สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 111 มังกรแท้จริงขายความน่ารัก
หลินเฟิงเอียงตัวไปทางซ้ายประมาณสามสิบองศาและอ่านรายงานในมือ สาเหตุที่ต้องเอียงตัวแบบนั้นก็เพราะคอของนายตำรวจหม่าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าเอียง
เพราะเริ่นจื่อหลิงคนเดียวแท้ๆ ฉันหลับตาแค่ครู่เดียวคอก็เบี้ยวเคล็ดแล้ว
ช่างเถอะ เลิกงานค่อยไปหาแพทย์แผนจีนให้บิดกลับมา เบี้ยวมาทั้งวัน ไม่สะดวกเลยจริงๆ
“นายอ่านเร็วขนาดนี้ไปทำไม รีบมากงั้นเหรอ” แต่เซอร์หม่าที่กำลังคอเบี้ยวอยู่มองอะไรก็รู้สึกขัดตาไปหมด มองเห็นหลินเฟิงเอียงตัวก็ยิ่งไม่พอใจ ไม่พอใจ อยากจะแก้แค้นคน
“เอ่อ…เซอร์หม่า ผมมีนัดน่ะครับ”
“ผู้หญิงเหรอ แฟนหรือไง”
หลินเฟิงยิ้มหวาน ลูบหัวอายๆ พูดว่า “ไม่ใช่แฟนหรอกครับ แค่เพื่อนผู้หญิงทางอินเทอร์เน็ต พวกเรานัดกันว่าอีกเดี๋ยวจะไปดูคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาด้วยกัน…คุณดู…”
หม่าโฮ่วเต๋อพึมพำว่า “ดูแล้วคงเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก หกหมื่นเจ็ดหมื่นคนเชียว”
“เซอร์หม่า”
หม่าโฮ่วเต๋อโบกมือเอ่ยว่า “เอาเถอะๆ นายเลิกงานเถอะ ส่งงานให้เพื่อนด้านนอกไว้ก็พอ รีบไป อย่าไปสาย”
“ขอบคุณเซอร์หม่า”
หม่าโฮ่วเต๋อกลอกตาขาว เอาบุหรี่ขึ้นมาสูบหลังหลินเฟิงไปแล้ว คิดถึงคดีสองคดีในช่วงนี้…ทั้งสองคดีต่างเลยเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงแล้ว ระดับความยากของการสืบคดีคงจะยากยิ่งขึ้น
เซอร์หม่ารู้สึกหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ จึงเก็บของและออกจากสำนักงาน…จะไปหาแพทย์แผนจีน
ไม่คิดว่าเมื่อเขาเดินไปถึงหน้าสถานีตำรวจจะมองเห็นตำรวจสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ยังมีคนขับรถแท็กซี่และเด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งกำลังฉุดดึงกันอยู่ “ทำอะไร พวกนายทำอะไรกัน”
“นาย นายตำรวจหม่า” ตำรวจผู้ชายมองเห็นแล้วก็รีบทำความเคารพ “คืออย่างนี้ครับ คนขับรถแท็กซี่คนนี้ลากเด็กหญิงคนหนึ่งมาแจ้งความที่นี่ บอกว่าบางทีเด็กหญิงคนนี้อาจจะหลงทางหรือหนีออกจากบ้านอะไรพวกนี้ แต่พวกเราถามเธอ เธอก็ไม่พูดอะไร บอกว่าให้ส่งไปที่สนามกีฬา บอกว่าไม่ใช่พวกหลงทางหรือหนีออกจากบ้าน…”
“หา” เซอร์หม่าชะงัก
คนขับรถแท็กซี่คนนั้นรีบพูดว่า “นายตำรวจท่านนี้ อยู่ดีๆ เด็กคนนี้ก็วิ่งขึ้นรถผม ผมถามถึงพ่อแม่ เธอก็ไม่พูดอะไร…ทั้งยังบอกว่าหากผมไม่ส่งเธอไปสนามกีฬาก็จะบอกว่าผมล่วงเกินเธอ พระเจ้าช่วย เด็กคนนี้แทบจะเป็นหลานของผมได้แล้ว ผมจะทำเรื่องพวกนี้ได้เหรอ อา เซอร์ครับ ผมทำงานอย่างสุจริตมาสิบกว่าปี นิสัยของผมใครๆ ก็บอกว่าดี คุณอย่าได้ฟังสิ่งที่เด็กคนนี้พูด นี่เป็นหลักฐานของผม คุณดู”
“เอาล่ะๆๆ…” หม่าโฮ่วเต๋อรีบโบกมือเป็นพัลวัน มองเด็กหญิงที่ถูกตำรวจหญิงจับเอาไว้
เขาพบว่าสายตาของเด็กหญิงคนนี้…ดูน่ากลัวเล็กน้อย ยุคนี้มักมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นได้อยู่เสมอ เด็กในยุคนี้แก่แดดเกินไปหน่อยหรือเปล่า
หม่าโฮ่วเต๋อย่อตัวลง ลูบหัวของเด็กหญิงและพูดอย่างเป็นมิตรว่า “เด็กน้อย หนูมีปัญหาอะไรไหม ไม่ต้องกลัวนะ พูดกับลุงได้เลย ลุงจะช่วยหนูเอง…คนคนนี้ล่วงเกินหนูหรือเปล่า”
“หา เซอร์ครับ ผมถูกใส่ร้าย ผม ถ้าผมเป็นคนแบบนั้น ผม ผมจะพาเธอมาที่นี่ทำไม” คนขับรถแท็กซี่ร้อนใจจนหน้าแดง “ผม ผมจะทำเรื่องไร้อารยธรรมแบบนั้นได้ยังไง ผม ถ้าผมทำ ผม ผมขอให้ตัวเองไม่ตายดี”
“พอๆๆ ฉันแค่ลองถามดูเท่านั้น ตื่นเต้นอะไรกัน” หม่าโฮ่วเต๋อถลึงตามองคนขับรถแท็กซี่อย่างรังเกียจ
ชั่วขณะนั้นเด็กหญิงที่ถูกลูบหัว…มังกรแท้จริงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหญิงก็รู้สึกว่าตนเองจบสิ้นแล้ว สวรรค์ช่วย…
คิดไม่ถึงว่าคนขับรถแท็กซี่จะพาตนเองมาที่สถานีตำรวจ
“พ่อแม่หนูล่ะ หนูตัวคนเดียวเหรอ ชื่อว่าอะไร บ้านอยู่ที่ไหน” เซอร์หม่าถามไม่หยุด
“ช่วย…” หลงซีรั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ “ช่วยหยุดพูดก่อนได้ไหม แล้วพาฉันไปส่งที่สนามกีฬา”
“สนามกีฬา พ่อแม่หนูอยู่ที่นั่นเหรอ ทำงานหรือว่าทำอะไร” เซอร์หม่ามีความอดทนสำหรับเด็กอยู่เสมอ
“อย่าเพิ่งถามได้ไหม…” หลงซีรั่วหมดทางเลือก ร่างกายสั่นเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ผีถึงรู้ว่าไม่กี่นาทีสั้นๆ ที่ผ่านมานี้เธอผ่านอะไรมาบ้าง…ดวงตากลมโตสดใสของหลงซีรั่วเปล่งเป็นประกาย พูดออดอ้อนว่า “คุณลุงหล่อจังเลย ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นคนดี ช่วยพาหนูไปส่งสนามกีฬาได้ไหมคะ ย่าของหนูบอกว่าจะรอหนูอยู่ที่นั่น”
พังแล้ว…พังหมดแล้ว…
หลงซีรั่วรู้สึกว่าหลังจากนี้ตนเองสามารถไปเมาได้แล้ว…หมดกัน หมดสิ้นแล้ว…
สวรรค์…ฉันที่เป็นถึงมังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพ กลับต้องมาขาย…ขายความน่ารักอยู่ที่นี่
“ย่าของหนูชื่อว่าอะไร บางทีพวกเราอาจช่วยติดต่อให้ได้”
เซอร์หม่ายังคงมีความอดทนพูดคุยกับเด็กหญิง สิ่งนี้ทำให้เขาคิดถึงลูกของตนเองตอนยังเป็นเด็กเล็ก
ช่วงเวลาเหล่านั้นมีความสุขมาก
“ไม่ต้องหรอก ลุงส่งหนูไปที่นั่นก็พอ ขอร้องละ คุณลุง ได้ไหมๆ…”
น่ารักเกินไปแล้ว…นี่มันน่ารักเกินไปแล้ว เซอร์หม่ารู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในใจ บนโลกนี้มีเด็กที่น่ารักขนาดนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ
“อ้อ…เอาอย่างนี้ หนูชื่อว่าอะไร” หม่าโฮ่วเต๋อพยักหน้าและพูดว่า “ลุงตำรวจต้องรู้จักชื่อหนูก่อน”
“หลง…”
“หลง”
“หลง หลงเอ๋อร์…”
“หลงเอ๋อร์เหรอ” หม่าโฮ่วเต๋อพยักหน้าและลูบหัวของหลงซีรั่วอีกครั้ง “ได้ งั้นลุงจะไปส่งหนูที่สนามกีฬา”
อย่าลูบหัวฉันจะได้ไหม…
“เซอร์หม่า คุณคิดจะไปส่งเธอจริงๆ เหรอครับ” ตำรวจเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เรื่องนี้ให้พวกเราทำก็ได้”
หม่าโฮ่วเต๋อหยักไหล่พูดว่า “ไม่เป็นไร ถึงยังไงฉันก็ผ่านไปทางนั้นเพื่อไปหาแพทย์แผนจีนอยู่แล้ว นายดูคอฉัน คงให้มันเบี้ยวไม่ได้ทั้งวันใช่ไหมล่ะ”
พูดแล้วหม่าโฮ่วเต๋อก็ยิ้มอย่างอบอุ่น จูงมือหลงซีรั่ว “มาเถอะ หลงเอ๋อร์ ลุงจะพาหนูไปหาคุณย่าเอง”
ตำรวจมองส่งจนลับสายตา ที่แท้เซอร์หม่าก็…ชอบเด็กนี่เอง
อดกลั้นไว้เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว อดกลั้นไว้เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว…
ใจเย็น ใจเย็น…ในเย็นนะหลงซีรั่ว เธอต้องใจเย็นนะ
มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพสะกดจิตตัวเองจนขึ้นรถได้สำเร็จ
คาดไม่ถึงว่าตอนนี้หม่าโฮ่วเต๋อผู้มีประสบการณ์การเป็นพ่อจะอารมณ์ดีมาก ผิวปากเช็ดกระจกกันลมอย่างผ่อนคลาย จากนั้นก็ดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้หลงเอ๋อร์
หลังหม่าโฮ่วเต๋อรัดเข็มขัดนิรภัยให้ตนเองแล้ว ก็ตบหัวเล็กๆ ของเธออีกครั้ง “หลงเอ๋อร์ หิวไหม กินอะไรก่อนไหม”
“ลุง คุณลุง ขับ จะขับรถ…ได้หรือยัง” นิ้วมือที่อยู่ใต้กระโปรงของหลงเอ๋อร์ค่อยๆ งอจิกลงไปบนเบาะหนังที่นั่งข้างคนขับอย่างรุนแรง
“อ้อ ใช่แล้ว ขับรถ นั่งดีๆ ละ”
หม่าโฮ่วเต๋อพยักหน้า เสียบกุญแจ สตาร์ทเครื่องยนต์ จากนั้นก็ยื่นคอที่เคล็ดเข้ามาอย่างกะทันหันและพูดว่า “โอ้ ฉันจำได้ว่าวางช็อกโกแลตไว้ในนี้ ฉันจะเอาให้เธอนะ”
อา…ทนไม่ไหวแล้ว…ทนไม่ไหวแล้ว
เห็นเพียงกำปั้นเล็กๆ ของหลงเอ๋อร์ถูกชูขึ้นมา กางออก บีบคอของเซอร์หม่าอย่างรุนแรง “ขับรถเดี๋ยวนี้”
“ได้ๆๆ…ปล่อยก่อน แค่กๆ…ปล่อยก่อน…” หม่าโฮ่วเต๋อทรมานตีแขนของหลงเอ๋อร์ไปมา
เด็กหญิงคนนี้ดุจริงๆ ต้องมีสาเหตุมาจากครอบครัวแน่
อา เป็นเพราะขาดความรักเหรอ พูดว่าย่า คงไม่ใช่เด็กถูกพ่อแม่ทิ้งหรอกนะ เพราะอย่างนั้นถึงได้โมโหร้าย น่าสงสารจริงๆ…
หม่าโฮ่วเต๋อสงบใจ ขยับคอ ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ปล่อยเขาแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึกและเหยียบคันเร่งเบาๆ
หืม…เอ๋
คอของฉันกลับมาเป็นปกติตั้งแต่เมื่อไหร่
คิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กหญิงคนนี้เขย่าจนหายดีแล้ว…ไม่เลวจริงๆ ประหยัดเงินค่ารักษา…เด็กคนนี้คงไม่ใช่นางฟ้าน้อยหรอกนะ
อา…น่ารักจริงๆ
…
…
ตกกลางคืน แสงไฟนีออนสว่างสไว ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา
เฉิงอี้หรานอยู่ใต้สะพานคนเดียว เขาสวมหมวกแก๊ป กดหมวกแก๊ปลงปิดดวงตาของตนเอง อีกทั้งยังใส่แว่นตาดำ
บนตัวสะพายกีตาร์ไม้ นิ้วมือไม่ได้ส่งอิทธิพลต่อการดีดสายกีตาร์ของเขา…เพราะทำนองนั้นง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษอะไร
ตรงหน้ามีกล่องใส่กีตาร์เปิดอยู่ ในนั้นมีเหรียญเงินและธนบัตร…ไม่กี่ใบ
มีใบธนบัตรห้าหยวนอยู่เพียงใบเดียว เป็นของคุณยายที่เพิ่งเดินผ่านทางคนหนึ่งมอบให้
พวกเขาเพียงแค่เดินผ่านไปเท่านั้น ไม่ได้หยุด ไม่ได้หยุดฟัง เพียงแค่ทิ้งเงินและรีบไปเท่านั้น
ไม่มีใครฟัง…ไม่มีใครรู้ เขาร้องเพลงอยู่ที่นี่มาตั้งแต่บ่ายแล้ว
คอของเฉิงอี้หรานแห้งเล็กน้อย เขาร้องเพลงอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดเลย ตอนเริ่มต้นรู้สึกกังวลใจนิดหน่อย มาถึงตอนนี้ก็ร้องจนชินชาแล้ว
เขาร้องเพลง ‘Again’ เพลง ‘หลานเหลียนฮวา’ ร้องเพลง ‘ทิ้ง’…แต่ไม่มีใครหยุดฟังเลย
เขารอคอยให้มีใครสักคนหยุดฟัง
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครหยุดฟังเลย
เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ หลังจากสูญเสียกีตาร์นั้นไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถทำให้ใครหวั่นไหวได้ ถึงแม้เขาจะร้องจนคอแห้ง ถึงแม้ว่าเขาจะร้องเพลงอย่างตั้งใจมากก็ตาม
แม้ทำนองจะง่ายแต่ดีดกีตาร์มาตลอดทั้งบ่ายก็ทำให้นิ้วมือเจ็บจนชา
แต่…ยังยืนหยัดอยู่ที่นี่ต่อทำไม
เฉิงอี้หรานคิดว่า เขาน่าจะชินกับความรู้สึกที่ไม่มีใครถามไถ่ถึงจะถูก…เรื่องแบบนี้ ตอนที่เขากับหงก้วนอยู่โฮ่วไห่ในสลัมพบเจอมาน้อยงั้นเหรอ
หงก้วน…เขา…เวลานั้น ตอนยืนอยู่ในลานกว้างก็รู้สึกแบบเดียวกันใช่ไหม
‘หวังอยู่เช่นกันว่าจะมีใครสักคนหยุดฟัง’
นิ้วมือหยุดลง ในที่สุดเฉิงอี้หรานก็หยุดเพลงที่เล่นมาตลอดทั้งบ่ายลง มองดูเวลา…การแข่งขันใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เขาเก็บของเงียบๆ ตอนแรกคิดว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม อยู่บนถนนที่ไม่มีใครหยุดชะงักแล้วจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง
แต่เสียเวลามาครึ่งวันก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เพียงรู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิม
“ผมเอง ช่วยเรียกรถมารับผมไปส่งได้ไหม” เฉิงอี้หรานโทรหาเฉิงอวิ๋น “ตอนนี้ผมอยู่ที่ถนนหวนซื่อตง…ได้ ผมจะรอ ขอบคุณครับผู้อำนวยการเฉิง”
ไปดูการแสดงของหงก้วนดีกว่า เฉิงอี้หรานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองดูจอโฆษณา…ด้านหน้าตึก
คิดไม่ถึงว่าทันใดนั้นโทรศัพท์จะดังขึ้น เฉิงอี้หรานชะงัก พบว่าเป็นเบอร์คนแปลกหน้า เขาขมวดคิ้ว ลองรับโทรศัพท์ดูก่อน
“ฮัลโหล ฟังอยู่ไหม”
“นายเป็นใคร” เฉิงอี้หรานไม่แน่ใจ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองเคยได้ยินเสียงนี้
“ใช่แล้ว ฉันอวี๋ต้านเฉียง”
“อวี๋ต้าน…เฉียงเหรอ” เฉิงอี้หรานชะงัก
“ฉันไง คนขายไข่ปลา เป็นนายใช่ไหม ครั้งก่อนนายพูดอะไร เบสๆ ฉันหาคนคนนั้นเจอแล้วนะ”
“นายอยู่ที่ไหน” เฉิงอี้หรานรีบถามไปทันที