สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 15 ข่าวการตาย
“ดีแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ได้กัดโดนลิ้น”
โยวเย่แยกริมฝีปากของผีเสื้อน้อยออกเล็กน้อย ตรวจดูอย่างละเอียดก่อนวางผ้าฝ้ายในมือลง “แตกเป็นแผลภายนอกเล็กๆ เท่านั้น ส่วนร่างกายเธอคงจะฟื้นฟูขึ้นในอีกไม่นาน”
“ขอบคุณค่ะ…” ลั่วเพียนเซียนเอ่ยขอบคุณอย่างจริงจัง
ผีเสื้อน้อยรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่น่าอับอายมากสำหรับเธอ เธอลอบมองเจ้าของสมาคมแวบหนึ่ง พบว่าอีกฝ่ายกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว
รอยยิ้มที่เหมือนเด็กเมื่อครู่…เป็นภาพมายางั้นหรือ?
“อา! ฉันนึกออกแล้ว!” ลั่วเพียนเซียนเงยหน้าขึ้นในทันใด ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันต้องกลับไปแล้ว มีเรื่องด่วนต้องทำ”
พูดแล้ว ลั่วเพียนเซียนก็รีบวิ่งไปผลักประตูสมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ดออกไป
“น่าสนใจ” ลั่วชิวมองประตูสองบานที่ยังคงแกว่งไปมาแล้วบนใบหน้าก็ปรากฏร่องรอยของความเหงาเล็กน้อย
“ดูแล้วนายท่านคงชอบคุณหนูเพียนเซียนผู้นี้มาก” โยวเย่ยิ้มหวาน เริ่มเก็บเครื่องมือรับประทานอาหารบนโต๊ะ
ลั่วชิวกำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าประตูสมาคมดังขึ้นก่อน ลั่วเพียนเซียนวิ่งพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
“เจ้าของสมาคม! ฉันมีเรื่องเล็กน้อย ถ้าหาก ถ้าหากจัดการไม่ได้ ฉันมาขอให้คุณช่วยได้ไหม?”
มองเห็นสีหน้าที่จริงจังของลั่วเพียนเซียนแล้ว ลั่วชิวก็พยักหน้าตอบว่า “แน่นอน ประตูของที่นี่พร้อมเปิดให้เธอทุกเวลา”
“ว้าว!” ลั่วเพียนเซียนพยักหน้า “งั้นฉันไปแล้วนะคะ! สายมากแล้ว!”
เพิ่งจะพูดจบ ร่างกายของผีเสื้อน้อยก็เหมือนกับสายลม วิ่งออกไปอีกครั้ง ลั่วชิวกับโยวเย่มองหน้ากันหัวเราะ ครั้งนี้ถึงตาที่คุณหนูสาวใช้กำลังจะพูดอะไรบ้าง แต่ก็ถูกขัดจังหวะอีกครั้ง
ติง
กระดิ่งบนประตูดังขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ผีเสื้อน้อยที่อยู่ตรงหน้าประตูไม่ได้เดินเข้ามา แต่ยืนอยู่ด้านหน้าประตู มองดูลั่วชิวและโยวเย่ สูดหายใจเข้าลึกๆ ออกแรงโค้งตัวพูดว่า “เมื่อกี้ลืมไป! เจ้าของสมาคม พี่โยวเย่ ขอบคุณพวกคุณมากที่ดูแล!”
…
เสียงกระดิ่งไม่ได้ดังมานานแล้ว ผีเสื้อน้อยหยุดการไปๆ มาๆ และตอนนี้น่าจะเดินไปไกลแล้ว
ลั่วชิวก้มหน้าลงหัวเราะ ทันใดนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าสีดำด้านข้างเขามาล้วงของด้านในออก ‘เบสไฟฟ้าตัวหนึ่ง’
เบสไฟฟ้าที่หงก้วนมอบให้คนอื่น เจ้าของสมาคมลั่วซื้อเบสไฟฟ้าตัวนั้นมาจากอวี๋ต้านเฉียง
บนเบสไฟฟ้าสลักอักษรคำว่าฟ้าเอาไว้
เจ้าของสมาคมลั่ววางไว้บนตัว ดีดลงไปสองครั้งแล้วถึงมองคุณหนูสาวใช้ จากนั้นถึงตอบคำถามในตอนแรก “ความงดงามบริสุทธิ์แบบนั้นไม่คู่ควรให้ชอบงั้นเหรอ?”
โยวเย่นั่งลงข้างเจ้าของสมาคมอยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ
“มีเครื่องเสียงในตัวด้วย ไม่เลวจริงๆ” ลั่วชิวดีดอีกไม่กี่ครั้ง หัวเราะเอ่ยว่า “มาเล่นท่อนโซโลง่ายๆ สักท่อนกันเถอะ”
ลั่วชิวถาม: ดีไหม
โยวเย่พูดว่า: ดี
ที่นี่เป็นโลกของเขาและเธอเท่านั้น
…
…
ไม่เพียงคิดจะกลับมาเปิดศูนย์สัตว์เลี้ยงเท่านั้น ลั่วเพียนเซียนยังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอีก สิ่งแรกที่เธอต้องทำหลังจากกลับจากสมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ดก็คือรีบไปโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง เพื่อดูว่าซูจื่อจวินกลับมาแล้วหรือยัง
แต่ในตอนที่เธอกลับมาถึงศูนย์สัตว์เลี้ยงก็พบว่าซูจื่อจวินยังไม่กลับมา มีแต่ซ้อปีศาจหนูซูเสี่ยวซูและชีสที่มารออยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว
ดูเหมือนพี่จื่อจวินจะไม่มีโทรศัพท์…ผีเสื้อน้อยพบว่าตนเองติดต่อซูจื่อจวินไม่ได้ มองดูซ้อปีศาจหนูสองแม่ลูกแล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
“จะทำยังไงดี…” ซูเสี่ยวซูเริ่มน้ำตาไหลขึ้นมาอีก
เธอก็เหมือนแม่บ้านธรรมดาทั่วไป นอกจากการเลี้ยงดูบุตรและสนับสนุนสามีของเธอแล้ว ข้อดีหนึ่งเดียวที่เธอมีก็คือลูกดก
“อาซ้อ…” ลั่วเพียนเซียนรู้สึกสงสาร แต่ก็ไม่รู้จะปลอบอย่างไรดี
เธอเคยมีความรู้สึกเจ็บปวดต่อการสูญเสียคนในครอบครัวเช่นนี้มาก่อน คิดจะลืมก็ลืมไม่ได้ ส่วนในเวลานี้ประตูหลังของศูนย์สัตว์เลี้ยงถูกเปิดออก เห็นซูจื่อจวินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“พี่จื่อจวิน! พี่กลับมาแล้ว! ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไป…เอ้ย ไว้ค่อยพูดเรื่องนี้ทีหลัง พี่หาข่าวของลุงปีศาจหนูพบไหม?”
“ท่าน! มีข่าวของสามีฉันไหม?” ซูเสี่ยวซูเดินเข้ามา
หลังจากซูจื่อจวินพิจารณาซูเสี่ยวซูและชีสที่อยู่ไม่สงบแวบหนึ่งแล้ว ก็ล้วงแหวนวงหนึ่งออกมาจากเสื้อ
“นี่ นี่คือของซูโย่ว…” ซูเสี่ยวซูชะงัก รับแหวนมาด้วยแขนสั่นเทา “นี่เป็นแหวนแต่งงานของพวกเรา เขา เขาพกติดตัวตลอด ไม่เคยถอดออกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำไมถึง… ”
“ในเมื่อเป็นของซูโย่วจริงๆ งั้นเธอก็เอากลับไปเถอะ เก็บไว้เป็นที่ระลึก” ซูจื่อจวินพูดอย่างเฉยชา “ต่อไปก็ไม่ต้องหาเขาอีก เขาตายแล้ว”
“อะไรนะ! เป็นไปไม่ได้!” ซูเสี่ยวซูบ้าคลั่งทันที ออกแรงคว้ามือของซูจื่อจวิน “เธอโกหกฉันใช่ไหม! ฉันไม่เชื่อ!”
แต่กลับเห็นว่าตอนนี้ดวงตาของซูจื่อจวินแดงขึ้นอย่างฉับพลัน ขยับแขน เกิดพลังไร้รูปส่งซูเสี่ยวซูสองแม่ลูกออกไปทางประตูหลังโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง
“เรื่องที่พวกเธอให้ฉันทำ ฉันก็ทำเสร็จแล้ว” ซูจื่อจวินสบถพูดว่า “แหวนวงนี้ก็คือคำตอบ ซูโย่วไม่อยู่แล้ว นี่เป็นความจริง อย่าคิดจะใช้ความน่าสงสารของพวกเธอมาทำตัวได้คืบจะเอาศอกที่นี่ ระวังฉันจะดูดเลือดพวกเธอให้เกลี้ยง…รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
ไม่ได้มีเพียงแค่ดวงตาสีแดงก่ำ แต่ยังมีฟันที่แหลมคมอีก
พลังกดดันที่มาจากปีศาจเฒ่าพุ่งทำลายพลังป้องกันของปีศาจชั้นต่ำสองแม่ลูกในพริบตา
ซูเสี่ยวซูรู้สึกเย็นยะเยือกจากหัวใจ เธอกอดชีสที่กำลังสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ก้มหน้าร้องไห้ กัดฟันก้าวออกไปอย่างทุลักทุเล
“พี่จื่อจวิน…”
ลั่วเพียนเซียนมองท่าทีของซูจื่อจวินในตอนนี้อย่างตกใจ…เธอมองเห็นผมยาวด้านหลังของเธอสยายออก เธอไม่รู้ว่าท่าทางของซูจื่อจวินในตอนนี้ดูน่ากลัวจริงๆ หรือไม่ เธอเพียงรู้สึกว่าบรรยากาศมีพลังกดดันกดลงมาเท่านั้น
“เธอก็อยากกวนฉันงั้นเหรอ?” ซูจื่อจวินไม่ได้หันกลับมา เพียงแต่ถามอย่างเรียบเฉยไปหนึ่งประโยค
“ไม่ใช่…ไม่ พี่จื่อจวิน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ซูโย่วตายแล้ว นี่คือคำตอบ” ซูจื่อจวินสบถอย่างเย็นชาไปคำหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อหันกลับไป “ฉันจะนอนกลางวัน อย่ามากวนฉัน”
เธอเดินไปทางห้องด้านใน แต่ในตอนที่เธอเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวนั้น เธอก็ล้มลงบนพื้นในฉับพลัน
“พี่จื่อจวิน!”
ผีเสื้อน้อยตกใจ รีบวิ่งเข้าไป ยื่นมือไปเขย่าตัวของซูจื่อจวิน ตัวของซูจื่อจวินที่มักจะเย็นอยู่ตลอดอยู่แล้ว แต่มาตอนนี้กลับเย็นกว่าแต่ก่อนเสียอีก
เธอพลิกตัวซูจื่อจวินขึ้นมา เห็นว่ามีเลือดซึมที่มุมปากของเธอ
“พี่จื่อจวินได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ!”
“ออก…ออกไป อย่ายุ่งกับฉัน…ออกไป…” ซูจื่อจวินพูดอย่างอ่อนแรง “รีบไป…รีบ…ไป…”
“พี่จื่อจวิน…อ้า!”
เห็นเพียงดวงตาของซูจื่อแดงก่ำถึงขีดสุดในพริบตาและฉายแววบ้าคลั่ง ฟันของเธอยาวขึ้นมาอีกเล็กน้อย ยื่นมือออกไปคว้าแขนของลั่วเพียนเซียนแล้วกัดลงไป
ดูดกินเลือดสดๆ ของปีศาจผีเสื้อน้อยอย่างบ้าคลั่ง
“จื่อจวิน…พี่…พี่…” สติของผีเสื้อน้อยเริ่มหลุดหายไป
…
…
…
…
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงมา
ในตอนที่ซูจื่อจวินลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองมานอนอยู่บนเตียงในห้องแล้ว ส่วนด้านข้างก็มีปีศาจผีเสื้อน้อยซบอยู่ที่ขอบเตียง
ซูจื่อจวินออกแรงพยุงตนเองขึ้นมา และดูเหมือนจะทำให้ลั่วเพียนเซียนตื่นขึ้นด้วย
ลั่วเพียนเซียนเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าที่ซีดขาวดูน่าตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าซูจื่อจวินฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ยิ้มอย่างดีใจออกมา “พี่จื่อจวิน พี่ พี่ตื่นแล้ว…”
แต่ซูจื่อจวินกลับขมวดคิ้วขึ้น คว้าแขนของลั่วเพียนเซียนมาทันที ก่อนถกแขนเสื้อของเธอขึ้น มองเห็นรอยกัดบนแขนและผิวใกล้ๆ รอยกัดที่เปลี่ยนเป็นแห้งผาก
“พี่จื่อจวิน…”
“หุบปาก!” ซูจื่อจวินสบถออกมาแล้วคว้าแขนอีกข้างของลั่วเพียนเซียนขึ้นมาอีกครั้ง ถกแขนเสื้อขึ้นและก็พบกับรอยกัดอีกรอยที่คล้ายกัน
ครั้งนี้เธอถึงได้วางแขนของลั่วเพียนเซียนลง ขมวดคิ้วพูดว่า “ตอนที่ฉันต้องการเลือดมากๆ นั้นจะควบคุมตนเองไม่ได้ แต่ไม่ได้สูญเสียความทรงจำ ฉันจำได้ว่าฉันกัดข้างนี้ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับอีกข้าง?”
ลั่วเพียนเซียนก้มหน้าลง กลัวจะทำให้ซูจื่อจวินโมโห พูดอย่างระมัดระวังว่า “หลังจากที่พี่จื่อจวินหลับไปแล้ว ก็ยังมีท่าทีทรมานอยู่ ฉันกลัว…กลัวเลือดไม่พอ ก็…ก็เลย…”
“ก็เลยเอาแขนให้ฉันกัดอีกข้างงั้นหรือ?” ชั่วขณะนั้นซูจื่อจวินก็โมโหขึ้นมาชั่วขณะ
“ขอ…ขอโทษ”
“เธอไม่กลัวตายหรือไง?” ดวงตาของเธอแดงขึ้นอีกครั้งเพราะความโมโห ด่าออกไปว่า “เธอไม่กลัวว่าฉันจะดูดเลือดเธอจนเกลี้ยงหรือไง?”
ลั่วเพียนเซียนเงยหน้าขึ้น พูดอย่างดื้อดึงว่า “ก็ฉันกลัวว่าพี่จื่อจวินจะตายนี่!”
“เธอ…”
ซูจื่อจวินขบริมฝีปาก มีคำพูดในใจแต่ก็ติดอยู่ในปาก
เมื่อมองเห็นใบหน้าซีดขาวแต่มีดวงตาแน่วแน่ของลั่วเพียนเซียนแล้ว ก็มักรู้สึกว่าเธอกับตัวเองดูห่างกันไกลมากเหมือนอยู่คนละโลก
มีปีศาจแบบเธอ…ได้อย่างไร