่คงเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของเธอสินะ
หลี่ว์อีอวิ๋นก้มหน้าหัวเราะ ยกกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ขึ้นมาอย่างสบายๆ แล้วลากกระเป๋าไป ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ ว่าพี่เริ่นเคยบอกเรื่องลั่วชิวเรียนอยู่มหา’ลัยเดียวกันกับเธอ
แต่เธอยังไม่ได้ถามเขาเลยว่าเรียนคณะอะไร หรือว่าปีไหนแล้ว
สาวน้อยตะลึง แล้วถึงได้พบว่าแท้จริงแล้วตลอดเส้นทางที่มานี้ เธอเอาแต่รู้สึกตื่นเต้นอยู่คนเดียว…
“ช่างเถอะ เดี๋ยวก็คงได้เจอกันล่ะมั้ง? ที่นี่…” หลี่ว์อีอวิ๋นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวเรียกสติกลับมา
เธอหิ้วกระเป๋าสัมภาระ แล้วเดินเข้าไปเพียงลำพัง
แบบนี้ก็ดีไม่น้อยเลย
“เอ๊ะ? รายงานตัวที่ไหนเนี่ย?”
…
…
ร้านอาหารที่นี่ดูจะเหมาะกับคู่รัก ร้านอาหารบนตึกสูงวิวรอบด้าน…แน่นอนว่าราคาก็ไม่ได้ถูกเช่นกัน แต่อย่างน้อยมันก็โรแมนติกมาก
ด้วยเพราะเห็นวิวยามค่ำคืนของเมืองนี้ได้
“ทำกินเองที่บ้านเธอหรือบ้านฉันก็ได้นี่ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบสิ้นเปลืองแบบนี้”
“ลองดูสักหน่อยนะ ฉันไม่ได้บอกว่าอาหารของเธอไม่อร่อย แต่ว่า บางครั้งก็ต้องลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างไม่ใช่เหรอ?” โจวจื่อเหาพูดยิ้มๆ “ที่จริงก็ไม่ได้แพงมาก เป็นเซตอาหารที่ลูกค้ารวมกันเหมาจ่ายน่ะ”
ถาวซย่ามั่นมองค้อนใส่โจวจื่อเหา เธอไม่คิดจะโทษการกระทำของว่าที่สามีเลย เธอแค่ติดว่าเงินหายาก “เอาเถอะ แล้วเรากินอะไรจากอาหารเหมาจ่ายได้บ้างล่ะคะ?”
“ของกินไว้ก่อน” โจวจื่อเหาหยิบไอแพดเครื่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ “มานี่สิ จะให้เธอดูอะไรบางอย่าง”
ถาวซย่ามั่นไม่เข้าใจ แต่ก็รับไอแพดจากมือของโจวจื่อเหามาดูภาพที่เขาเปิดค้างไว้ “นี่คือ…ชุดแต่งงานแบบจีนนี่?”
“ที่แท้ก็เรียกว่าชุดแต่งงานแบบจีนเองเหรอ” โจวจื่อเหาเดินมาด้านหลังถาวซย่ามั่น แล้วโน้มตัวลงมา “บอกตามตรงนนะ ฉันไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แล้วเป็นไงบ้าง ชอบไหม?”
สี่หน้านี้ไม่ใช่ภาพที่ออกแบบจากคอมพิวเตอร์ แต่เป็นภาพถ่ายจากภาพวาดมือ ถาวซย่ามั่นกำลังเลื่อนดูทีละภาพ ทีละภาพ
แล้วเธอก็ใจลอยไป…ภาพวาดง่ายๆ สี่ภาพนี้ ไม่ถึงกับพูดได้ว่าประณีตงดงาม แต่ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากที่เธอดูแล้ว ถึงทำให้เธอไม่สามารถละสายตาไปได้
มีอะไรบางอย่างดึงดูดเธอมากเป็นพิเศษ
ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างที่เธอเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน เหมือนมันได้จู่โจมจิตใจของเธอเข้าอย่างจัง
“สีพิเศษแบบนี้หายากมาก ฉันชอบมากๆ เลย” ถาวซย่ามั่นพยักหน้า “จื่อเหา เธอไปหาเจอจากที่ไหน?”
ชอบจริงๆ เหรอ?
โจวจื่อเหาอดคิดถึงชายชราพิลึกๆ ที่เจอเมื่อเช้าไม่ได้…ตอนแรกเขาคิดว่าชายชราคนนี้มั่นใจเกินเหตุ แต่ไม่นึกว่า ว่าที่ภรรยาของเขาจะชอบมันจริงๆ
โจวจื่อเหานึกถึงคำพูดของช่างตัดชุดคนนั้นขึ้นได้ ตอบไปว่า “เพื่อนแนะนำมา เป็นช่างตัดชุดแก่ๆ คนหนึ่ง ตัดชุดมาสิบกว่าปีแล้วล่ะ ฝีมือไม่ธรรมดาเลย เธอคิดว่ายังไงล่ะ? อยากลองดูไหม?”
ถาวซย่ามั่นคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ก็ได้ ลองดูสักหน่อยก็ไม่เห็นเสียหาย”
โจวจื่อเหาตบมือดีใจเหมือนเด็กน้อย “เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะติดต่อช่างตัดชุดคนนี้เลย แต่ตอนนี้พวกเราก็ควรกินข้าวกันก่อนใช่ไหม?”
ถาวซย่ามั่นรู้สึกชื่นใจเป็นที่สุด “ยอมใจเธอเลยจริงๆ”
…
วันถัดมา โจวจื่อเหาก็มาถึงในบ้านของเหล่าเฝิงอีกครั้ง…ตอนเดินขึ้นมา เขายังไม่ทันเห็นว่าตรงนี้มีคนอยู่หรือเปล่า
ตึกเก่าห้าชั้น ดูเหมือนว่าจะเหลือเพียงแค่ชายชราช่างตัดชุดคนนี้อาศัยอยู่เท่านั้น
หลังจากเคาะประตูครั้งนี้ ก็ได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว…โจวจื่อเหาถึงกับนึกว่าตัวเองตาฝาดไป คล้ายว่าชายชราคนนี้ก็กำลังรอคอยเขามาโดยตลอด
“ช่างโจวครับ คุณสุดยอดจริงๆ! ว่าที่ภรรยาผมเห็นฝีมือออกแบบของคุณแล้ว ก็ละสายตาไม่ได้เลย ผมรู้จักนิสัยเธอดี เธอเป็นแบบนี้เวลาที่เธอชอบจริงๆ!” โจวจื่อเหาพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมเลื่อมใส “คุณดู…”
“ผมช่วยคุณตัดชุดได้” เหล่าเฝิงพยักหน้า แล้วพูดไปตรงๆ ว่า “เพียงแต่ คุณต้องวางค่ามัดจำก่อน”
โจวจื่อเหารีบพยักหน้าตอบว่า “ราคาไม่ใช่ปัญหาหรอก คุณว่ามาเลย ผมจะพาว่าที่ภรรยาผมมาได้เมื่อไร…ต้องวัดตัวด้วยใช่ไหมครับ?”
แต่ช่างโจวคนนี้กลับส่ายหน้าพูดว่า “ผมไม่วัดตัวลูกค้าที่นี่ แต่ผมไปบ้านลูกค้าได้ คุณทิ้งที่อยู่ไว้ให้ผม นัดเวลากัน ผมจะไปหาเอง จำไว้ว่าไม่ให้เปิดเผยที่อยู่ของผม ให้คุณรู้คนเดียวเท่านั้น นี่คือกฎของผม”
เอาเถอะ
ใครให้ว่าที่ภรรยาถูกใจการออกแบบของเขากันล่ะ?
โจวจื่อเหาจึงตอบตกลงไป…คนเก่งมักมีนิสัยแปลก ตอนเขาเรียนอยู่เมืองนอก ก็เคยเจอศาสตราจารย์ที่นิสัยแปลกมาไม่น้อย จนตอนนี้ชินแล้ว
…
เหล่าเฝิงแอบมองโจวจื่อเหาขับรถจากไปอยู่เงียบๆ ตรงขอบหน้าต่าง เขาถึงได้ละสายตาไป
ใบหน้าเหล่าเฝิงเผยรอยยิ้มแบบที่เห็นได้ยาก คงเพราะรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ใช้ได้เลยทีเดียว
“พรุ่งนี้…”
เหล่าเฝิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาคิดว่าตัวเองควรไปเตรียมเครื่องมือวัดตัวได้แล้ว ด้วยความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
สิบกว่าปีมานี้เขาไม่เคยสดชื่นเท่านี้มาก่อนเลย