สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 4 ชิ!
“เจ้าของของฉันโกนขนขาในห้องน้ำทุกวันเลย”
“เว้ย…นั่นยังไม่เท่าไร ฉันเลวร้ายกว่าอีก รักแร้ของเจ้าของฉันเหม็นมาก แต่เธอก็ชอบกอดฉันตลอดเลย”
“ของพวกเธอยังจิ๊บๆ…เจ้าของของฉันสิชอบเอาอุปกรณ์แปลกๆ มาแหย่ในที่พักของฉัน จากนั้นก็ให้ฉันออกแรงตะปบ…”
ภายในโรงพยาบาลสัตว์ ที่นี่มีแมวกำลังนั่งรอรักษา บรรดาดวงใจของเหล่าเจ้าของทั้งหลายก็กำลังปรับทุกข์กันอยู่
แน่นอนว่าภาษาที่พวกมันใช้ปรับทุกข์นั้นเป็นภาษาสัตว์…ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นเพียงเสียงแนวหม่องๆ กับเหมียวๆ
บรรดาเจ้าของนั้นคิดว่าสัตว์เลี้ยงของตนเองมองเห็นเพื่อนมากมายจึงตื่นเต้นดีใจ…แต่ลั่วเพียนเซียนที่เป็นนางพยาบาลอยู่ที่นี่กลับฟังออก
ถ้าหากบอกลูกค้าเหล่านี้ว่าสัตว์เลี้ยงพวกเธอพูดว่าอย่างไร จะดีไหมนะ?
‘อุปกรณ์แปลกๆ คืออะไร’
ปีศาจผีเสื้อน้อยกำลังสับสนกับเรื่องนี้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นางพยาบาลลั่วเพียนเซียนก็ไม่ได้สะเพร่ากับงานของตนเอง
เพราะสามารถฟังภาษาของสัตว์เล็กๆ เหล่านี้ออก ทำให้สามารถจัดยาได้ตรงตามอาการของสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ หากเทียบกับลูกค้าชนิดอื่นในศูนย์สัตว์เลี้ยงแล้ว ก็ไม่อาจง่ายดายไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
“เพียนเชียน ด้านนอกมีคนมาหาแน่ะ” มีลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งชี้ไปที่นอกห้องรักษา
ลั่วเพียนเซียนหันมองไปก็เห็นหัวเล็กๆ เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าต่างกระจก ท่าทางดูน่าสงสาร ลั่วเพียนเซียนชะงัก ความจำของเธอดีมาก เพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายของลุงปีศาจหนู
อืม…ลูกชายคนโต ชีส
…
แต่ลั่วเพียนเซียนไม่ได้มองเห็นแค่ชีสลูกคนโตของลุงปีศาจหนูเท่านั้น ยังมองเห็นภรรยาของลุงปีศาจหนูซูเสี่ยวซูอีกด้วย
ที่ด้านนอกประตูหลังของโรงพยาบาลสัตว์ ลั่วเพียนเซียนปิดประตูแล้วพูดอย่างตกใจว่า “ไม่เห็นแล้วเหรอ?”
ปีศาจหนูเพศเมียที่ท้องค่อนข้างใหญ่พยักหน้า พูดอย่างเป็นกังวลว่า “ใช่แล้ว หลังจากเขาออกไปกลาวดึกเมื่อคืนแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยจนเช้า ฉันโทรหาเขาก็โทรไม่ติด ซูโย่วไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน…”
ผีเสื้อน้อยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เป็นไปได้ไหมที่ลุงปีศาจหนูกำลังทำงาน เลยไม่สะดวกรับโทรศัพท์”
ภรรยาของซูโย่ว ซูเสี่ยวซูพูดว่า “ฉันโทรไปบริษัททำความสะอาดที่ทำงานของเขาแล้ว เพื่อนของเขาบอกว่าวันนี้ไม่เห็นเขามาทำงาน ฉันรู้ว่าเมื่อวานนี้เขามาโรงพยาบาล เพราะไม่มีวิธีแล้วจริงๆ ถึงได้มารบกวนพวกเธอถึงที่นี่”
“อืม…เมื่อวานลุงซูโย่วมาที่นี่จริงๆ แต่ก็จากไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ยาของซ้อก็ไม่ได้เอาไปด้วย” ลั่วเพียนเซียนเอียงคอพูดอย่างไม่เข้าใจ “แต่เขาจะไปที่ไหนกัน”
“น่าจะเป็น…สถานที่แห่งนั้น” ซูเสี่ยวซูพูดด้วยความหวาดกลัว
“สถานที่อะไร”
“เอลิเซียมบาร์!” ซูเสี่ยวซูไม่ได้พูด แต่ชีสของเธอยื่นคอออกมาพูด “แม่พูดว่าเด็กไม่ควรไปสถานที่แห่งนั้น เพราะอันตรายมาก แต่มีบางครั้งที่พ่อจะแอบไปที่นั่น และพ่อก็จะโกหกแม่ด้วยว่าไปทำโอที แต่ความจริงพวกเราก็รู้หมด”
ลั่วเพียนเซียนมองไปยังซูเสี่ยวซู สีหน้าของฝ่ายหลังเคร่งขรึมขึ้นแล้วพูดว่า “ความจริงแล้วตอนเช้า ฉันให้ชีสดมหากลิ่นของพ่อเขา สุดท้ายก็หาไปถึงสถานที่แห่งนั้นแล้วกลิ่นก็หายไป สถานที่แห่งนั้น…มีเพียงท่านหลงออกหน้าเท่านั้นถึงจะคลี่คลายได้”
ผีเสื้อน้อยเบิกตากว้าง แต่ก็ยังถามอย่างไม่เข้าใจว่า “อาซ้อ เอลิเซียมบาร์คือที่ไหนกัน? ทำไมถึงดูน่ากลัวขนาดนี้?”
ปีศาจผีเสื้อน้อยเพิ่งจะถามออกไป ก็มีเสียงดังเข้ามาจากด้านหลังของเธอ “ปีศาจอ่อนแออย่างเธอก็ต้องกลัวเป็นธรรมดา”
ลั่วเพียนเซียนหันกลับไปก็พบซูจื่อจวินที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ด้านหลังของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ พูดขึ้นว่า “พี่จื่อจวินรู้เรื่องอะไรไหม”
ซูจื่อจวินพูดว่า “เจ้าของที่อยู่เบื้องหลังของเอลิเซียมบาร์นั้นเป็นปีศาจเฒ่าบำเพ็ญมาพันปีตัวหนึ่ง ร่างเดิมเป็นลิงทอง…แต่ก็เป็นแค่เรื่องที่พูดเล่ากันมาเพราะยังไม่เคยมีใครเห็นร่างเดิมของเขามาก่อน ส่วนเรื่องที่บอกว่าเป็นลิง นั่นยายเฒ่าหลงซีรั่วเป็นคนพูด”
“ปีศาจเฒ่า!” ปีศาจผีเสื้อน้อยกะพริบตาปริบๆ แสดงความตกใจ จากนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ลูบหน้าอกตนเองเบาๆ แล้วพูดว่า “ที่แท้ที่นี่ก็มีปีศาจเฒ่านอกจากพี่หลงอยู่อีก! ฉันไม่รู้เลย…”
คาดไม่ถึงว่าซูจื่อจวินจะชี้มาที่ตนเองอย่างไร้ความรู้สึกแล้วพูดว่า “ฉันก็เป็นปีศาจเฒ่าเหมือนกัน”
ลั่วเพียนเซียนเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา จากนั้นก็โค้งศีรษะลงเริ่มขอโทษ “ขอโทษด้วย พี่จื่อจวิน ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย…”
ซูจื่อจวินสบถเย็นๆ ไปหนึ่งคำ…สบถเสียงเบามาก
เธอมองไปที่ซูเสี่ยวซูแล้วพูดว่า “เธอกลับไปเถอะ หากสามีของเธอหายไปที่เอลิเซียมบาร์แล้วละก็ เมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้วเขาก็จะกลับมาเอง แต่หากไม่กลับมาเลย ก็อาจจะเลวร้ายอยู่บ้าง ไม่ต้องเปลืองแรงไปหา ไม่แน่ว่าครั้งนี้เธออาจจะต้องเริ่มเตรียมจัดงานศพ”
“แบบนี้จะดีได้อย่างไร!” ชั่วขณะนั้นซูเสี่ยวซูก็ซ่อนหน้าสะอื้น
ลั่วเพียนเซียนมองไปยังซูเสี่ยวซูที่ท้องค่อนข้างใหญ่ ทั้งยังโอบกอดชีสลูกชายของตนเองที่มึนงงไม่รู้จะทำอะไรดี แล้วก็อดใจไม่ไหว ดึงมุมเสื้อของซูจื่อจวินเบาๆ “พี่จื่อจวิน พี่ออกหน้าไปเอลิเซียมบาร์เพื่อถามสักหน่อยได้ไหม”
“ฉันจะไม่ไปที่แห่งนั้น” ซูจื่อจวินหาวแล้วก็พูดออกมา
ความคิดของผีเสื้อน้อยค่อนข้างเรียบง่าย “ทำไมเหรอ เป็นเพราะเจ้าของของที่นั่นร้ายกาจกว่าท่านงั้นหรือ?”
“น่าหัวเราะ! เพียงแค่ลิงที่ถูกประตูหนีบหัวมาตัวนั้น พบฉันก็ได้แต่คุกเข่าประจบประแจงเท่านั้น!”
“แล้วทำไมพี่ถึงไม่ไปที่นั่นละ?” ผีเสื้อน้อยยังคงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“นั่นก็เพราะว่า…เพราะว่า…ชิ!” ซูจื่อจวินสบถเสียงเย็นไปหนึ่งคำ “ไม่มีใครสั่งฉันได้!”
“ใต้เท้าท่านนี้ ขอร้องท่านละ ช่วยฉันสืบหาข่าวคราวสามีให้ที!” ซูเสี่ยวซูคุกเข่าลงไปกับพื้น เธอที่ท้องใหญ่อยู่เริ่มโขกศีรษะ “ขอร้องท่านละ ขอร้องท่านละ!”
“เธอ…เธอทำอะไร! ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมา…เอาละ เอาละ ฉันจะไปถามให้!”
ซูจื่อจวินหันหน้าไป สบถเสียงเย็นว่า “ฟังให้ดี ฉัน ฉันแค่จะไปคิดบัญชีเก่ากับลิงตัวนั้นสักหน่อย ไม่ได้เป็นเพราะสงสารเจ้าจึงช่วยเจ้า!”
แล้วซูจื่อจวินก็หันกลับไป พูดอย่างจริงจังว่า “จำเอาไว้ว่าไม่มีใคร…”
เธอยังพูดไม่จบ ลั่วเพียนเซียนก็หัวเราะแล้วต่อคำว่า “ไม่มีใครสามารถสั่งพี่จื่อจวินได้! ข้ารู้แล้ว”
เป็นคนที่ไม่มีใครหักใจโกรธได้ลงจริงๆ…ยายเฒ่าหลงซีรั่วไปเก็บปีศาจผีเสื้อน้อยตัวนี้มาจากไหนกัน?
ซูจื่อจวินลอบถอนหายใจ “ยายเฒ่าไปตายที่ไหนกันแน่?”
…
…
ไท่อินจื่อออกแรงให้ร่างกายของตนเองเหวี่ยงขึ้นมา เพื่อดึงดูดความสนใจของเจ้านายที่กำลังอ่านหนังสือ
เขย่าไปเขย่ามาจนเกิดเป็นส่วนโค้งขนาดใหญ่ใต้เพดาน
ลั่วชิวถือหนังสือ แล้วก็หยิบคุกกี้ที่สาวใช้ทำเองกับมือขึ้นมากินพร้อมถามอย่างสนใจว่า “ไท่อินจื่อ แกอยากพูดอะไรไหม”
ไท่อินจื่อพบว่าผ้าดำที่คาดบนใบหน้าของตนเองหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วก็รีบพูดว่า “นายท่าน ข้าน้อยเรียนรู้จากความผิดพลาดแล้ว…”
ทันใดนั้นก็ถูกขัดจังหวะ
ลั่วชิวขัดจังหวะ
“ครั้งนี้ก็ยังพูดแบบครั้งก่อนอีกเหรอ?” ลั่วชิวหัวเราะแล้วถามออกไป “หากไม่มีคำพูดใหม่ๆ ก็รอจนโย่วเย่อารมณ์ดีแล้วปล่อยลงมาเองก็แล้วกัน”
ปล่อยหรือไม่ปล่อยก็เป็นเพียงประโยคเดียวของท่านมิใช่เหรอ…
ไท่อินจื่อไม่กล้าพูดตรงๆ เช่นนั้นออกไป ผีเฒ่าตนนี้ไม่คิดง่ายๆ ว่าที่ตนเองถูกห้อยอยู่ตลอดก็เพราะตนเองแตะแผ่นเสียง
ที่จริงแล้วเจ้าของสมาคมใจดำมาก…เห็นได้ชัดว่าเป็นบทลงโทษนักโทษชนิดหนึ่ง
“ไท่อินจื่อ นายท่านชอบคนซื่อสัตย์ เจ้าไม่รู้เลยงั้นหรือ?” โย่วเย่พูดขึ้นในตอนนี้ “คิดจะโกหก นายรู้ไหมว่าผลลัพธ์เป็นยังไง”
ไท่อินจื่อมีเหงื่อเย็นซึม
ดูเหมือนผีเฒ่าตนนี้จะพยายามดิ้นรน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “นายท่าน คืนนี้ปล่อยข้าลงได้ไหม หากผ่านคืนนี้ไปแล้ว ข้ายินดีจะรับโทษต่อ คุณหนูโย่วเย่จะห้อยข้าจนถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น!”
“ทำไมต้องเป็นคืนนี้? นายมีเรื่องอะไรเป็นพิเศษงั้นหรือ?” ลั่วชิวเอ่ยถามอย่างสนใจ
“เรื่องนั้น…เรื่องนั้น…เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญ” ไท่อินจื่ออ้ำๆ อึ้งๆ แต่เมื่อเห็นคุณหนูสาวใช้หรี่ตาลงแล้ว ก็ตัวสั่นขึ้นมา “คือ…คืนนี้มีคอนเสิร์ตของคณะเยอรมนี หากพลาดไปแล้วก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน…”
“เป็นพวกเขางั้นหรือ ช่วงนี้ไม่ได้สนใจเลย…” ลั่วชิวครุ่นคิดแล้วพยักหน้า
ไท่อินจื่อยื่นคอออกไป พูดอย่างมีความหวังว่า “นายท่าน…”
เห็นเพียงเจ้าของสมาคมปิดหนังสือที่อยู่ในมือ ยืนขึ้นมาแล้วยิ้มบางๆ “โย่วเย่ คืนนี้พวกเราไปงานคอนเสิร์ตกันเถอะ”
ไท่อินจื่อชะงัก
ดูเหมือนมองเห็นคนแนวเดียวกัน…มองไปที่รอยยิ้มบางๆ ของเจ้าของสมาคมแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นแฟนคลับเหมือนกัน