สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 31 วิถีแห่งขุนนาง
ในห้องสำนักงานของบาร์วางเบาะรองนั่งขนาดใหญ่เป็นพิเศษไว้ ที่นั่นเป็นที่นอนของกุยเชียนอี
แต่ไม่รู้ว่ามีเหตุอะไร กุยเชียนอีที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุขต้องยื่นหัวออกมาจากกระดอง เขาโผล่ออกมาอย่างสับสนมึนงง แต่ก็ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วและยื่นแขนขาทั้งสี่ออกมา
กุยเชียนอีแบกกระดองเต่าเดินมายังด้านหน้าแผ่นไม้ซึ่งแต่เดิมคือกระจก แล้วเปิดม่านมองลงไปด้านล่างของบาร์
สนุกสนานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นธีมหลักของเอลิเซียมบาร์ หากใช้คำพูดของเจ้าของที่นี่ ซุนเสี่ยวเซิ่งก็คือ หากใช้ชีวิตน่าเบื่อแล้วจะต่างอะไรกับปลาเค็ม?
ครั้งนี้ซุนเสี่ยวเซิ่งทำตัวเหมือนมาสคอตของบาร์ ถือขวดเหล้าเต้นอยู่บนฟลอร์กับบรรดาปีศาจหลากหลายพันธุ์
ครั้งนี้กุยเชียนอีขมวดคิ้วขึ้น หยิบไม้เท้าอันหนึ่งมาเคาะพื้น
เมื่อดีเจหูดีที่เล่นเพลงอยู่ด้านล่างได้ยินเสียงเคาะไม้เท้าอันคุ้นเคยแล้ว ก็รีบปิดเสียงเพลงทั้งหมดในทันที
เช่นเดียวกับไนต์คลับทั่วๆ ไปที่หากเสียงเพลงหยุดอย่างกะทันหัน บรรดาลูกค้าปีศาจทั้งหมดก็คงมึนงง ซุนเสี่ยวเซิ่งขมวดคิ้ว “ใครปิดเพลง? ออกมาสิ! ฉันจะฆ่าแก…กุยเชียนอี ปิดเพลงทำไม!”
กุยเชียนอีค่อยๆ พูดขึ้นว่า “เถ้าแก่ ท่านไม่คิดว่ามันเสียงดังเกินไปงั้นหรือ?”
ซุนเสี่ยวเซิ่งชะงัก และหัวเราะขึ้นมา “ฮา! เต่าเฒ่า เจ้าโง่หรือเปล่า! ที่นี่คือที่ไหน? หากไม่คึกครื้นไม่สนุกไม่มีเสียงเพลงแล้วจะใช่เอลิเซียมบาร์งั้นหรือ? ด้านนอกมีที่กั้นเสียงถึงที่นี่จะระเบิดก็ไม่ต้องกลัว! Music (เพลงมา)! ทุกคนมาต่อกันเถอะ!”
กุยเชียนอีใช้ไม้เท้าเคาะพื้นหนักๆ อีกครั้ง “เสียงเพลงดังแค่ไหนข้าไม่สน แต่พวกเจ้าควบคุมตัวเองสักหน่อย มีใครเล่นสนุกสนานเกินไปจนใช้พลังปีศาจกระแทกพื้นหรือไม่?”
“กระแทกพื้น?” ซุนเสี่ยวเซิ่งชะงัก และในตอนนี้เองเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมากะทันหัน แล้วเงยหน้าขึ้นเหมือนกำลังคิดบางอย่าง
และในขณะเดียวกันสีหน้าของกุยเชียนอีก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
“ดีเจ เปิดเพลง”
ซุนเสี่ยวเซิ่งโบกมือ แต่ตนเองกลับกระโดดขึ้นไปบนระเบียงชั้นสอง และมุ่งหน้าไปยังห้องสำนักงาน
เพิ่งจะเปิดประตูห้องสำนักงาน เสี่ยวเซิ่งเกอก็พูดขึ้นว่า “ความผันผวนเมื่อครู่นั้นคืออะไรกัน? ทำไมข้าถึงตกใจ? เต่าเฒ่า อย่าพูดว่าเจ้าไม่รู้! เพราะใบหน้าของเจ้ามันบอกแล้วว่าเจ้ารู้!”
“เถ้าแก่ เกรงว่าจะเป็น…พลังของกระบี่เซวียนหยวน” กุยเชียนอีขมวดคิ้วพูดด้วยท่าทีเคร่งเครียดว่า “เกรงว่าองค์หญิง…จะมีปัญหา!”
“เจ้าจะบอกว่า…เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซียงหลิ่ว?” ซุนเสี่ยวเซิ่งกลอกตาครุ่นคิด
กุยเชียนอีไม่ได้ตอบในทันที เพียงแต่งึมงำในคอ พ่นไข่มุกโปร่งแสงขนาดเท่ากำปั้นสองลูกออกมา
กุยเชียนอีถือไข่มุกเดินไปตรงหน้าซุนเสี่ยวเซิ่ง ไม่เรียกเขาว่าเถ้าแก่ แต่พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ซุนเสี่ยวเซิ่ง ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าคุ้มครอง ข้าจะใช้ตาสวรรค์ดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
ซุนเสี่ยวเซิ่งหัวเราะเยาะแต่ก็ไม่ได้ขุ่นใจ เพียงแต่เอ่ยว่า “การใช้ตาสวรรค์หนึ่งครั้งก็ลดอายุขัยของเจ้าไปด้วย เจ้ายอมสละได้หรือ!”
“อายุขัยสิบปีแปดปีไม่มีปัญหาอะไรสำหรับข้า” กุยเชียนอีส่ายหน้านั่งสมาธิลง
กุยเชียนอีถือไข่มุกหลับตาลง ริมฝีปากสั่นไหวเล็กน้อย พลังปีศาจในร่างกายเริ่มหมุนเวียนอย่างแปลกประหลาด
ซุนเสี่ยวเซิ่งก็ไม่กล้าชักช้า ท่าทีสงบนิ่ง…เบิกตากว้างนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าไข่มุก ฉับพลันไข่มุกเริ่มปรากฏภาพเบลอๆ ออกมา
หลังจากผ่านไปสักพัก
ก็มีเพียงภาพไม่กี่ภาพเท่านั้น!
ภาพซูจื่อจวินเรียกกระบี่เซวียนหยวนออกมา
ภาพเซียงหลิ่วฆ่าผู้ชายที่ซุนเสี่ยวเซิ่งไม่รู้จักคนหนึ่ง
ภาพซูจื่อจวินแบกหลงซีรั่ววิ่ง
หลังไม่กี่ภาพนี้แวบผ่านไป ไข่มุกก็มืดทึบ กุยเชียนอีก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เผยให้เห็นท่าทางเหนื่อยล้า
แต่ซุนเสี่ยวเซิ่งกลับยื่นหัวเข้ามา “แค่นี้เองหรือ? เต่าเฒ่า เจ้าใช้ไปกี่ปี?”
“หนึ่งเดือน” กุยเชียนอีพูด
‘ไหนพูดว่าสิบปีแปดปีก็ไม่ใช่ปัญหาไง?’
“เจ้าร้อนใจอะไร? คาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้คร่าวๆ ก็พอแล้วมิใช่หรือ? ตอนนี้องค์หญิงกำลังพาใต้เท้าหลงมาที่นี่ อีกสักครู่ก็ถามรายละเอียดจากองค์หญิงได้แล้ว”
กุยเชียนอีกลอกตาขาวพูดว่า “ข้าต้องใช้อายุขัยมากมายไปเพื่อรู้เรื่องที่จะรู้ในอีกไม่ช้าด้วยหรือ? รู้แค่ว่าองค์หญิงปลอดภัยก็พอแล้ว”
ซุนเสี่ยวเซิ่ง…เสี่ยวเซิ่งเกอคิดว่าเขาพูดมีเหตุผล จึงไม่โต้เถียง
“เต่าเฒ่า เช่นนั้นตอนนี้พวกเราต้องทำอะไร?”
กุยเชียนอีขมวดคิ้วพูดว่า “ไปขุดเหล้าจิตวิญญาณลิงที่เจ้าซ่อนไว้ออกมา เดี๋ยวจะได้ใช้…อีกอย่าง ไล่ลูกค้าไปให้หมด เรื่องที่ใต้เท้าหลงบาดเจ็บไม่อาจปล่อยให้เล่าลือออกไปได้ อีกอย่าง ให้ปีศาจเหล่านั้นซ่อนตัวเอาไว้ เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าเมืองนี้กำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้น…ดูเหมือนมีเงาดำปกคลุมโชคชะตาของทั้งเมืองเอาไว้”
“เป็นอะไรกัน?”
“ชะตาฟ้าไม่อาจเปิดเผยมากเกินไป” กุยเชียนอีส่ายหน้า หยักไหล่พูดว่า “อีกอย่างข้าก็ไม่รู้ด้วย”
“ฮา…ฮา!” ซุนเสี่ยวเซิ่งถลึงตา หิ้วกุยเชียนอีขึ้นมาแล้วกัดฟันพูดว่า “เต่าเฒ่า หากไม่คิดว่าเจ้าเป็นบ่าวเก่าของจื่อจวิน ข้าคงลอกกระดองเจ้าแล้วผัดไปนานแล้ว!”
“เจ้ายังไม่ไปขุดเหล้าจิตวิญญาณอีกเหรอ” กุยเชียนอีเอ่ย “หากชักช้าแล้ว อีกหน่อยองค์หญิงเอาผิด ข้าจะไม่รับโทษแทนเจ้าหรอกนะ”
“ฮึม…ปัญหานี้ร้ายแรงนัก” ซุนเสี่ยวเซิ่งโยนกุยเชียนอีออกไป “ข้าจะไปขุดเหล้า เจ้าไปไล่พวกปีศาจ! ฮา! อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมา!”
ซุนเสี่ยวเซิ่งออกไปจากบาร์
กุยเชียนอีรีบไล่ลูกค้าในบาร์ไป…แต่ไม่สำเร็จด้วยความสามารถของเขามีไม่พอ จึงเรียกกุ่ยอิงมาทำแทน ส่วนตนเองปีนขึ้นไปห้องสำนักงานชั้นบน
ตอนนี้เบาะรองนั่งที่เขาใช้นอนมีคนนอนสลบอยู่คนหนึ่ง…หลงซีรั่ว!
“กุยเชียนอีน้อมพบองค์หญิง!”
ขณะเดียวกัน ซูจื่อจวินที่กำลังนั่งจับมือของหลงซีรั่วอยู่ข้างๆ ก็พูดโดยไม่หันกลับมามองว่า “ไม่ต้องพูดไร้สาระ”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
กุยเชียนอีที่พูดช้ามาตลอดพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “องค์หญิง ข้ารู้ว่าท่านจะมาจึงให้ซุนเสี่ยวเซิ่งไปเอาเหล้าจิตวิญญาณ น่าจะช่วยใต้เท้าหลงได้บ้าง แต่รายละเอียด…ให้ข้าตรวจดูอาการบาดเจ็บของใต้เท้าหลงสักหน่อยเถิด”
“เจ้ารู้ก่อนแล้วว่าข้าจะมางั้นหรือ?”
“ข้าสัมผัสได้ถึงการปรากฏตัวของกระบี่เซวียนหยวนจึงใช้ตาสวรรค์” กุยเชียนอีก้มหน้าเอ่ย
“กุยเชียนอี เจ้า…” ซูจื่อจวินขมวดคิ้ว “วิชาลับที่ลดทอนอายุขัยเช่นนี้ หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องใช้อีก”
“เพื่อองค์หญิงแล้ว ข้าไม่กลัวตาย! อายุขัยเพียงสิบปีแปดปีจะเทียบกับความปลอดภัยขององค์หญิงได้อย่างไร?”
ซูจื่อจวินพูดอย่างซาบซึ้งใจว่า “เจ้าช่างจงรักภักดียิ่งนัก เอาล่ะ ไมตรีของเจ้าในครั้งนี้ข้าได้จดจำเอาไว้แล้ว…เจ้าเข้ามาดูอาการบาดเจ็บของท่านอาข้าก่อน”
“รับคำสั่ง”
อา…เต่าเฒ่า
…
…
เมืองเปลี่ยนเป็นวุ่นวายภายในวันเดียว…แน่นอนว่าไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่ก็วุ่นวายมาก
เมืองนี้เกิดปัญหานับไม่ถ้วน ด้วยสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่เหมือนสูญเสียการควบคุมอย่างกะทันหัน
มีคนถูกกัด มีคนขับรถชน มีรถติดบนถนนหลายสาย…สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงพอให้ผู้คนตกตะลึง
พื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย
เมืองแห่งนี้อยู่ห่างจากชายทะเลไม่มาก แต่ก็ไม่ได้อยู่ในบริเวณวงแหวนแห่งไฟ ทว่าตอนนี้กลับเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น!
ถึงแม้ไม่ใช่เหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง แต่ก็ทำให้น้ำในแก้วสั่นไหวและของที่ตกแต่งอยู่บนกระจกของร้านต่างๆ ตกลงมา…สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คน
เสียงเด็กร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวดังไปทั่ว
หน่วยงานต่างๆ ภายในเมืองวุ่นวายกันเป็นแถบ
ผู้คนไม่รู้ว่าเมืองกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายที่เหนือจินตนาการ รู้แต่เพียงว่าวันนี้เป็นวันที่แย่มาก
แย่มากจริงๆ
บนดาดฟ้าสูงใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
เจ้าของสมาคมและคุณหนูสาวใช้ ยังมีมันที่ปรากฏตัวออกมาในรูปเงาแสง…เป็นจิตวิญญาณของเส้นสายพลังวิญญาณใต้ดินที่เกิดใหม่ หรือก็คือจิตวิญญาณซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี
ถึงแม้ยังไม่สมบูรณ์ดีแต่มันก็ได้รับความพิเศษจากสวรรค์ เกิดมาจากฟ้าดิน เป็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ
“ข้าไม่ชอบเมืองนี้ในตอนนี้เลย” มันหันกลับไปส่ายหน้าให้ลั่วชิว “ไม่ชอบ”
“ผมก็ไม่ชอบ”
“เจ้ามีครอบครัวไหม?” ทันใดนั้นมันก็ถามขึ้น
“มี” ลั่วชิวตอบโดยไม่คิด “มีคนหนึ่ง”
“ข้าก็มี” มันพยักหน้า มองลงไปยังเหล่าคนเบื้องล่างแล้วพูดเบาๆ ว่า “พวกเขา”
พูดแล้วมันก็เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาสีทองไม่มีนัยน์ตาแต่ลั่วชิวก็เข้าใจความหมายของมัน ลั่วชิวพยักหน้าแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
เขาเผชิญหน้ากับเมืองแห่งนี้แล้วหลับตาลง ก่อนกางมือซ้ายและขวาออกเล็กน้อย
ไกลออกไป สัตว์เล็กสัตว์น้อยพากันสงบลงมา หมอบอยู่กับพื้นและสั่นหาง…ไกลออกไป หนูที่แตกตื่นเริ่มออกจากสถานที่วุ่นวาย
ส่วนเมืองก็เริ่มสงบอีกครั้ง
ดูเหมือนจะไม่สั่นสะเทือนแล้ว
นกกระจอกตัวเล็กตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ไหล่ของโยวเย่ หลังจากส่งเสียงร้องไม่กี่คำแล้วมันก็บินจากไป แล้วโยวเย่ถึงเดินไปด้านหลังของลั่วชิว
เจ้าของสมาคมลั่วลืมตาขึ้นมา
คุณหนูสาวใช้กระซิบที่ข้างหูของลั่วชิวครู่หนึ่ง
ลั่วชิวพยักหน้า จากนั้นก็หันมองจิตวิญญาณของเส้นสายจิตวิญญาณ ก่อนยื่นมือออกไปพูดเบาๆ ว่า “มาเถอะ”