สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 80 เดือนใหม่
ในงานแต่งเต็มไปด้วยคำอวยพรนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นขบวนรถธรรมดา หรือขบวนรถหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับสูง หรือเป็นโรงแรมธรรมดาทั่วไป
ตราบใดที่ไม่ได้เป็นการคาดเดาที่มุ่งร้าย พวกเราก็ยังคงสรรเสริญด้วยความยินดียิ่งขึ้น
เพราะวันนี้เป็นวันจัดงานมงคล
เพราะมันจะอยู่ข้างกายเราเสมอ เพราะวันนี้จะต้องมาถึงสักวัน ช่วงเวลาที่คุณเฝ้ารอ ช่วงเวลาที่คุณวุ่นวาย…ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน มันก็ต้องมาถึงอยู่ดี
นั่นเป็นวันที่สำคัญที่สุดของคุณและอีกครึ่งหนึ่งของคุณ
…
วันนี้เป็นวันที่เจ้าสาวสวยที่สุด รอยยิ้มของเธองดงามยิ่งกว่าแสงสุกสกาวของอัญมณี
ถาวซย่ามั่นโยนช่อดอกไม้ของตัวเอง เธอโยนคำอวยพรของตนขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างสุดกำลัง บางทีเธออาจจะโยนช่อดอกไม้ลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ที่หอมอบอวลขึ้นแรงเกินไป จนข้ามกลุ่มแขกสุภาพสตรีที่จับกลุ่มยืนรออยู่อย่างใจจดใจจ่อไป
“อ๊า โยนไปไหนแล้ว”
“รีบหาเร็ว!”
เจ้าสาวเห็นแขกสุภาพสตรีกลุ่มหนึ่งพากันก้มหน้าหาช่อดอกไม้ ก็เอาแต่หัวเราะไม่หยุด ส่วนเจ้าบ่าวก็ได้แต่อมยิ้ม
ทว่าพวกเขากลับหาช่อดอกไม้ไม่เจอ เจ้าบ่าวจึงอดประหลาดใจไม่ได้ “ซย่ามั่น ช่อดอกไม้เธอล่องหนได้เหรอ ฉันเองก็ไม่เห็นเหมือนกัน? อยู่ที่ไหนกันแน่นะ”
เจ้าสาวเพียงแค่หัวเราะเบาๆ “ไม่รู้สิ”
วันนี้เป็นวันที่มีความสุขมาก โจวจื่อเหาจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเล็กๆ แบบนี้
ตอนนี้เขาเบนสายตาไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ งานเลี้ยง จึงพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “ซย่ามั่น นายตำรวจหลินมาแล้ว ฉันจะไปทักเขาสักหน่อย เพราะได้เขาช่วยเหลือมากมาย พวกเราถึงทำเรื่องแหวกประเพณีได้ขนาดนี้”
“อืม อีกเดี๋ยวฉันตามไปนะ” ถาวซย่ามั่นยิ้ม
ที่จริงเพราะความช่วยเหลือมากมายจากนายตำรวจหลิน เธอจึงสามารถแหกกฎเข้าไปในห้องพบญาติได้เป็นกรณีพิเศษ
เธอไม่เคยคิดเลยว่านายตำรวจหลินคนนี้จะตอบตกลง เพียงแต่ในชีวิตคนเรามักจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดเสมอ…เรื่องที่คุณและฉันก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ เรื่องไม่คาดคิดที่ไม่อาจเชื่อได้ตั้งแต่แรกเริ่ม
ถาวซย่ามั่นมองเลยฝูงชนไป ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นเงาคนปรากฏขึ้นในห้องที่มืดสลัวนั้น ในมือเขากำลังถือช่อดอกไม้ แล้วก็หายไปท่ามกลางฝูงชน
นี่เป็นครั้งที่สามที่เธอเห็นเงานี้
ตอนนี้หนึ่งครั้ง…ครั้งแรกในร้านบะหมี่…ครั้งที่สอง…ในวันที่เธอต้องออกจากบ้านเก่าหลังนั้นเพื่อไปเตรียมงานแต่งอย่างเสียไม่ได้
มีเพียงประโยคที่ง่ายมากๆ หนึ่งประโยค
เขายืนอยู่บนถนน เหมือนว่าไม่มีใครมองเห็นเขา เหมือนว่าโลกในสายตาของถาวซย่ามั่นเดินช้าลง…เหมือนว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ตรงนั้น จากระยะห่างที่ไกลขนาดนี้เธอต้องไม่ได้ยินแน่
แต่หูของถาวซย่ามั่นกลับได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
“ในเมื่อเธอรอคอยและอยากรู้มาตลอด แล้วทำไมไม่ไปยืนยันด้วยตัวเองเลยล่ะ บางทีอาจจะอยู่ในที่ที่เธอไปถึงก็ได้นะ”
ทันใดนั้นชายหนุ่มลึกลับก็หายไปท่ามกลางฝูงชน จากนั้นก็เหมือนว่าเวลาจะกลับมาเดินตามปกติ…เหมือนอย่างตอนนี้
“ซย่ามั่น ซย่ามั่น!” โจวจื่อเหากวักมือเรียกเธอแต่ไกล
“โอเค ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ครั้นแล้วเจ้าสาวก็ดึงสายตากลับมา เดินไปทางสามีของตน…แล้วเธอก็ไม่ได้สนใจมากขนาดนั้นอีก
ก็เพราะว่า วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดน่ะสิ
…
…
“ความจริงแล้ว ฉันยังไม่ชินกับเหล้าหยางจิ่วสักเท่าไร ไม่ได้ใช้เหล้าขาว รสชาติก็เลยไม่เหมือนต้นตำรับเอาซะเลย”
มุมหนึ่งของสนามกีฬาในคุกยามโพล้เพล้ เหล่าเฝิงขมวดคิ้ว เขาวางแก้วเล็กๆ ที่อยู่ในมือลง อดพูดกับตัวเองเบาๆ ไม่ได้
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดกับตัวเองมากแค่ไหน แต่เพราะนั่นเป็นเหล้าที่เจ้าของสมาคมรินให้ด้วยตัวเอง เหล่าเฝิงจึงยังดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า
ก็เพราะว่า นี่เป็นเหล้าที่นำมาจากงานแต่งยังไงล่ะ บนม้านั่งหินอ่อนที่พวกเขานั่งอยู่ยังมีอาหารอีกสองสามเมนูที่เอามาจากงานแต่ง
เหล่าเฝิงคีบเนื้อชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปในปาก เคี้ยวไปได้สองสามครั้งก็ถามขึ้นว่า “นี่เมนูอะไร”
“คู่สร้างคู่สม” ลั่วชิวตอบเสียงเบา
“ไม่ใช่เป็ดพะโล้หรอกหรือ!” เหล่าเฝิงพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้ารังเกียจ จากนั้นกลับคีบอีกชิ้นเข้าปาก
ต่อมา เขาก็วางตะเกียบลง ชี้ไปที่อาหารอีกจาน แล้วถามว่า “อันนี้ล่ะ?”
“อยู่กันจนแก่เฒ่า”
เหล่าเฝิงยังคงพูดอย่างรังเกียจต่อไปว่า “ไม่ใช่ขาหมูน้ำแดงหรอกหรือ!”
แต่เขาก็ยังคงคีบขึ้นมา เคี้ยวคำเล็กๆ จากนั้นก็จิบเหล้าหยางจิ่วที่เขาบอกว่ารสชาติไม่เหมือนต้นตำรับไปหนึ่งอึก
ระหว่างที่ชายแก่ถามชื่อเมนูและชิมรสชาติอาหาร เวลาก็ผ่านไปอย่างเศร้าสลด
ต่อมา เหล่าเฝิงก็พูดขึ้นมาว่าดื่มเหล้าคนเดียวนั้นน่าเบื่อเกินไป เจ้าของร้านลั่วจึงถอดหน้ากากครึ่งหน้าออก แล้วร่วมดื่มเหล้าหยางจิ่วที่รสชาติไม่เหมือนต้นตำรับเป็นเพื่อนเหล่าเฝิง
“ที่จริง ไม่มีคนดื่มเหล้าเป็นเพื่อนผมนานมากแล้ว” เหล่าเฝิงเริ่มเมา เขาเงยหน้าขึ้นมองแสงจันทร์บนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยตาปรือ แล้วพูดว่า “จำได้ว่า ครั้งก่อนนั้นก็หลายปีมาแล้ว”
ลั่วชิวได้ยินก็ประหลาดใจ “ที่นี่นอกจากปีใหม่แล้ว ยังดื่มเหล้าได้ด้วยหรือครับ”
เหล่าเฝิงพูดยิ้มๆ ว่า “ยังจำนายตำรวจที่ผมเล่าให้คุณฟังก่อนหน้านี้ได้ไหม ตอนที่เขามาเยี่ยมผม เขาก็จะนั่งดื่มเป็นเพื่อนผมสักแก้วสองแก้ว คุยสัพเพเหระ แต่ว่า…วันเวลาเหล่านั้นไม่มีอีกแล้ว ครั้งนี้คุณดื่มเป็นเพื่อนผม ผมก็เลยคิดถึงเขาขึ้นมาน่ะ”
“’งั้นหรือครับ” ลั่วชิวยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับแก้วเหล้าของเหล่าเฝิงเบาๆ นั่งมองแสงจันทร์เป็นเพื่อนเหล่าเฝิง “คืนนี้เป็นเดือนใหม่”
“ใช่แล้ว เดือนใหม่” เหล่าเฝิงตอบเสียงเบา
เสียงเขาแผ่วเบา ก่อนค่อยๆ หลับตาลง ไม่นานเสียงหายใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นเสียงสงบนิ่งเข้าสู่สภาวะหลับใหล…ที่จริงแล้วคนที่ไม่ได้ดื่มเหล้ามานานมาก ร่างกายย่อมไม่สามารถปรับตัวรับแอลกอฮอล์ได้อย่างรวดเร็ว
แต่เห็นได้ชัดว่าตัวเขาดื่มเหล้าเกือบหมดขวด แล้วจะไม่เมาง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ
แสงจันทร์เริ่มคล้อยไปทางตะวันตก ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
ถึงเวลาสัญญาแลกเปลี่ยนแล้ว
ลั่วชิ่วพาเหล่าเฝิงที่เมาหลับไปส่งที่เตียง หลังจากห่มผ้าให้เขาแล้ว ก็ยื่นมือไปกดหน้าอกของเหล่าเฝิง เขาหยิบค่าธรรมเนียมที่ตกลงเอาไว้ตั้งแต่แรกออกมาจาก…ร่างของเขา
เหล่าเฝิงพลิกตัว ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนเขากำลังฝันดีมาก
“ชายแก่คนนี้แข็งแรงจริงๆ แม้แต่ตอนนี้ ก็ยังอยู่ต่อได้อีกยี่สิบปีเลย”
เสียงเศร้าใจของคุณสาวใช้ดังขึ้นจากเบื้องหลังเจ้าของสมาคม พร้อมทั้งซองจดหมายในมือ
คุณสาวใช้ของสมาคมค่อยๆ เดินเข้ามา ยื่นซองจดหมายไปตรงหน้านายท่าน แล้วพูดเสียงเบาว่า “นายท่าน เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ล้างเสร็จเร็วขนาดนี้เชียว” ลั่วชิวหัวเราะ ก่อนเปิดซองจดหมายออก
คุณสาวใช้เพียงยิ้มน้อยๆ ที่จริงเธอล้างเสร็จตั้งนานแล้ว เพียงแต่เธอเลือกมาเวลานี้…เธอรู้ว่านายท่านของตนจะต้องชอบช่วงเวลานี้
ข้างในเป็นรูปถ่ายขาวดำใบหนึ่งที่เพิ่งล้างเสร็จ ในรูปมีเจ้าสาวกำลังถือดอกไม้ด้วยรอยยิ้มสดใส
ลั่วชิววางรูปถ่ายไว้ในมือของเหล่าเฝิง ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงเบาว่า “งั้น…ขอบคุณคุณลูกค้าที่มาเยือนครับ”
เวลาเที่ยงคืนแล้ว รอบกายพลันก็เงียบสงัดลง