สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 78 กลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิง
เงิน…ทำให้คนบากบั่นได้ถึงขนาดไหน?
ถึงอย่างไรก็มีนักคิดที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า เพียงกำไรตอบแทนถึงสามร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้นายทุนบ้าคลั่ง แน่นอนว่าคนงานที่ทำงานที่นี่กับนายทุนนั้นเทียบกันไม่ได้
สนามกีฬาดอกบัวบาน
ขอเพียงมีค่าล่วงเวลา ทำงานล่วงเวลาถึงดึกดื่นหลายคืนก็ไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้
หัวหน้างานที่รับผิดชอบในการสร้างเวทีมองดูภาพวาดในมือ…รู้สึกว่าโครงการค่อนข้างเร่งรีบ แม้แต่แบบพิมพ์เขียวของเวทีในมือยังเพิ่งสรุปและส่งมา
แต่เมื่อดูจำนวนคนงานมากมายที่นี่ หัวหน้างานก็รู้สึกว่าสามารถทำให้เสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนดได้
“งานเทพจริงๆ!”
เขาอดถอนหายใจไม่ได้…อย่างไรก็ตาม เพียงแค่เขาได้พบพวกคนคุ้นเคยกับบริษัทก่อสร้างชั้นกลางก็อุ่นใจแล้ว
ไม่เพียงแต่หาคนได้เต็มที่เท่านั้น แม้แต่วัตถุดิบที่หนักมากก็ใช้เฮลิคอปเตอร์ช่วยขน…นี่คือการใช้จ่ายแบบไม่สนใจต้นทุน
“กินอาหารมื้อดึกเสร็จแล้วก็ทำงาน! หนึ่งวันนับเป็นค่าแรงห้าวัน!! ทำไม่กี่วันก็เท่ากับทำเป็นเดือนแล้ว! พยายามเข้า!!”
…
สนามกีฬาดอกบัวบานมีประวัติมานานหลายสิบปี…แต่ถูกใช้งานน้อยครั้งมาก
บ่อยครั้งที่มันเป็นเพียงสถานที่เที่ยวชมเท่านั้น เพราะมันไม่ไกลจากประตูบ้านของปีศาจหนู ดังนั้นสนามกีฬาแห่งนี้จึงเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของชีส
แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นสนามเด็กเล่นของชีสเพียงผู้เดียว แต่ยังเป็นสนามเล่นของลูกหลานปีศาจต่างๆ มากมายที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้
ซึ่งส่วนมากก็เป็นปีศาจที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับชีส
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนราวผู้สนับสนุนขนาดใหญ่บริเวณขอบสนามเป็นสถานที่หลักซึ่งบรรดาปีศาจน้อยใช้เล่น แน่นอนว่าบรรดาปีศาจน้อยต้องคอยระวังไม่เปิดเผยตัวเองต่อหน้ามนุษย์
แต่หากมีวันใดวันหนึ่งมีข่าวว่าคนถ่ายภาพวัตถุที่ไม่รู้จักได้…ก็ไม่เกี่ยวกับบรรดาปีศาจน้อยเหล่านี้
เพราะถึงอย่างไรก็มักจะมี ‘คนที่มีความอดทน’ กระโดดออกมาและพยายามอธิบายสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ
แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเจอมากๆ เข้าก็ดูน่าสงสัย ดังนั้นเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหนึ่ง จึงทำให้หลงซีรั่วที่อยู่โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงนั่งไม่ติด
ส่งผลให้เกิดกฎห้ามไปถึงทุกครอบครัวปีศาจในเมือง ห้ามไม่ให้บรรดาปีศาจน้อยแอบออกมาเล่นในตอนกลางคืน
แต่โลกของปีศาจก็เหมือนโลกของมนุษย์ที่มีวัยต่อต้าน
แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่เผชิญหน้ากับหลงซีรั่วตรงๆ แต่จะแอบผู้อาวุโสในบ้านออกมาเพลิดเพลินไปกับเมืองยามค่ำคืน
ซึ่งตอนนี้เรียกว่า ‘กลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิง’
ผีถึงรู้ว่าบรรดาปีศาจน้อยเหล่านี้ผ่านอะไรมาถึงใช้ชื่อดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากกลุ่มนี้ได้ชื่อเป็นทางการแล้ว ก็ได้ใช้สนามกีฬาเป็น ‘ฐาน’ ของ ‘กลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิง’
จุยเฟิงที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนั้นเป็นไฮยีน่า
หากนับตามอายุของมนุษย์ จุยเฟิงสามารถเข้ามัธยมต้นได้แล้ว แต่เพราะพ่อแม่ของจุยเฟิงเสียไปนานแล้ว และเขาก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยง จึงใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกเพียงลำพัง
บนใบหน้าด้านซ้ายของจุยเฟิงมีรอยแผลเป็นสายหนึ่งยาวตัดตาซ้ายของเขา แต่โชคดีที่ไม่ทำให้ตาของเขาบอด
รอยแผลเป็นนี้เป็นเหมือนกับรอยแห่งเกียรติยศสำหรับจุยเฟิง ถึงแม้มันจะเป็นรอยที่เกิดขึ้นตอนเขาต่อสู้กับปีศาจพังพอนน้อยอีกตัวก็ตาม
อีกทั้งยังต่อสู้แพ้…
“ฟังนะ! พวกมนุษย์น่ารังเกียจด้านนอกเริ่มยึดพื้นที่ของพวกเราแล้ว!”
ตอนนี้จุยเฟิงเหยียบอยู่บนกล่องกระดาษมองดูสมาชิกของกลุ่มวัยรุ่น “ความอดทนของฉันถึงจุดขีดสุดแล้ว! คืนนี้ฉันจะต้องสั่งสอนพวกมนุษย์ไม่รู้จักเป็นตายเหล่านี้ ให้พวกเขาได้รู้ถึงความร้ายกาจของฉัน! พวกนายว่าดีหรือไม่!”
จุยเฟิงชูกำปั้นของตัวเองขึ้น
สมาชิกคนอื่นๆ ของกลุ่มวัยรุ่นคำรามตามอย่างเบาบาง แน่นอนว่าที่เบาบางไม่ได้เป็นเพราะสมาชิกของกลุ่มวัยรุ่นไม่กระตือรือร้น แต่เป็นเพราะมีสมาชิกค่อนข้างน้อย
สมาชิกกลุ่มวัยรุ่นหากรวมจุยเฟิงที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเข้าไปด้วยก็จะมีเพียงสี่คนเท่านั้น ส่วนคนที่ตอบสนองจุยเฟิงนั้นก็มีเพียงคนเดียว
เป็นปีศาจแมวที่อายุพอๆ กันกับจุยเฟิง
“นีนี่! ทำไมมีแค่เธอคนเดียว? เสี่ยวเจียงล่ะ?” จุยเฟิงก็ถลึงตาถาม
นีนี่ปีศาจลูกแมวที่หมอบฟังอยู่บนพื้น ยกศีรษะขึ้นมาหาว ไม่พูดไม่จาเหยียดอุ้งเท้าของเธอออกมา ปีศาจลูกแมวชอบที่จะปรากฏตัวในรูปร่างแมวมากกว่า เพราะแบบนี้จะสิ้นเปลืองพลังปีศาจน้อย
จุยเฟิงหันไปทางที่นีนี่ชี้
ภายในห้องที่เป็นฐานของกลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิง ซึ่งก็คือห้องเก็บของต่างๆ ของสนามกีฬา ข้างหน้าต่างเพียงหนึ่งบานในห้องมีเด็กหนุ่มหัวเห็ด สวมแว่นตากรอบสีดำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูกว้างเกินไปกำลังส่องกล้องโทรทรรศน์อยู่
“เสี่ยวเจียง นายกำลังมองหานักดับเพลิงที่บินได้อีกแล้วเหรอ!” จุยเฟิงคำรามเสียงดังออกมาทันที
เด็กชายตัวเล็กที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเจียงดูเหมือนจะค่อนข้างขี้ขลาด ตอนนี้เขาหันกลับมาด้วยท่าทางดูหวาดกลัว “หัวหน้า เรียกผมเหรอ!”
“ฉันพูดกี่ครั้งแล้วว่านักดับเพลิงมนุษย์จะบินได้ยังไง!” จุยเฟิงเคาะหัวของเสี่ยวเจียงอย่างรุนแรง “นี่ก็หลายเดือนแล้ว ตอนนั้นนายจะต้องตามัวดูผิดไปเองแน่!!”
เสี่ยวเจียงลูบหัวที่นูนเพราะถูกเคาะของตัวเอง…รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ฉลาดเท่าจุยเฟิง “เมื่อกี้หัวหน้าพูดว่าอะไรนะครับ? อดทนอะไรถึงขีดสุด?”
“ฉันพูดว่า!!” ทันใดนั้นจุยเฟิงก็ยื่นมือออกไปหยิกแก้มที่แต่เดิมก็บวมอยู่แล้วของเสี่ยวเจียง “ฉันจะไปทำเรื่องใหญ่แล้ว! นายรู้หรือเปล่า!!”
“อา…รู้แล้ว รู้แล้ว ปล่อยผมก่อน…”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอก ซึ่งทำให้ปีศาจน้อยทั้งสามตกใจในทันที จุยเฟิงขมวดคิ้วกระโดดขึ้นไปบนหน้าต่างและมองรอบๆ
ขณะเดียวกัน ใบหน้าหนึ่งก็โผล่จากด้านล่างมาปรากฏต่อหน้าจุยเฟิง ทำให้เขาตกใจจนตกลงมาจากหน้าต่าง
“ชีส!” “ชีส!”
แต่นีนี่กับเสี่ยวเจียงก็เรียกชื่อคนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันด้วยความดีใจ
“พวกนายอยู่ที่นี่จริงๆ!” ชีสพลิกตัวเข้ามาในห้องเก็บของและมองทุกคน “สบายดีไหม!”
พูดแล้วชีสก็ยื่นมือออกไปพยุงจุยเฟิงที่กองอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นมา “จุยเฟิง สบายดีไหม!”
ซูชีสเป็นสมาชิกคนที่สี่ของกลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิง
“ฉันคิดว่านายจะไม่มาแล้ว!” จุยเฟิงรู้สึกเหนือคาด แต่กลับดีใจมากกว่า ทว่าดีใจได้ไม่นานก็ขมวดคิ้วขึ้น “นาย…นายออกมาได้แล้วเหรอ?”
จุยเฟิง ปีศาจลูกแมวนีนี่และเสี่ยวเจียงที่เป็นสมาชิกของกลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิงล้วนแต่รู้เรื่องราวในครอบครัวของชีสดี…
ดังนั้นระยะนี้ชีสจึงไม่ออกมาปรากฏตัวอีก กลุ่มวัยรุ่นเหลือเพียงสามคนและก็พยายามไม่ไปรบกวนชีส
“นอนไม่หลับก็เลยออกมาสูดอากาศ” ชีสส่ายหน้า “ถูกพวกมนุษย์ที่เร่งทำงานกลางคืนพวกนี้รบกวนเข้าน่ะ”
แล้วจุยเฟิงก็เอ่ยขึ้นว่า “พอดีเลย! ชีส พวกเรากลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิงกำลังจะลงมือสั่งสอนมนุษย์พวกนี้อยู่พอดี! ให้พวกเขาได้รู้จักว่าพวกเรากลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิงไม่ใช่พวกไร้ชื่อไร้เสียง! นายก็มาด้วยกันเถอะ!”
ผีถึงรู้ว่ากลุ่มวัยรุ่นจุยเฟิงไปสร้างชื่อเสียงในโลกของมนุษย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ชีสก็พยักหน้าอย่างไม่คิดอะไรมาก
เขากับพวกจุยเฟิงมักจะทำเรื่องจำพวกแกล้งเล่นเป็นประจำ ไม่ใช่เพราะชอบทำเรื่องไม่ดี เพียงแต่รู้สึกว่าเมื่อได้แกล้งเล่นแล้วจะรู้สึกตื่นเต้นและน่าสนใจดี
“จะทำยังไง! จะกัดเสื้อผ้าของพวกเขาหรือว่าขโมยของของพวกเขาแล้วเอาไปซ่อนไว้ดี?”
“อืม…เสี่ยวเจียงว่าไง! นายน่าจะพอเดาได้นะ!” จุยเฟิงมองเสี่ยวเจียงและถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม…ผมว่าที่พวกเขาเร่งทำงานทั้งๆ ที่ดึกขนาดนี้คงเป็นเพราะรีบมาก” เสี่ยวเจียงขยับแว่นตาบนใบหน้า “เมื่อกี้นี้ผมลองคำนวณดูแล้ว พวกเราลองตัดสายไฟของพวกเขาให้พวกเขาทำงานไม่ได้ คงจะดีมาก!”
“ตัดสายไฟของพวกเขางั้นเหรอ” จุยเฟิงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เสี่ยวเจียง ครั้งนี้นายจะทำเรื่องใหญ่จริงๆ!”
“หัวหน้า ไม่ดีงั้นเหรอ…”
“ไม่ๆๆ!” จุยเฟิงหัวเราะ “ฉันจะไปตัดสายไปของพวกเขาเดี๋ยวนี้! ก่อเรื่อง ก่อเรื่อง!!”
ทันใดนั้นปีศาจลูกแมวนีนี่ก็ร้องเสียงแหลมขึ้น หมอบลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว “ทุกคน…ด้านนอกมีตัวอะไร!!”
มันเห็นเงาร่างสีดำขนาดใหญ่ปรากฏนอกหน้าต่าง และดูเหมือนต้องการจะเข้ามา แต่ร่างกายกลับติดอยู่ที่ขอบประตู
“ไม่ต้องกลัว มันชื่อนกหวีด! เป็นเพื่อนของฉันเอง!”