สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 104 ถาม
เงาสีเลือดค่อยๆ โผล่ออกมาจากตัวของจุยเฟิงหลังเสียงคำราม
เขาจ้องมองหลงซีรั่ว จ้องมองทุกอย่างจากด้านบน ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆๆๆ!! ฉันรู้แล้ว! ต้องเป็นเพราะเธอไม่มีวิธีปลดปล่อยพวกปีศาจที่ถูกควบคุมสินะ”
หลงซีรั่วไมาตอบ เธอเพียงแต่มองดูจุยเฟิงเงียบๆ
จุยเฟิงสบถ กระโดดลงมาจากรั้ว ชี้ไปยังหลงซีรั่ว หัวเราะและพูดว่า “แม้แต่มังกรแท้จริงก็ยังหมดหนทาง…เธอหมดหนทาง! เธอไม่อาจทนเห็นพวกเขาเป็นอย่างนั้นไปตลอดได้! ถึงเธอจะไม่ยินยอมแค่ไหน แต่ในฐานะที่เป็นมังกรแท้จริงก็บีบให้เธอต้องทำอย่างนี้…ต้องก้มหัวให้ฉัน! ใช่ไหม! เธอไม่ได้ขอโทษจากใจจริง!”
“แล้วแต่นายจะพูด” หลงซีรั่วพูดอย่างเรียบเฉย “ฉันต้องการปลดปล่อยบรรดาปีศาจที่ถูกควบคุมจริงๆ แต่สิ่งที่ฉันหวังยิ่งกว่านั้นก็คือให้นายสงบลง จิตมารของนายเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ไม่ใช่จะไม่มีหนทางกำจัด”
“ตอนนี้ฉันสบายดี ไม่ต้องกำจัดจิตมารอะไร” สีหน้าของจุยเฟิงดูเย็นชา “เธออยากให้ฉันคลายการควบคุมงั้นเหรอ เธอจะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยน? พวกเขาทั้งหมดเป็น ‘เพื่อน’ ที่ล้ำค่าของฉันเชียวนะ”
“เสี่ยวเจียงฟื้นแล้ว” ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็พูดขึ้น “เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นแล้ว นายไม่ได้ทำร้ายเขา แต่ยังเป็นคนช่วยเขาเอาไว้”
จุยเฟิงชะงัก ไม่ได้พูดอะไร
หลงซีรั่วถอนหายใจเอ่ยว่า “ฉันรู้แล้วว่าฆาตกรตัวจริงคือนกหวีด…ฉันคิดว่าเสี่ยวเจียงก็คงรู้สึกผิดที่เคยเข้าใจนายผิด”
“หืม?” จุยเฟิงยิ้มเยาะ “จริงเหรอ ที่แท้ก็ยังไม่ตาย? น่าเสียดายจริงๆ แต่เรื่องนี้พวกเธอเข้าใจผิดแล้ว…ที่ฉันช่วยเขาออกมาจากเงื้อมมือของตัวประหลาดตัวนั้นไม่ใช่เพราะฉันอยากช่วยเขา แต่เป็นเพราะหากฉันไม่ได้ฆ่าคนที่หักหลังฉันด้วยมือของฉันเองแล้ว ฉันก็คงจะไม่สะใจ!”
คิดไม่ถึงว่าจิตมารของเจ้านี่จะดื้อดึงแบบนี้ หลงซีรั่วกำลังคิดถึงสภาพที่แท้จริงของจุยเฟิง ขณะนั้นเองก็มีเงาร่างสายหนึ่งโผล่ขึ้นมานอกรั้ว
เงาร่างนั้นพลิกข้ามรั้วเข้ามาในดาดฟ้า…ปีนผนังตึกขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?
“ชีส? เสี่ยวเจียง? พวกนาย…พวกนายตามมาได้ยังไง”
หลังถึงพื้นก็เห็นว่าเป็นชีสและเสี่ยวเจียงซึ่งถูกชีสแบกเอาไว้ด้านหลัง
“ใต้เท้าหลง ผมได้ยินพวกลุงปีศาจพูดถึงชื่อตึก ‘อวิ้นฉิน’…ผมก็รู้แล้วว่าเป็นสถานที่ที่จุยเฟิงอยู่” ชีสวางเสี่ยวเจียงลง “พวกผมถึงได้แอบตามมา”
หลงซีรั่วดุเสียงเข้มว่า “ชุกซนนัก!”
ชีสสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปยังจุยเฟิง…การมองในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกห่างเหินกับจุยเฟิงมาก คล้ายว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน
ความรู้สึกแปลกหน้านี้เกินกว่าในครั้งแรกที่เขากับจุยเฟิงพบเจอกันอีก
“ดีจริงๆ มาครบกันแล้ว” จุยเฟิงยิ้มเยาะพูดว่า “ฉันไม่ไปหาพวกนาย พวกนายก็มาหาฉันถึงที่เอง…ไม่กลัวตายงั้นเหรอ”
“เมื่อกี้นี้ฉันได้ยินคำพูดของนาย จุยเฟิง” เสี่ยวเจียงเดินเข้ามาข้างหน้าด้วยการพยุงของชีส “ฉัน…ไม่ว่านายจะต่อว่าฉันยังไง ฉันก็ไม่มีข้อโต้แย้ง…ขอโทษด้วยที่ฉันไม่เชื่อนายตั้งแต่ทีแรก แล้วยังพูดเรื่องนี้ให้ใต้เท้าหลงฟัง”
จุยเฟิงหรี่ตาลง แสงสีแดงวาบผ่านอีกครั้ง ฉายแววสังหาร
เสี่ยวเจียงถูกดวงตาสีแดงจ้องมองจนร่างกายสั่นเทิ้ม หวาดกลัวจนตัวอ่อนยวบลงกับพื้น ถีบสองขาคิดจะหลบไปด้านหลัง
จุยเฟิงหัวเราะเยาะและพูดว่า “นายกลัวแล้ว!”
“จุยเฟิง! พอแล้ว!” ชีสรีบพูดออกมา “นายก็รู้ว่าเสี่ยวเจียงขี้กลัว นายจะขู่เขาไปทำไม?”
จุยเฟิงเหวี่ยงมือพูดว่า “ฉันไม่ต้องการเพื่อนที่กลัวฉัน…เขา ไม่คู่ควร! ส่วนนาย ชีส…นายก็ไม่คู่ควร!”
ชีสพูดอย่างเศร้าใจว่า “ฉันรู้ว่าเพราะนกหวีดถึงทำให้นาย…ต้องโทษฉันเอง หากวันนั้นฉันไม่พานกหวีดไปก็คงไม่เกิดเรื่องราวเยอะขนาดนี้ และนายก็คงไม่…จุยเฟิง ถ้ามันทำให้นายหายโกรธได้ ถ้าทำให้นายปล่อยพวกปีศาจที่อยู่ในโรงพยาบาลได้ ไม่ว่านายจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็ยอม”
“คุกเข่าลง” จุยเฟิงสบถ
ชีสชะงัก กัดฟันและก้มหน้าคุกเข่าลงตรงหน้าจุยเฟิง
“คลานเข้ามา” จุยเฟิงพูดอย่างเรียบเฉย
ชีสคลานเข้าไปหาจุยเฟิงทีละก้าวๆ ในที่สุดตอนเขาคลานไปถึงตรงหน้าของจุยเฟิงกลับถูกจุยเฟิงยกเท้าขึ้นถีบอย่างรุนแรง
การถีบครั้งนี้ใช้กำลังที่แท้จริง…หลังจุยเฟิงกระตุ้นพลังเงาเลือดในร่างกายแล้ว พลังปีศาจก็แข็งแกร่งขึ้นมา เมื่อชีสถูกจุยเฟิงเตะก็กระอักเลือดออกมาทันที
“จุยเฟิง! ถ้านายยังลบหลู่เขาต่อ ก็อย่าได้โทษฉันแล้วกัน!” ทันใดนั้นหลงซีรั่วก็โมโหขึ้นมา
ความโกรธของมังกรแท้จริงทำให้จุยเฟิงที่กลายเป็นมารตกใจ แต่จุยเฟิงเพียงแค่สบถออกมา ชี้ไปยังชีสที่ลุกไม่ขึ้นก่อนพูดว่า “รู้ไหมว่าฉันรังเกียจอะไรในตัวนายที่สุด?”
ชีสเงยหน้าขึ้นมา
“ความจอมปลอมยังไงล่ะ!” สีหน้าของจุยเฟิงดูบ้าคลั่ง “คิดว่าตัวเองทำถูก! คิดว่าตัวเองจัดการได้ทุกเรื่อง! นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? นายคิดว่าแค่เอาเรื่องมาใส่ตัวเองก็จะแก้ไขทุกอย่างได้งั้นเหรอ ชีส! นายมองตัวเองสูงส่งเกินไป! ไม่ว่าจะเป็นแต่ก่อนหรือว่าตอนนี้ นายคิดว่าตัวเองเติมเต็มให้ทุกคนได้ เป็นคนจอมปลอมที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่!”
อารมณ์ของจุยเฟิงถูกกระตุ้นให้รุนแรงขึ้นไปอีก “อ้า! ทำไมฉันถึงต้องพบเจอคนน่ารังเกียจแบบนายด้วย! ครั้งก่อนอยู่ที่นี่ก็เหมือนกัน! นายยืดอกออกมา คิดจะช่วยเสี่ยวเจียง? นายออกมาทำไม? ไร้เหตุผลสิ้นดี!! นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร เป็นตัวละครในเรื่องงั้นเหรอ เป็นผู้ยิ่งใหญ่? แค่มองดูตัวประหลาดตัวนั้นก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ตัวดี แต่ตอนนี้นายยังคิดรับความผิดแทนมันอีก! ชีส ความรักของนายทำ…ทำให้ฉันอยากอ้วก!”
“จุยเฟิง…ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อน!” ชีสกระอักเลือดออกมา สีหน้าซีดขาวลงไปอีก
“ชิ น่าตลกจริงๆ!” นัยน์ตาของจุยเฟิงเย็นชาพูดว่า “ยังจำตอนแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าได้ไหม? นายคิดว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอว่านายจงใจมาสาย? นายคิดว่าฉันไม่รู้ว่าสุดท้ายถึงนายจะมาแต่ก็จงใจเตะพลาดในบอลสุดท้าย? อ่อนข้อให้ฉัน? ฉันขอให้นายมาอ่อนข้อให้ไหม? ไร้สาระ! นายสิดี! นายได้ชื่อว่ายอมอ่อนข้อให้ฉันไป! นายทำให้เสี่ยวเจียงและนีนี่คิดว่านายใจกว้าง นายทำให้พวกเขาคิดว่าฉันเป็นพวกบ้าอำนาจไร้เหตุผลทำอะไรตามอำเภอใจ!! พวกนาย…ปากเรียกฉันว่าหัวหน้าแต่มีใครไหมที่ยอมรับฉันจริงๆ? ไม่มี! ไม่มีเลยสักคน!”
จุยเฟิงสะบัดมืออย่างฉับพลัน พลังเงาเลือดในร่างกายระเบิดออก ฟาดเข้าใส่ถังน้ำด้านข้าง คำรามด้วยความโมโหว่า “ไม่มีเลย!”
ตู้เย็นระเบิดทำให้เกิดม่านหมอกน้ำหนาบนดาดฟ้า
แต่ตอนนี้จุยเฟิงกลับสงบลงมา เขากางแขนออกรับไอน้ำที่ตกลงมา “อา…ฉันน่าจะเข้าใจมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ดูแคลนฉันมาตลอด…มังกรแท้จริงขอโทษฉัน? เหนือความคาดหมายงั้นเหรอ…ถ้าไม่ใช่เพราะพิสูจน์ได้ว่าฉันไม่ใช่ฆาตกรแล้วจะมาขอโทษฉันเหรอ เธอจะสนใจฉันเหรอ เธอคงไม่สนใจฉันหรอก! เธอจะพูดกับฉันแค่ว่าเมืองนี้อยู่รอดได้ง่าย…เธอจะให้เพียงแค่ความเมตตาที่ดูสวยงามแต่เล็กน้อยกับฉันเท่านั้น! ฮ่าๆๆ…ฉันจุยเฟิงไม่เคยต้องการให้ใครมาสงสาร!”
ปัง!
เสียงถังน้ำระเบิดอย่างกะทันหันทำให้กุ่ยอิงอดทนไม่อยู่ แสงอันเย็นยะเยือกวาบผ่าน เขาทำลายประตูเหล็กและพาลูกน้องพุ่งออกมา
“กุ่ยอิง ฉันให้นายถอยไป!” หลงซีรั่วขมวดคิ้ว
“ใต้เท้า ผมกลัวว่าท่านจะได้รับอันตราย” กุ่ยอิง…เหมือนจะพูดได้แต่คำพูดนี้ในสถานการณ์แบบนี้
“ชิ เล่นละครจบหรือยัง? สรุปแล้วก็เตรียมการกันมาก่อนว่าจะลงมือกับฉัน?” จุยเฟิงส่ายหน้า “แต่ฉันไม่อยากเล่นกับพวกนายตอนนี้…ที่ฉันมีก็คือเวลา!”
“ชิ ครั้งนี้นายยังจะหนีไปได้อีกเหรอ” กุ่ยอิงยิ้มเยาะ
จุยเฟิงไม่หวาดกลัว “ใต้เท้ากุ่ย หากนายเดินเข้ามาข้างหน้าอีกก้าวเดียว ฉันไม่รับรองว่าปีศาจที่นายพาตัวกลับไปจะเป็นยังไง เช่นพวกเขาจะใช้มีดแทงหัวใจของตัวเองเพื่อฉันไหม ก็ไม่แน่ จริงไหม?”
“จิตมารทำลายสติของนายไปแล้วเหรอ” นัยน์ตาของกุ่ยอิงจ้องเขม็ง แต่กลับไม่ปล่อยไอสังหาร
ทันใดนั้นจุยเฟิงกลับหัวเราะอย่างชั่วร้าย ตะคอกเสียงดังไปว่า “เสี่ยวเจียง! ฆ่าชีสซะ!”
เมื่อเขาตะโกนแบบนี้ออกมาก็ทำให้ทุกคนที่นั่นตกใจในทันที…เพราะทุกคนรู้ว่าจุยเฟิงควบคุมคนอื่นได้!
หลงซีรั่วและกุ่ยอิงมองไปยังเสี่ยวเจียงทันที กุ่ยอิงยิ่งตอบสนองเร็วก้าวเข้าไปข้างกายเสี่ยวเจียงและคว้าแขนเขาเอาไว้
“ผม ผมไม่ได้…ผม ผมไม่ได้!” เสี่ยวเจียงตื่นตกใจขัดขืนเป็นพัลวัน
กุ่ยอิงชะงัก
หลงซีรั่วถอนหายใจและพูดว่า “พวกเราถูกหลอก จุยเฟิงหนีไปแล้ว”
“เจ้าเล่ห์นัก…” กุ่ยอิงปล่อยเสี่ยวเจียงอย่างหมดทางเลือก “ไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะมีจิตมารถึงเจ้าเล่ห์? หรือว่าเป็นนิสัยโดยกำเนิด…คำพูดหลอกลวงเหล่านั้น!”
แต่ไม่มีใครตอบคำถามกุ่ยอิง
พวกเขาออกไปจากที่นี่
…
หลังจากหลงซีรั่วนั่งบนรถของกุ่ยอิงแล้ว เธอก็แอบล้วงเอาของบางอย่างออกมาจากหู
ของเล็กๆ สองอัน เป็นอุปกรณ์ที่กุยเชียนอีทำขึ้นมา มันสามารถแยกที่มาของเสียงออกทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆ
การพูดคุยสำหรับมังกรแท้จริงแล้ว อ่านปากไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เพียงแต่…
“คิดไม่ถึงว่าฉันจะต้องใช้ของเหล่านี้ช่วยเหลือ…” หลงซีรั่วมองวิวด้านหลังรถ พึมพำว่า “ความเมตตา…ที่ดูสวยงามแต่เล็กน้อยงั้นหรือ”
ถ้าหากเธอไม่สูญเสียพลังของมังกรแท้จริง…จุยเฟิงคงไม่มีทางได้ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นใช่ไหม?
“ส่วนฉัน…คงจะไม่ได้ยินคำพูดแบบนั้น” หลงซีรั่วเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง มีปีศาจมากน้อยแค่ไหนกันที่เคยมี หรือแม้แต่ตอนนี้ก็มี…เสียงในใจ?