สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 128-2 ขอให้ลูกค่อยๆ เติบโต
ในตอนที่เขาลืมตานั้นก็มองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืน…เพียงแต่ร่างกายดูเหมือนจะหลงเหลือความรู้สึกแปลกๆ ชนิดหนึ่ง
อบอุ่น…ความรู้สึกเหมือนถูกโอบกอดมา
เขากำลังดำดิ่งจมลงในความรู้สึกนั้น…หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้ตื่นขึ้นมามองไปรอบด้าน
เจ้าของสมาคมกับสาวใช้…อยู่ที่นี่
“ตื่นแล้วเหรอ” ลั่วชิวเดินเข้ามาตรงหน้าจุยเฟิงและมองเขา
“ฉัน…ยังไม่ตายงั้นเหรอ” จุยเฟิงชะงักจากนั้นก็ส่ายหน้า “แต่ฉันน่าจะตายแล้ว…งั้นนายมาเอาวิญญาณของฉันอย่างนั้นเหรอ ของแลกเปลี่ยนสำหรับกระดิ่งที่ฉันซื้อ”
จุยเฟิงถอนหายใจยาว ทันใดนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา “ที่แท้นี่ก็คือความตาย…ก็ดี ในที่สุดก็สิ้นสุดแล้ว ความเจ็บปวดนี้ เอาละ นายเอาไปเถอะ วิญญาณของฉันน่ะ”
“ก็ดี ไม่นานหรอก” ลั่วชิวพยักหน้า ยื่นมือออกไปยังจุยเฟิง…ฝ่ามือของเขาสอดเข้าไปในหน้าอกของจุยเฟิงอย่างง่ายดาย
จุยเฟิงรู้สึกว่าความเจ็บปวดเริ่มขยายขึ้นทั่วทั้งร่างจนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว อดส่งเสียงร้องออกไปไม่ได้ว่า “น่าตายนัก…ทำไมถึงได้เจ็บขนาดนี้…ไม่ใช่ว่าฉันตายไปแล้วเหรอ…ทำไมถึงยังเจ็บแบบนี้อีก…นายช่วยเร็วหน่อยได้ไหม…เจ็บมากๆ เลย”
“อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ทันใดนั้นลั่วชิวก็เอาฝ่ามือของตนเองออกจากร่างกายของจุยเฟิง จากนั้นก็ยิ้มและพูดบาๆ ว่า “เสร็จแล้ว”
จุยเฟิงล้มลงกับพื้น เหงื่อไหลซึม พูดอย่างไม่รู้ตัวว่า “แม่งเอ๊ย…เจ็บจริงๆ”
แต่เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในเมื่อเขาตายแล้ว วิญญาณถูกเอาไปแล้ว แต่ทำไมตอนนี้เขายังมีความคิดและความรู้สึกอยู่อีก
จุยเฟิงเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน มองไปทางเจ้าของสมาคมและคว้าจับมือของเขาไว้…เป็นเงามายาลูกบอลแสงของหมาป่าดุร้ายสีแดงเลือด
“ฉัน…ฉัน…ยังไม่ตายงั้นเหรอ” จุยเฟิงถามอย่างมึนงง
เจ้าของสมาคมกะพริบตาและพูดว่า “ไม่นี่ ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดแล้วว่าชีวิตของคุณยังไม่สิ้นสุด อย่างน้อยก็จนกว่าจะหกสิบปี”
จุยเฟิงยังมึนงงและพูดว่า “แต่…แต่ฉันใช้ยันต์คุ้มครองชีวิตหมดแล้วนี่ ใช้ซื้อที่มาของฉัน…”
เจ้าของสมาคมลั่วหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “อืม เคยมีคำขอแบบนั้นจริงๆ เพียงแต่…ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วย ดูเหมือนว่าผมจะยังไม่ได้รับปาก สัญญาก็ไม่ได้เซ็น ไม่ใช่เหรอ”
จุยเฟิงมองบอลแสงสีแดงบนมือของเจ้าของสมาคมลั่วอย่างมึนงง “อย่างนั้น…ที่เอาไปเมื่อกี้…นี่…นี่คือ…อะไร”
“แน่นอนว่าเป็นวิญญาณของคุณ” เจ้าของสมาคมลั่วเอ่ย “แต่เป็นวิญญาณหนึ่งในนั้น…เป็นวิญญาณที่ได้รับการสืบทอดมาจากหมาป่ามารเสียนจี้หรือจะพูดว่าเศษชิ้นส่วนวิญญาณที่สืบทอดมาก็ได้”
“ฉันไม่เข้าใจ…”
โยวเย่หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “คุณจุยเฟิง คุณรู้แล้วว่าในร่างกายของคุณมีสองพลังที่แข็งแกร่งมากแต่กลับไม่เข้ากันอยู่ ซึ่งพลังสองสายนี้ก็มาจากพลังของหมาป่ามารและหมาป่าตะกละพ่อของคุณ ยังไม่ต้องพูดถึงพลังของหมาป่าตะกละ เพียงแค่พลังของหมาป่ามารก็มีความพิเศษแล้ว ในร่างของทายาททุกรุ่นของเสียนจี้จะมีเศษวิญญาณนั้นเอาไว้สืบทอดพลังของหมาป่ามาร บนร่างของคุณมี บนร่างของแม่คุณก็มี เศษวิญญาณชนิดนี้สุดท้ายแล้วจะต้องกลืนร่างที่อยู่อาศัยเพื่อทำให้กลายเป็นหมาป่ามารที่แท้จริง แต่ขณะเดียวกันในร่างของคุณกลับมีพลังของหมาป่าตะกละคอยปกป้อง ปกป้องไม่ให้วิญญาณเดิมของคุณถูกกลืนกิน…ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือคุณมีเศษวิญญาณสองชนิดที่แตกต่างกันอยู่ในร่าง…ซึ่งต่อไปจะเติบโตเป็นวิญญาณของหมาป่าตะกละและวิญญาณของหมาป่ามาร ที่นายท่านเอาไปก็คือเศษชิ้นส่วนวิญญาณของหมาป่ามารนั่นเอง”
“งั้นตอนนี้ฉัน…” จุยเฟิงรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้สักเท่าไหร่ รู้สึกสับสนไปชั่วขณะ
เรื่องที่ดูวิชาการขนาดนี้เจ้าของสมาคลั่วคิดว่าให้คุณหนูสาวใช้อธิบายจะดีกว่า…ดังนั้นคุณหนูสาวใช้จึงพูดต่อว่า “ในเมื่อพลังของหมาป่ามารมาจากเศษวิญญาณของหมาป่ามาร เช่นนั้นเมื่อเศษนี้หายไปแล้ว ต่อไปคุณจุยเฟิงก็จะไม่สามารถใช้พลังของหมาป่ามารได้อีก”
“ฉัน…จะไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดแล้วเหรอ” จุยเฟิงเบิกตากว้างไม่อยากจะเชื่อ…ไม่อยากที่จะเชื่อว่าไม่เพียงแต่ไม่ตายแต่ยังแก้ไขปัญหาในร่างกายของตนเองได้อีกด้วย
“ในทางทฤษฎีน่ะนะ” โยวเย่เอ่ย “แต่ปีศาจทางตะวันออกนั้นมีเคราะห์ฟ้า เคราะห์ดิน เคราะห์ใจ ถึงจะไม่มีพลังของหมาป่ามารแล้ว หากคุณจุยเฟิงเผชิญหน้ากับเคราะห์ที่ไม่สามารถทนผ่านไปได้สุดท้ายก็ยังจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองอยู่ดี ใช่แล้ว…สำหรับเรื่องปีศาจทางตะวันออก บางทีคุณอาจต้องไปขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสของคุณจะชัดเจนกว่า…”
จุยเฟิงก้มหน้าไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่…อารมณ์ของเขาสับสนมาก ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงยันต์คุ้มครองชีวิตที่พ่อของเขาขายตนเองเพื่อซื้อมันแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้
เขาเงยหน้ามองลั่วชิวและพูดอย่างแค้นเคืองว่า “ในเมื่อ…ในเมื่อสามารถดึงเอาวิญญาณหมาป่ามารออกจากร่างกายฉันแก้ปัญหาได้ งั้นทำไมตอนแรกพวกนายไม่…ทำไมตอนแรกไม่ทำการแลกเปลี่ยนแบบนั้นกับพ่อของฉัน แต่กลับ…เอาของแบบเดียวกันนี้ให้ฉัน”
“หนึ่งก็เพราะตอนที่พ่อกับแม่คุณผสานกันเกิดคุณขึ้นมานั้น ลมปราณหยวนชี่ของทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บหนัก…บาดเจ็บจนถึงวิญญาณ อีกอย่างคือคุณหมาป่าตะกละไม่ได้ตามหาพวกเราตั้งแต่แรก แต่ได้เดินทางไปหลายที่…ผ่านเรื่องราวมากมายมา” ลั่วชิวส่ายหน้าและพูดว่า “จนกระทั่งถึงเวลาที่เขาตัดสินใจจะตามหาพวกเรานั้นก็เป็นเวลาที่เขามีค่าไม่พอที่จะแลกเปลี่ยนกับเรื่องนี้แล้ว”
จุยเฟิงซึมลง…เขาคิดถึงเรื่องที่ตนเองฉีกร่างกายแม่ของตนเองเพื่อเกิดออกมา
เจ้าของสมาคมลั่วกลับพูดเบาๆ ว่า “สุดท้าย ผมคิดว่าที่คุณหมาป่าตะกละขอให้คุณมีชีวิตอย่างน้อยหกสิบปีก็น่าจะเป็นเพราะ…คาดหวังว่าตอนที่เขาไม่อยู่แล้วอย่างน้อยคุณก็มีชีวิตอย่างปลอดภัยถึงหกสิบปี เพราะเขาไม่รู้ว่าตอนที่เขาไม่อยู่นั้น คุณจะเป็นอย่างไร ถึงคุณจะไม่มีพลังของหมาป่ามารมารบกวนก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะสามารถเติบโตอย่างปลอดภัย เพราะดูเหมือนโลกปีศาจเมื่อหลายสิบปีก่อนจะวุ่นวายมาก”
“ท่านพ่อ…”
จุยเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองทองฟ้ายามค่ำคืนอีกครั้ง…ดูเหมือนกำลังคิดอะไร…ดูเหมือนไม่นานก่อนหน้านี้มีบางคนมาพูดอะไรอยู่ข้างหูของเขา
และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชัดเจนขึ้นมาในสมองของเขา
“อันนี้มอบให้คุณ” เจ้าของสมาคมลั่วตวัดมือ การ์ดดำถูกส่งไปตรงหน้าของจุยเฟิง การ์ดที่ยังเหลือสัญลักษณ์อีกหนึ่งรอย
จุยเฟิงรับการ์ดดำมาด้วยอารมณ์ที่วุ่นวายสับสน กำมันแน่น แต่กลับมองลั่วชิวด้วยสายตาที่แน่วแน่ “ฉันจะเก็บมันเอาไว้ต่อไป แต่ไม่ใช่เพราะจะทำการแลกเปลี่ยนกับนายอีก แต่เป็นเพราะมันเป็นมรดกที่พ่อฉันทิ้งไว้ให้ฉัน”
เจ้าของสมาคมลั่วกับคุณหนูสาวใช้โค้งกายให้จุยเฟิงพร้อมกัน “อย่างนั้น…ขอบคุณที่มา คุณจุยเฟิง”
จุยเฟิงสบถและกระโดดลงไปด้านล่างอย่างฉับพลัน มีเพียงเสียงของเขาที่ดังมาจากที่ไกลๆ “ชิ เป็นจุยเฟิงผู้ยิ่งใหญ่ต่างหาก จำเอาไว้ด้วย”
…
…
เจ้าของสมาคมบิดเอว สูดอากาศเย็นยามค่ำคืนและพูดขึ้นว่า “เป็นคืนที่เปี่ยมไปด้วยสีสันจริงๆ”
“นายท่าน มีความสุขแล้วเหรอ” คุณหนูสาวใช้เอ่ยเบาๆ
“ชิ้นส่วนวิญญาณของเสียนจี้เป็นการค้าครั้งใหญ่ จะไม่ให้มีความสุขได้ไง” ลั่วชิวถามกลับ
คุณหนูสาวใช้ยิ้มบางๆ…นายท่านไม่ได้ดีใจเพราะของแลกเปลี่ยนนี้หรอก เขาไม่เคยสนใจว่าของแลกเปลี่ยนจะมีค่ามากหรือน้อย
ลั่วชิวมองไปและพูดขึ้นในทันใดว่า “ใช่แล้ว…ดูเหมือนเจ้าของสมาคมคนก่อนก็ให้ความร่วมมือกับคุณหมาป่าตะกละไม่น้อย ฉันคิดว่าที่นั่นคุณหมาป่าตะกละคงไม่เบื่ออะไรนัก ดูทีวี ดูรายการอะไรไป เป็นเหมือนการหยุดยาวมากกว่า”
คุณหนูสาวใช้เผยท่าทางสงสัยออกมา แต่กลับได้ยินลั่วชิวพูดเบาๆ ว่า “ขอให้ลูกโชคดี ถ้าไม่มีก็ขอให้ลูกได้เรียนรู้ความเมตตาในความทุกข์ยาก ขอให้มีแต่คนรัก ถ้าไม่มีก็ขอให้ลูกรู้จักให้อภัยในความโดดเดี่ยว…”
สุดท้ายหมาป่าตะกละกระซิบที่ข้างหูจุยเฟิงว่า “…ขอให้ลูกค่อยๆ เติบโต”