สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 2 คำสั่งจากเจ้าของสมาคม
ภายในสมาคม
ลั่วชิวไม่ได้ดูว่าตอนนี้ภูตดำหมายเลขเก้ามีปฏิกิริยาอย่างไร เขายืนขึ้นเดินไปด้านในแล้วพูดว่า “หมายเลขเก้า นายตามฉันมาก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินเจ้าของสมาคมพูดแบบนี้ ภูตดำหมายเลขเก้าก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ถึงจะสงสัยเขาก็ยังตามหลังเจ้าของสมาคมไปด้วยความเคารพ
คุณสาวใช้ไม่ได้ตามไปด้วย เพียงทำงานตามปกติของตนเองต่อไป…ไม่ฟังหรือถามอย่างเชื่อฟัง
แต่ก่อนที่ภูตดำหมายเลขเก้าจะออกจากห้องโถงก็รู้สึกถึงสายตาอันเร่าร้อนคู่หนึ่ง…ซึ่งมาจากเจ้าคนที่ถูกจับห้อยไว้อยู่มุมใดมุมหนึ่งของห้องโถง
ที่ภูตดำหมายเลขเก้าสนใจเจ้าคนที่ถูกจับห้อยคนนั้น ก็เพราะหากพูดตามจริงแล้วเจ้านั่นถือเป็นคนที่เขาอบรมบ่มเพาะออกมา
เห็นเพียงไท่อินจื่อกะพริบตาไม่หยุดให้เขาผู้ซึ่งเป็นภูตดำคนแรกที่เขาพบเห็นและติดตาม ดูเหมือนกำลังพูดว่า ‘ใต้เท้าหมายเลขเก้า ช่วยพูดกับนายท่านให้เขาปล่อยข้าลงไปที…’
แต่ภูตดำหมายเลขเก้า…หมายเลขเก้าเพียงแค่หันไปอย่างเฉยเมยเหมือนกับมองไม่เห็น…
ภูตดำหมายเลขเก้าไม่กล้าชักช้าจึงเร่งฝีเท้าตามเจ้าของสมาคมไป เขาไม่กล้าเดินนำและก็ไม่กล้าทิ้งห่างเกินไป ดังนั้นทุกๆ ก้าวจึงก้าวอย่างแม่นยำมาก
จุดหมายคือใต้ดินชั้นหนึ่งของสมาคม
ส่วนลึกของห้องที่เต็มไปด้วยตู้เก็บของนี้มีโต๊ะหนังสือของเจ้าของอยู่
ลั่วชิวนั่งลง ยื่นมือออกไปผลักเก้าอี้อีกตัวตรงหน้าของเขาให้ค่อยๆ เลื่อนออก “นั่งสิ”
“กระผมไม่กล้า”
ลั่วชิวพูดว่า “นายไม่กล้าหรือว่าไม่ยอม?”
ภูตดำหมายเลขเก้าชะงัก พยายามหาความหมายในคำพูดนี้ของเจ้านายคนใหม่ แต่สุดท้ายเขาก็เดาความคิดของเจ้าของสมาคมไม่ออกอยู่ดี…ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของคนปัจจุบันหรือคนก่อน
“เช่นนั้น กระผมก็ขอล่วงเกินแล้ว” ภูตดำหมายเลขเก้าทำตามคำเชื้อเชิญของเจ้าของสมาคม พยักหน้าแล้วนั่งลงไป
ลั่วชิวเปิดลิ้นชักโต๊ะแล้วนำจดหมายฉบับหนึ่งออกมา ผลักไปให้ภูตดำหมายเลขเก้า “นายเก็บสิ่งนี้ไว้ให้ดี ด้านในมีของบางอย่าง…ฉันอยากให้นายช่วยผมรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับมัน”
ภูตดำหมายเลขเก้าชะงัก ใช้สองมือหยิบจดหมายขึ้นมา
เขายังมีจุดที่ไม่เข้าใจอยู่อีกหลายจุด…ตามหลักการของเจ้าของสมาคม ไม่มีของอะไรที่เอามาไม่ได้ แม้เจ้าของคนใหม่เพิ่งมาจึงมีพลังไม่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ภูตดำจะสามารถคาดเดาได้
ของอะไรกัน ถึงต้องใช้ภูตดำออกไปค้นหาเป็นพิเศษ?
“อืม…” ลั่วชิวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นับตั้งแต่ฉันรับช่วงต่อสมาคมมา หากนับไท่อินจื่อที่ฉันเปลี่ยนร่างให้เองด้วยแล้ว ฉันก็เคยเจอภูตดำทั้งหมดเพียงแค่สามตนเท่านั้น ภูตดำที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการพักผ่อน แต่ช่วงนี้ฉันยังไม่คิดจะเรียกให้พวกเขาตื่นขึ้นมา นอกจากนี้ ฉันก็เคยพบหมายเลขสิบแปดแล้ว”
ภูตดำหมายเลขเก้าไม่กล้าพูดสอดคำ
“ฉันรู้สึกว่านายเหมาะจะทำหน้าที่นี้” ลั่วชิวหัวเราะพูดว่า “ของที่ฉันให้นายไปหานั้น ตัวฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะหาได้ง่ายไหม บางทีนายอาจจะหาพบได้ง่ายมากหรืออาจจะยากมาก แต่ฉันจะรับปากตามคำขอครั้งก่อนของนายเป็นรางวัล”
ภูตดำหมายเลขเก้ายากที่จะรักษาความสงบเอาไว้ได้ แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างหนักแน่น “นายท่านวางใจได้เลย กระผมจะทำสุดความสามารถอย่างแน่นอน”
“ฉันชอบท่าทีแบบนี้ของนาย” ลั่วชิวพยักหน้า “นายไปเถอะ ออกจากเมืองก่อนค่อยเปิดจดหมายดู แล้วนายจะรู้เองว่าต้องทำอะไรต่อ”
ภูตดำหมายเลขเก้าเป็นประเภทชอบปฏิบัติไม่ชอบพูดมาก เขาพยักหน้า ยืนขึ้นแล้วก็เปลี่ยนร่างเป็นหมอกดำกลุ่มหนึ่ง
แต่ในขณะที่เขากำลังจะไปนั้นกลับหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน
“ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?” ลั่วชิวถามขึ้นอย่างแปลกใจ
หลังจากก้อนหมอกสีดำของภูตดำหมายเลขเก้าหยุดลงครู่หนึ่งแล้วถึงได้พูดเบาๆ ออกมาว่า “นายท่าน พลังที่สมาคมมอบให้ท่าน หากเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ในมือของท่านมีภูตดำมากมายแล้วยังมีคุณหนูโยวเย่อีก พวกเราล้วนแต่สามารถเป็นแขนขาให้ท่านได้”
ลั่วชิวมองหมอกดำที่ขยับไปมาอย่างสงบ…มันเปลี่ยนเป็นเลือนรางไม่หยุด ดูเหมือนจะเผยให้เห็นถึงคลื่นในใจของภูตดำหมายเลขเก้าในตอนนี้
“ได้”
สุดท้ายลั่วชิวถึงได้พูดตกลงเบาๆ ออกมา
“เช่นนั้นกระผมขอตัวไปก่อน”
หมอกดำออกจากใต้ดินชั้นหนึ่งและก็ออกจากประตูไปโดยไม่หยุดเลย
ลั่วชิวไม่ได้รีบออกไปจากห้องเก็บของ เขานั่งคิดอยู่คนเดียว และก็คิดขึ้นได้ในทันใดว่า ถึงแม้ภูตดำหมายเลขเก้าจะมีชื่อเรียกเป็นลำดับที่เก้า แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นภูตดำตนสุดท้ายที่เจ้าของสมาคมคนก่อนเปลี่ยนร่างให้เป็นภูตดำ
…
ภูตดำหมายเลขเก้าเดินทางโดยไม่หยุดพักจนกระทั่งไปถึงชายขอบเมือง เขามองไปที่บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่เขาผ่าน…มองเข้าไปในสวนก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบสงบบนเก้าอี้โยกที่คลุมด้วยผ้าคลุมขนแกะ
ในที่สุดเขาก็มาถึงชายขอบของเมือง ภูตดำหมายเลขเก้าเปิดจดหมายในมือ และก็เห็นของที่อยู่ด้านใน…เป็นแผนที่แผ่นหนึ่ง
แผนที่นี้เป็นแผนที่ประเทศจีนแบบธรรมดาที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องถนนทั่วๆ ไป
ภูตดำหมายเลขเก้าขมวดคิ้วขึ้น พิจารณาดูอย่างละเอียดแล้วก็พบว่ามีจุดสีแดงเล็กๆ เป็นสัญลักษณ์อยู่จุดหนึ่งบนแผนที่
ชื่อสถานที่
“ภูเขา…จิ่งกัง?”
…
…
ศาสตราจารย์มีชื่อว่าเทรเวอร์ เป็นคนออสเตรเลียที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทร
หวังเย่ว์ชวนเห็นศาสตราจารย์เทรเวอร์ในสนามบิน…เขาสวมแว่นตากลม หัวล้านเล็กน้อย และก็ถือว่ามีรูปร่างค่อนข้างเล็กหากเทียบกับคนตะวันตกทั่วไปและก็รวมถึงคนทางตะวันออกด้วย
เขาถือกระเป๋าถือหนังใบเล็กดูเรียบง่ายใบหนึ่ง สวมชุดสูทที่ดูใหญ่กว่ารูปร่างของเขาไปหนึ่งเบอร์ ทำให้ให้ดูค่อนข้างตลก แต่กลับเป็นคนที่สามารถตอบคำถามของหวังเย่ว์ชวนได้
“สวัสดีครับ ศาสตราจารย์เทรเวอร์ ผมชื่อหวังเย่ว์ชวน”
“สวัสดีครับ คุณหวังเย่ว์ชวน” ศาสตราจารย์เทรเวอร์พยักหน้า “อย่ามัวแต่พิธีรีตองอยู่เลย ผมอยากเห็นหนังสือโบราณที่คุณพูดถึงจะแย่อยู่แล้ว”
ศาสตราจารย์เฒ่ากระตือรือร้นในงานวิจัยของตนเองมาทั้งชีวิต
หวังเย่ว์ชวนได้ช่องทางการติดต่อเขาผ่านทางเพื่อนคนหนึ่ง หลังจากพูดถึงรายละเอียดสั้นๆ เกี่ยวกับหนังสือโบราณเล่มนั้นแล้ว ศาสตราจารย์คนนี้ก็บินตรงมาจากญี่ปุ่นในทันที…และดูเหมือนว่าเขาจะยกเลิกกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางฝั่งญี่ปุ่นไปด้วย
“ศาสตราจารย์เทรเวอร์ เชิญตามมาเลยครับ”
หวังเย่ว์ชวนก็เป็นคนที่ใส่ใจผลลัพธ์เป็นหลัก หลังจากทักทายแล้วก็นำศาสตราจารย์เทรเวอร์คนนี้ออกจากสนามบินในทันที
และแน่นอนว่าสถานที่ที่จะไปนั้นไม่ใช่สถานีตำรวจ แต่เป็นอะพาร์ตเมนต์ที่หวังเย่ว์ชวนเช่าเอาไว้พักชั่วคราว
“ศาสตราจารย์ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
บนรถหวังเย่ว์ชวนเห็นศาสตราจารย์เทรเวอร์มีเหงื่อออกเต็มหน้าผาก จึงขมวดคิ้วถามออกไป
ศาสตราจารย์เทรเวอร์ส่ายหน้าพูดว่า “ไม่เป็นไร น่าจะเป็นเพราะยังปรับตัวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไประหว่างจีนกับญี่ปุ่นไม่ได้ ตอนที่ผมจะมาก็ได้ดูพยาการณ์อากาศของทางนี้ไว้แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยตรงสักเท่าไร”
หวังเย่ว์ชวนก็ไม่ได้ใส่ใจ พูดไปว่า “ช่วงนี้อากาศค่อนข้างผิดปกติเล็กน้อย”
เขาเพิ่งจะพูดก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังขึ้น หวังเย่ว์ชวนก้มหัวมองผ่านกระจกหน้ารถไปที่ขอบฟ้าไกลออกไป “เหมือนจะมีพายุอีกแล้ว”
…
…
วันนี้โรงพยาบาลสัตว์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงในสังคมมนุษย์สักเท่าไร แต่กลับโด่งดังมากในอีกสังคมหนึ่งก็ปิดเร็วอย่างเคย
และมีอีกประตูหนึ่งที่เปิดอยู่นานแล้ว
ลุงปีศาจหนูผู้มีทั้งภรรยาทั้งลูกและเห็นได้ชัดว่าสามารถปรับตัวเข้ากับท่อระบายน้ำได้ตั้งแต่เกิด แต่มักจะกินผิดท้องเป็นประจำเพิ่งจะเดินเข้ามา ก็ตกใจไปกับฉากภายในโรงพยาบาลสัตว์
ลุงปีศาจหนูปัดเสื้อบนไหล่ของตนเอง ระหว่างเดินทางมาเจอฝนตกใส่อย่างกะทันหันจนเปียกไปไม่น้อย “ผีเสื้อน้อย วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่งั้นหรือ? ทำไมถึงมีคนมาหาหมอเยอะขนาดนี้?”
ไม่ใช่งั้นหรือ?
ทั้งด้านในด้านนอกมี…ปีศาจนั่งอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งปีศาจเหล่านี้ก็ยังนั่งหมดอาลัยตายอยากเหมือนถูกย่ำยีมาพันรอบร้อยรอบอย่างนั้น
ผีเสื้อน้อยที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่วิ่งเข้ามา เช็ดเหงื่อที่ไรผม กะพริบตาแล้วเอ่ยว่า “ลุงปีศาจหนูไม่รู้เหรอคะ?”
“รู้อะไร?”
ปีศาจผีเสื้อน้อยพูดว่า “ที่นี่เริ่มจัดกิจกรรมตรวจสุขภาพฟรีให้กับทุกคนตั้งแต่เมื่อวานนี้ค่ะ”
“ฟรี?” ลุงปีศาจหนูสนใจคำว่าฟรี พูดอย่างเหลือเชื่อว่า “ใต้เท้าหลงทำอะไรฟรีได้ด้วยหรือ? สวรรค์ทรงโปรด!”
ลั่วเพียนเซียนยิ้มอย่างกระดากใจแล้วพูดว่า “ไม่ใช่พี่หลงหรอก พี่จื่อจวินเป็นคนพูด เธอพูดว่าจะช่วยเหลือโลกปีศาจสักหน่อย ดังนั้นถึงได้ช่วยทุกคนตรวจสุขภาพ!”
“จื่อจวิน?” ลุงปีศาจหนูชะงัก จากนั้นก็ถามอย่างสงสัยว่า “ปีศาจกินฟรีอยู่ฟรีที่ใต้เท้าหลงชอบพูดถึงนะหรือ? นางรู้วิชาแพทย์ด้วยหรือ? จะได้หรือ?”
“น่าจะนะคะ?” ลั่วเพียนเซียนครุ่นคิด แล้วก็หันกลับไปดู
เมื่อมองผ่านกระจกห้องพยาบาลเข้าไป ก็เห็นซูจื่อจวินอยู่ในชุดกราวที่ไม่เข้าตัวกำลังใช้อุปกรณ์การแพทย์อย่างคุ้นเคยอยู่…เห็นได้ชัดว่าเธอเอาชุดของหลงซีรั่วมาใส่
“น่าจะ?” ลุงปีศาจหนูมีสีหน้าสงสัย แต่เมื่อเขามองเห็นว่าที่นี่มีปีศาจในเมืองนั่งอยู่เต็มไปหมด จึงคิดครู่หนึ่งแล้วพูดในทันใดว่า “เช่นนั้นข้าก็ตรวจสุขภาพได้ด้วยใช่ไหม?”
“ได้สิคะ! พี่สาวจื่อจวินพูดแล้ว ว่าขอเพียงเป็นปีศาจก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
“โอ้ว”
ลุงปีศาจหนูหรี่ตาลงชั่วขณะ ลูบมือแล้วพูดว่า “ใต้เท้าหลงมีชื่อเสียงด้านความขี้เหนียว ไม่เคยมีเรื่องดีอย่างการตรวจสุขภาพฟรีมาก่อน! ดูแล้วช่วงที่เธอไม่อยู่ก็ดีไม่น้อย! มา มา มา ต้องตรวจอะไรก่อน!”
ผีเสื้อน้อยครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ค่ะ! เจาะเลือดก่อน!”
“ตรวจเลือด…ได้ ไม่มีปัญหา”
ลุงปีศาจหนูพยักหน้าแต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที พูดเสียงสั่นว่า “นั่นอะไร…ทำไมเข็มเจาะเลือดถึงได้ใหญ่ขนาดนั้น?”
“พี่จื่อจวินบอกว่า เจาะเยอะหน่อยถึงจะได้ผลตรวจชัดเจนขึ้น” ลั่วเพียนเซียนคิดแล้วก็พูดออกมา
ปีศาจหนู…ลุงปีศาจหนูลอบถอนหายใจ เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจแล้ว การตรวจสุขภาพฟรีหมายถึงอะไร และเพราะเหตุใดบรรดาปีศาจตัวอื่นที่ถูกเจาะเลือดแล้วถึงมีอาการหมดอาลัยตายอยาก
ผีเสื้อน้อยตัวนี้เป็นประเภทที่ถึงจะถูกคนขายแล้วก็ยังจะช่วยเขานับเงิน*อีก
*ถูกคนขายแล้วก็ยังจะช่วยเขานับเงิน หมายถึง นอกจากไม่รู้ว่าถูกหลอกใช้ ยังซาบซึ้งคิดว่าอีกฝ่ายช่วยเหลือตัวเอง