สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 22 เรียนคณิตศาสตร์กับเคมีได้ดี จะเดินรอบโลกได้โดยไม่ต้องกลัว
- Home
- สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด
- บทที่ 22 เรียนคณิตศาสตร์กับเคมีได้ดี จะเดินรอบโลกได้โดยไม่ต้องกลัว
บนท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนจะมีน้ำวนที่ดูคลุมเครือๆ ปรากฏขึ้น…ดูไม่คล้ายก้อนเมฆ แต่เป็นอะไรอย่างอื่น ที่ดูไม่มีตัวตน
โยวเย่เงยหน้ามองท้องฟ้าแวบหนึ่ง
เมื่อเช็ดทำความสะอาดด้านนอกหน้าต่างส่วนสุดท้ายของสมาคมเสร็จแล้ว เธอก็กลับเข้าไปในสมาคม
ดั่งเช่นทุกๆ วัน
คุณหนูสาวใช้พบว่านายท่านของตนเองกำลังดูแผนที่แผ่นหนึ่งอยู่ แผนที่ลอยอยู่กลางอากาศ เปิดออกต่อหน้าของลั่วชิว
มันเป็นแผนที่ของเมืองนี้
“ทำความสะอาดเสร็จแล้วเหรอ” เมื่อรู้สึกว่าคุณหนูสาวใช้เข้ามาแล้ว ลั่วชิวก็ไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง ยังคงดูแผนที่ดังเดิม “มา มาดูนี้สิ ฉันยังไม่เคยตั้งใจดูแผนที่เมืองนี้อย่างละเอียดเลย”
คุณหนูสาวใช้เดินมาข้างกายลั่วชิว เริ่มพิจารณา ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามเบาๆ ว่า “นายท่านกำลังคิดถึงเรื่องเส้นสายพลังวิญญาณใต้ดินอยู่งั้นหรือคะ?”
ลั่วชิวพยักหน้าเอ่ยว่า “คุณหนูซูจื่อจวินที่เพิ่งจากไปก็มาเพื่อเรื่องนี้…เธอดูนี่สิ”
เขาจับมือของโยวเย่มาที่อีกด้านหนึ่งของแผนที่ ขณะเดียวกันก็ยื่นมือออกไปลูบด้านหน้าของแผนที่…เห็นเพียงสัญลักษณ์ของสิ่งก่อสร้างค่อยๆ หายไปจากแผนที่ เหลือเพียงแต่รูปลักษณ์เดิมของเมืองเมื่อแรกเริ่ม
รวมไปถึงของบางอย่างที่ยากจะคาดวัดอยู่ลึกลงไปใต้ดิน
แผนที่ตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นแผนที่สามมิติ ไม่เพียงแต่มีภาพเมืองบนพื้นผิวเท่านั้น ยังมีโครงสร้างใต้เมืองอีกด้วย
โยวเย่มองเห็นแผนที่สามมิติเริ่มปรากฏจุดแสงสามจุดแตกต่างกันขึ้นมา “นายท่าน สามจุดนี้คือตำแหน่งของผนึกเส้นสายพลังวิญญาณงั้นหรือคะ?”
ลั่วชิวพยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นนิ้วมือออกไปวาดเป็นเส้นๆ หนึ่งบนแผนที่…ลายเส้นคดเคี้ยวไปมาเหมือนลูกอ้อด ก่อนสว่างขึ้น
ลั่วชิวเอ่ยว่า “นี่ก็คือรูปร่างของเส้นสายพลังวิญญาณที่อยู่ใต้ดินเส้นนั้น…เธอดูแล้วคิดว่าไง?”
คุณหนูสาวใช้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหมือนกับ…น้ำตารูเพิร์ต*”
“ตอนแรกก็เพราะรูปร่างนี้ฉันถึงคิดขึ้นมาได้” ลั่วชิวหยุดครู่หนึ่ง “ตอนนี้หลังจากถอดโครงสร้างออกมาแล้ว…เกรงว่ามันจะมีลักษณะพิเศษเช่นเดียวกับน้ำตารูเพิร์ต”
โยวเย่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นมือออกไปยังจุดแสงสามจุดของเส้นสายพลังวิญญาณแล้วชี้บนผนึกของมันทีละจุด “นี่คือผนึกที่เซียงหลิ่วคิดจะกัดกร่อน นี่คือผนึกที่คุณหนูซูจื่อจวินกำลังจะไป ส่วนนี่คือ…”
สุดท้ายนิ้วของโยวเย่ก็มาถึงตำแหน่งของผนึกจุดที่สาม และก็คือจุดที่เหมือนจะเป็นส่วนสุดท้ายของเส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้ “ถึงกับสร้างผนึกขึ้นบนบริเวณนี้ได้”
คุณหนูสาวใช้ส่ายๆ หน้า “นี่ไม่ใช่การเพิ่มความปลอดภัยให้มัน แต่เป็นเหมือนกับระเบิดเวลา”
ลั่วชิวถอนหายใจ “ถ้าหากผนึกจุดที่สามไม่ถูกเปิดออกโดยวิธีปกติแล้ว มันจะทำให้เกิดแรงดันมหาศาล หากอิงตามลักษณะพิเศษของน้ำตารูเพิร์ต เส้นสายพลังวิญญาณเส้นนี้ก็จะแตกสลายในพริบตา”
“ส่วนเมืองนี้ก็จะต้องเผชิญหน้ากับแผ่นดินไหวที่ไม่เคยมีมาก่อน” โยวเย่หรี่ตาลง
“อืม…” ลั่วชิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “หลงซีรั่วน่าจะไม่ได้ตั้งใจ ดูจากพฤติกรรมของเธอกับสิ่งที่ไท่อินจื่ออธิบายแล้ว เธอไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนี้ งั้นสาเหตุที่เดาได้ก็เหลือเพียงสิ่งเดียว…”
คุณหนูสาวใช้ผู้ฉลาดหลักแหลมเผยสีหน้าหมดหนทาง พูดเบาๆ ว่า “คุณหนูหลงผู้นี้คงจะไม่ชอบฟิสิกส์มากนัก”
ลั่วชิวนิ่งเงียบไม่พูดจา จำได้ว่าหลงซีรั่วนั้นเป็น…สัตวแพทย์ไม่ใช่เหรอ?
…
…
ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง เธอจะต้องพยายามลอยขึ้นไปให้ใกล้ตำแหน่งพื้นดินมากที่สุด เพื่อให้ร่างของตนเองได้พักผ่อน หลงซีรั่วรู้สึกว่า ถึงแม้ตนเองจะมีร่างกายที่พิเศษแต่การที่ต้องเอาใจใส่กับการไหลของสายวิญญาณอยู่ตลอดเช่นนี้ก็เป็นงานหนักที่น่าเบื่องานหนึ่ง
ตอนนี้เธอเพิ่งจะพักผ่อน…ด้านล่างก็คือลาวาสีแดงทับทิม
ทันใดนั้นจมูกของหลงซีรั่วก็เหมือนจะคันขึ้นเล็กน้อย…เป็นเพราะที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถันงั้นหรือ?
เธอไม่ได้จามออกมา เพียงแต่ลูบๆ จมูกตนเอง “ออกมาระยะหนึ่งแล้ว น่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้ง?”
แต่หลงซีรั่วก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว เทียบกับอาการผิดปกติเล็กน้อยนี่แล้ว เธอสนใจสาเหตุที่ทำให้เส้นสายพลังวิญญาณเคลื่อนไหวมากกว่า
อีกอย่างถึงแม้เธอจะจากมา แต่ในศูนย์สัตว์เลี้ยงก็ยังมีซูจื่อจวินอยู่…ซึ่งเป็นปีศาจตนหนึ่งที่เธอสามารถไว้วางใจได้
“น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”
หลงซีรั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ และดำลงไปในลาวาเบื้องล่างอีกครั้ง “ร้อนจริงๆ…ถอดเสื้อดีกว่า”
…
…
ปีศาจสุนัขไม่รู้ว่าเจ้าคนชุดดำที่ทำให้เขาหวาดกลัวนั้นมาจากไหน แต่เมื่อเห็นคนเบื้องหน้าที่อัดเจ้าคนชุดดำไปชนกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมๆ หนึ่งนั้นเผยใบหน้าลิงออกมา เขาก็รู้แน่ชัดแล้ว
เขาสามารถกลายร่างเป็นคนได้ไม่นานนัก แต่ก็เคยได้ยินถึงชื่อเสียงเจ้าของเอลิเซียมบาร์จากปากของผู้อาวุโสมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว
ผู้อาวุโสบอกว่าชื่อเสียงของซุนเสี่ยวเซิ่งไม่ได้มาจากเอลิเซียมบาร์แต่มาจากกำปั้นของเขา
ก่อนที่เอลิเซียมบาร์จะก่อตั้งขึ้นมานั้น เขาใช้กำปั้นของเขาตะลุยไปทั่วโลกแห่งปีศาจ
พูดกันว่าเสี่ยวเซิ่งเกอเคยต่อสู้กับใต้เท้าหลงผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกปีศาจ ผลลัพธ์นั้นไม่มีใครรู้…แต่ตอนนี้เขาก็ยังสบายดี
ถึงแม้ผลลัพธ์จะเป็นพ่ายแพ้ แต่ก็ถือว่าสามารถต่อสู้ตัวต่อตัวกับใต้เท้าหลงแล้วไม่ตาย ทั้งยังอาศัยอยู่ได้อย่างองอาจอีกด้วย!
อีกอย่าง ค่าใช้จ่ายในเอลิเซียมบาร์ก็ยังแพงมาก!
“ฮา เจ้ามีความสามารถแค่นี้เองหรือ?”
หมัดของเสี่ยวเซิ่งเกอยังไม่ได้ออกจากหน้าอกของอีกฝ่าย แต่กดอีกฝ่ายเอาไว้กับพื้น
แต่เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ…ถึงแม้จะชกอีกฝ่ายไปหนึ่งหมัด แต่การที่อีกฝ่ายไม่มีแรงจะโต้กลับทำให้เสี่ยวเซิ่งเกอแปลกใจเล็กน้อย
เสี่ยวเซิ่งเกอขมวดคิ้ว ยืนขึ้นมาแล้วก็พบว่าเจ้าคนที่อยู่บนพื้นคนนี้ บริเวณหน้าอกเกิดรอยยุบรอยหนึ่งแต่กลับไม่ขยับเลยสักนิด
“ตายแล้ว?”
ซุนเสี่ยวเซิ่งพึมพำออกมา จากนั้นก็ใช้เท้าเขี่ยเจ้าคนชุดดำขึ้นมา
ทันใดนั้นลางสังหรณ์ถึงอันตรายก็ทำให้ขนของซุนเสี่ยวเซิ่งตั้งชันขึ้นมา เขาไม่ครุ่นคิดเลยแม้แต่น้อย เงาร่างวาบหายไปพร้อมหิ้วปีศาจสุนัขที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมา กระโดดลอยตัวสูง สุดท้ายก็ใช้มือหนึ่งจับท่อระบายน้ำระหว่างอาคาร หยุดลงอยู่ตรงผนัง
เห็นเพียงแต่ร่างกายของเจ้าคนบนพื้นระเบิดในทันใด หมอกสีม่วงเริ่มกระจายออกมา ไม่ว่าจะเป็นพื้นคอนกรีตหรือว่ากำแพง เมื่อหมอกสีม่วงปกคลุมก็ถูกกัดกร่อนละลายไปหมด
“แย่แล้ว ของนี้ยังแพร่กระจายอยู่!”
ซุนเสี่ยวเซิ่งขมวดคิ้ว โยนปีศาจสุนัขในมือออกไป จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง แล้วก็กอดอก รอบด้านเหมือนมีฝ่ามือไร้รูปจำนวนนับไม่ถ้วนผลักดันหมอกสีม่วงทั้งหมดที่กระจายให้กลับไปยังที่เดิม
ซุนเสี่ยวเซิ่งเริ่มหมุนสองมือทวนเข็มนาฬิกา หมอกสีม่วงถูกดึงเข้ามารอบกายเขาและค่อยๆ ก่อรูปขึ้นมา สุดท้ายก็บีบอัดเป็นเหมือนไข่มุกสีม่วงขนาดเท่ากำปั้นอันหนึ่ง
ซุนเสี่ยวเซิ่งมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็อ้าปากขึ้นมาแล้วก็กลืนของสิ่งนั้นลงไปในท้องทันที ทำเอาปีศาจสุนัขหวาดกลัวจนหน้าเขียวคล้ำ!
“แย่แล้ว!”
ทันใดนั้นซุนเสี่ยวเซิ่งก็แสดงท่าทีเจ็บปวดออกมาเอามือกุมคอของตนเองไว้ ร่างกายเริ่มทุรนทุราย…เขาทำท่าอยากอาเจียน สีหน้าดำคล้ำ
“ใต้เท้า! ใต้เท้า ใต้เท้า! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ปีศาจสุนัขวิ่งมาที่ตรงหน้าของซุนเสี่ยวเซิ่งอย่างตกใจ กลับเห็นเพียงซุนเสี่ยวเซิ่งกำลังตกลงพื้น
เขายื่นมือออกไปดูเหมือนคิดจะคว้าจับอะไร สีหน้าดูเจ็บปวดขึ้นไปอีก
“ใต้เท้า! ใต้เท้า! ทำไมท่านถึงได้วู่วามขนาดนี้ ถึงท่านจะเก่งกล้าแค่ไหน ก็ไม่อาจจะกลืนของที่มีพิษร้ายแรงขนาดนี้ลงท้องได้! จะทำอย่างไรดี!”
ปีศาจสุนัขไม่รู้จะทำอย่างไร ในใจคิดว่าหากใต้เท้าท่านนี้ไม่ทำเช่นนี้ก็คงไม่ตาย
“ข้า…” ซุนเสี่ยวเซิ่งพยายามพูดออกมา
ปีศาจสุนัขพูดด้วยสีหน้าปวดใจว่า “ใต้เท้า ท่านช่วยชีวิตข้าเอาไว้! ท่านพูดมาเถอะ ท่านมีความปรารถนาก่อนตายหรือไม่ ถึงข้าต้องเสี่ยงชีวิตก็จะช่วยท่านให้สำเร็จจนได้ ท่านพูดมาเลย!”
เขาโน้มตัวลง เอาหูเข้าไปใกล้กับปากของซุนเสี่ยวเซิ่ง ตั้งอกตั้งใจฟัง
“ข้า…ข้า…ข้า…”
เสียงของซุนเสี่ยวเซิ่งเบาลงเรื่อยๆ จนปีศาจสุนัขไม่ได้ยิน เมื่อยังฟังไม่ชัด เขาจึงอดแนบหูเข้าไปใกล้อีกไม่ได้ จากนั้นก็สะอื้นพูดว่า “ใต้เท้า ท่านพูดสิ ท่านเป็นอะไรไป?”
“ข้า…ข้า…” ทันใดนั้นซุนเสี่ยวเซิ่งก็ลืมตาขึ้น “ข้าไม่เป็นไร ฮา! หลอกเจ้าเล่น! ฮา ฮา ฮา ฮา ฮา!”
เสียงที่ดังเหมือนกับฟ้าผ่าดังขึ้นที่ข้างหูของปีศาจสุนัข สั่นสะเทือนจนหูของเขาเกือบจะหนวก หูตาพล่าเลือนเห็นแต่ดวงดาว
ตอนนี้เห็นเพียงซุนเสี่ยวเซิ่งยังไม่ลุกขึ้นมา นอนหัวเราะเสียงดังลั่นอยู่บนพื้น
ฮา ฮา ฮา ฮา ฮา!
“ใต้เท้า ท่าน…”
ตอนนี้ปีศาจสุนัขรู้แล้วว่าตนเองโดนแกล้ง เขาลูบหูข้างหนึ่งที่เหมือนจะหนวกไปของตนเอง และมองไปยังซุนเสี่ยวเซิ่งที่หัวเราะจนน้ำตาเล็ด จากนั้นก็ลอบถอนหายใจ
ทำไมถึงมีคนที่น่ารังเกียจเช่นนี้อยู่ได้…
*น้ำตารูเพิร์ต Rupert’s Tears หรือ Prince Rupert’s drops ภาษาไทยอาจเรียกว่าลูกอ๊อดแก้ว