สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 89 +1
ความเจ็บปวดนี้ดูกะทันหันสำหรับเสี่ยวเจียงมาก
สิ่งที่เขาตอบสนอง…
อันดับแรกคือตกใจและมึนงง เพราะเขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้กับตัวเอง
เพราะอะไร? เขาเป็นรุ่นที่สองของปีศาจ พ่อเป็นปีศาจ แม่เป็นปีศาจ บรรพบุรุษสิบแปดรุ่นก็เป็นปีศาจ ตั้งแต่เล็กเวลาพ่อของเขาเมามักจะพูดอย่างภาคภูมิใจ พูดว่าอะไร? แน่นอนว่าพูดถึงตระกูลของพวกเรา ว่าไม่เคยตายเฉียบพลัน เพราะปีศาจในตระกูลของพวกเรานั้นอายุยืนมาก
เสี่ยวเจียงไม่เคยสงสัยในคำพูดของพ่อ ในฤดูหนาวปีก่อน ทั้งครอบครัวกลับไปบ้านเกิดเยี่ยมผู้เฒ่าผู้แก่ ปู่ของปู่เขามีใบหน้าหนุ่มแน่น ผมสีขาวสวมชุดสีแดง
ขอเพียงไม่ตายเฉียบพลัน ชีวิตของครอบครัวเราก็จะยืนยาว ดังนั้นตั้งแต่เสี่ยวเจียงรู้ความเป็นต้นมา แนวคิดนี้ก็ฝังรากลึกอยู่ในใจของเขามาตลอด แต่ตอนนี้แนวคิดนี้กลับถูกทำลายอย่างรุนแรง
เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้มากมาย อาจจะเป็นเพราะวันนี้ดวงไม่ดี อาจจะเป็นคราวเคราะห์หรืออาจจะเป็นความมุ่งร้ายจากจักรวาล…แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมนกหวีดถึงฆ่าเขา
มันเชื่องมากไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่ามันคอยหมอบอยู่ข้างกายชีสอย่างเชื่อฟังเหรอ? ครั้งก่อนมันก็ช่วยตัวเองมาจากจุยเฟิงไม่ใช่เหรอ? เมื่อกี้มัน…ไม่ได้กำลังเล่นกับฉันหรอกใช่ไหม?
ถึงแม้จะไม่ค่อยเชื่อฟัง…แต่ว่าทำไม?
ทันใดนั้นนกหวีดก็ดึงหางออกมาอย่างฉับพลัน ในที่สุดเสี่ยวเจียงก็ล้มลงกับพื้น สีหน้าซีดขาว ริมฝีปากสั่นไหวเล็กน้อย ไม่มีแรงจะพูด ทั้งรู้สึกตื่นกลัวและไม่เข้าใจไปพร้อมกัน เขาพยายามเตะขาคิดจะหนีออกไปให้ห่างจากมันที่น่ากลัวขึ้นมากะทันหัน ทันใดนั้นตรงหน้าของเสี่ยวเจียงก็มืดดำ…ในพริบตาเดียวที่นกหวีดอ้าปากรูปวงกลมขนาดใหญ่ก็มีบางอย่างมาโอบเอาตัวเขาขึ้นมา พาหลบออกไปจากการกัดกลืนของนกหวีด
“จุย…นาย…”
“อย่าเพิ่งพูด!”
เมื่อเสี่ยวเจียงรู้สึกว่าปากแผลที่ส่วนท้องมีแรงกดเข้ามา จึงพบว่าจุยเฟิงกำลังออกแรงกดแผลของเขาอย่างหนัก
ครั้งนี้นกหวีดต้องการฆ่าเขา แต่จุยเฟิงกลับช่วยเขา…เสี่ยวเจียงไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว เขาเหนื่อยมาก จึงหลับตาลง
เขาไม่ได้รู้สึกเศร้า แต่กลับรู้สึกตลกมาก
…
“เสี่ยวเจียง! เฮ้…เสี่ยวเจียง!! อย่าหลับ!! อย่าหลับๆ!”
จุยเฟิงออกแรงเขย่าตัวของเสี่ยวเจียง เขาขมวดคิ้วขึ้น ดูเหมือนจะปวดใจและตื่นตกใจมากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้เสียอีก มือของเขาเปื้อนเลือดของเสี่ยวเจียง…เขาเองก็เคยคิดว่า มือของตัวเองจะต้องเปื้อนเลือดเสี่ยวเจียงเข้าสักวัน
ในวันนั้นบนดาดฟ้า ตอนที่จุยเฟิงได้ยินคำพูดของเสี่ยวเจียง จุยเฟิงก็โมโหมากจนเกิดความคิดอย่างนั้นวาบผ่าน แต่สุดท้ายก็เพียงแค่โยนกระป๋องอาหารที่เตรียมไว้เผื่อหิวออกไปหนึ่งกระป๋อง
เพื่อช่วยเหลือเสี่ยวเจียงอย่างเร็วที่สุด…จุยเฟิงใช้แรงทั้งหมดที่มีอุ้มเสี่ยวเจียงขึ้นมา เขารู้ว่าจะไปโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงได้อย่างไร ปีศาจทั้งเมืองล้วนแต่รู้ทางไปยังที่นั่น
แต่นกหวีดกลับไม่คิดจะปล่อยจุยเฟิงจากไปเช่นนี้ เพราะมันรู้สึกหิวแล้ว หิวแล้วก็ต้องกินอาหาร ไม่หิวก็จะไม่กิน อยากกินตอนไหนก็กิน…มีตรงไหนแปลกกัน?
ความเร็วของนกหวีดนั้นเร็วกว่าจุยเฟิงเสียอีก…อาจเป็นเพราะสี่ขาของมันแข็งแกร่งและมีพลังมากกว่าจุยเฟิงหลายเท่า อีกทั้งยังมีวิธีการมากกว่าจุยเฟิง
หางเคลื่อนไหวมาตามพื้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็พันรอบขาของจุยเฟิงแล้วลากเขามากับพื้น
ร่างของเสี่ยวเจียงหลุดออกจากมือของจุยเฟิงกลิ้งไปบนพื้น เกิดรอยเลือดเป็นทาง ลมหายใจร่อแร่…ถ้าหากไม่ใช่ปีศาจแต่เป็นคน หากได้รับบาดเจ็บเช่นนี้คงตายไปแล้ว
จุยเฟิงไม่สามารถใส่ใจอะไรได้มากแล้ว ประสบการณ์การต่อสู้ของเขานั้นเรียนจากการถูกตีมาทีละน้อย ถึงแม้จะไม่เคยจัดระเบียบอย่างเป็นระบบ แต่ก็มีบางวิธีที่มีประโยชน์ในการแก้ปัญหา ซึ่งก็ต้องแลกมากับความเจ็บปวดทางร่างกาย
ปีศาจที่เติบโตขึ้นมาอย่างเร่ร่อนนั้นไม่กลัวการต่อสู้ โดยเฉพาะกลยุทธเอาตัวรอดเขาก็ยิ่งคุ้นมือ จุยเฟิงรีบคว้าทรายขึ้นมาจากพื้น สาดใส่ดวงตาของนกหวีดโดยไม่คิดอะไรมาก ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนสองมือให้กลายเป็นกรงเล็บหมาป่า ไม่คว้าแต่ฟาดออกไป!
ทันใดนั้นกรงเล็บแหลมคมก็แทงตรงเข้าไปในข้อต่อหางของนกหวีด พริบตาเดียวก็แทงเข้าไปในส่วนที่อ่อนที่สุดในหางของมัน นกหวีดรู้สึกเจ็บจึงหดหางกลับไปโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็หลบทรายที่ถูกสาดออกมาด้วย
จุยเฟิงคลานลุกขึ้นมา รีบครุ่นคิดว่าควรจะสั่งสอนเจ้าตัวประหลาดนี้ดีหรือจะพาเสี่ยวเจียงไปก่อนดี…เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องสนใจความเป็นความตายของเสี่ยวเจียงด้วย
คนแบบนี้ตายไปก็จะดีกว่าไม่ใช่เหรอ?
“นายชื่อนกหวีดใช่ไหม? คิดไม่ถึงว่านาย…”
เขายังพูดไม่จบ
ก็ได้ยินเสียงของชีสดังขึ้นในทันใด “จุยเฟิง! นายมาทำอะไร…อยู่ที่นี่?” ชีสที่ถืออาหารไว้ในมือเพิ่งคลานออกมาจากหลุมมองดูฉากตรงหน้า กระป๋องเนื้อสดที่เขาอุ้มอยู่ในมือหล่นกระจายลงมาในพริบตา
ทันใดนั้นชีสก็วิ่งเข้าไปข้างกายเสี่ยวเจียงอย่างรวดเร็ว มองดูรอยเลือดอันน่ากลัว ดวงตาที่หลับอยู่และใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดบนตัวของเขา…
“ชีส ระวัง! ตัวประหลาดที่นายเลี้ยงเอาไว้บ้าแล้ว! เสี่ยวเจียงถูกมันทำร้าย!” จุยเฟิงตะคอกออกมา
ชีสตกใจมองไปยังนกหวีดที่ยืนอยู่อีกข้างทันที เห็นเพียงชีสกำลังมองตัวเองนิ่งๆ ด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
ชีสมองไปทางจุยเฟิงอีกครั้ง มองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยไอสังหารของจุยเฟิง มองสองมือที่กลายเป็นมือสัตว์ มองตัวและเสื้อผ้าของเขาที่เปื้อนเลือด “จุยเฟิง ตัวนาย…”
“นาย…เมื่อกี้ฉันเปื้อนเลือดตอนช่วยเสี่ยวเจียง!” จุยเฟิงขมวดคิ้ว “นายไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ? กลับไปเชื่อ…สัตว์ประหลาดตัวนั้น?”
“นกหวีดไม่ใช่สัตว์ประหลาด!” สีหน้าของชีสเคร่งขรึมขึ้น “ส่วนนาย ครั้งก่อนก็คิดจะจัดการเสี่ยวเจียง ต้องการชีวิตเขา…”
“ดี!”
ทันใดนั้นจุยเฟิงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา กระโดดลอยตัวขึ้นข้ามกำแพงของพื้นที่ว่าง มีเพียงเสียงที่ลอยกลับมาว่า “เรื่องของพวกนายไม่เกี่ยวกับฉัน!”
ชีสสูญเสียร่องรอยของจุยเฟิงในพริบตา มีเพียงนกหวีดที่บินมาข้างกายเขาอย่างรวดเร็วและก้มหัวลงมาหาตัวเอง
ชีสลูบหัวของนกหวีดโดยไม่รู้ตัว “นายช่วยเสี่ยวเจียงมาจากมือของจุยเฟิงใช่ไหม…”
“พรึบ” นกหวีดหดหางของตัวเองกลับมาอย่างไร้ซุ่มไร้เสียง ปิดข้อต่อที่มีบาดแผล
ชีสเร่งรีบขึ้นมาทันที “นกหวีด นายรอฉันอยู่ที่นี่…ไม่ นายไปซ่อนตัวที่ท่อระบายน้ำก่อน! ฉันจะพาเสี่ยวเจียงไปรักษาด่วน!”
พูดแล้วชีสก็อุ้มเสี่ยวเจียงขึ้นมาและจากไปทางท่อระบายน้ำ…สำหรับเขาแล้วเส้นทางใต้เมืองนั้นเดินทางได้ง่ายกว่า
…
…
เห็นผี!
หลงซีรั่วฉีกหนังสือโบราณในมือ…หนังสือโบราณเล่มนี้หากอยู่ข้างนอกคงมีค่าไม่น้อย แม้จะวางอยู่ในโลกของนักพรตแห่งแผ่นดินเทพก็ยังเป็นของหายาก แต่ตอนนี้กลับถูกฉีกออกเป็นสองส่วน
บนพื้นเต็มไปด้วยหนังสือที่มีชะตากรรมเดียวกัน เพียงเพราะพวกมันไม่สามารถให้สิ่งที่มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพต้องการได้ ซึ่งก็คือการทำให้ตัวเองฟื้นกลับคืนเหมือนเดิม
ที่จริงเวลาก็ผ่านไปไม่นาน แต่สำหรับหลงซีรั่วแล้ว แม้จะเป็นวินาทีเดียวก็อึดอัด…ภายในห้องลับใต้ดินของศูนย์สัตว์เลี้ยง ตั้งแต่ที่มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพกลับมาปิดโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ถอดชุดกระโปรงเมดบนตัวออก ทันใดนั้นด้านบนก็มีเสียงตบประตูทำให้หลงซีรั่วขมวดคิ้ว ค่ำขนาดนี้แล้วใครมาหาเธอกัน…ในตอนนี้สภาพของเธอกลายเป็นแบบนี้ทั้งยังไม่มีพลังปีศาจ การฟังก็ไม่ต่างจากคนธรรมดา สำหรับเธอแล้วเรื่องทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำให้เธอไม่สะดวก
เธอหงุดหงิดยิ่งขึ้นแต่ก็ยังวิ่งขึ้นไป เมื่อเธอมาถึงหลังประตูก็เขย่งเท้าเพื่อให้ถึงช่องส่องบนประตู
“ใต้เท้าหลง อยู่ไหมครับ? ใต้เท้าหลง! ใต้เท้าหลง! อยู่ไหมครับ? ขอร้อง ท่านช่วยเสี่ยวเจียงด้วย เขาใกล้จะตายแล้ว! ใต้เท้าหลง!”
น่าตายนัก…กลับมาเลือกเป็นในเวลานี้!
เมื่อมองผ่านช่องมองของประตูออกไปด้านนอก เธอมองเห็นชีสที่มีสีหน้าร้อนใจและเสี่ยวเจียงที่ถูกชีสอุ้มอยู่…มองดูรอยเลือดบนตัวของเสี่ยวเจียงแล้วหลงซีรั่วก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ใต้เท้าหลง! ใต้เท้าหลง! ท่านไม่อยู่จริงๆ งั้นเหรอ?” ชีสออกแรงตบที่ประตูอีกครั้ง
แต่เพิ่งจะตบลงไปสองครั้ง ประตูก็ถูกเขาผลักเปิดออก ชีสมีสีหน้าดีใจ เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ใต้เท้าหลง ท่านยังอยู่!”
ประตูเปิดออกแต่ด้านในกลับมืดเพราะไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงเสียงแหบพร่าดังเข้ามาว่า “นายพาเขาเข้ามา แต่จำไว้ว่าห้ามเปิดไฟเด็ดขาด! ไม่งั้นฉันจะไม่ช่วยใครทั้งนั้น!”
“ครับ! ครับ…” ชีสไม่ได้สนใจอะไรมาก รีบพาเสี่ยวเจียงเข้าไปทางประตูหลัง
ซูเสี่ยวซูตั้งครรภ์บ่อยครั้ง เขาจึงมาที่นี่เป็นเพื่อนแม่อยู่บ่อยๆ ดังนั้นถึงจะปิดไฟก็ไม่เป็นอุปสรรคอะไรมาก
“ใต้เท้าหลง ทำไมเสียงของท่าน…”
“ฉัน…ฉันไม่ค่อยสบาย อย่าถามมาก แค่กๆ! พาเสี่ยวเจียงไปห้องผ่าตัดก่อน! อย่านิ่งเฉย! รีบไป!”
เมื่อได้ยินเสียงที่ดูคล้ายกำลังโมโหแล้ว ชีสก็เร่งรีบคลำเส้นทางท่ามกลางความมืด แล้วพาเสี่ยวเจียงเข้าไปในห้องผ่าตัด จากนั้นก็เดินออกจากห้องผ่าตัดตามคำสั่งของหลงซีรั่ว
ทันใดนั้นประตูห้องผ่าตัดก็ปิดลง แต่แสงสว่างจากไฟด้านในยังคงรอดผ่านช่องประตูออกมาให้ได้เห็น
ตอนนี้ชีสถอนหายใจอย่างโล่งอก…เมื่อส่งถึงมือใต้เท้าหลงแล้ว ชีวิตของเสี่ยวเจียงคงจะปลอดภัย
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้หลงซีรั่วถึงดูแปลกๆ…ไม่ค่อยสบายงั้นเหรอ? มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพป่วยได้ด้วยเหรอ?
“คงจะไม่ใช่…เรื่องประจำเดือนหรอกนะ?” ชีสที่ถึงหนุ่มแต่กลับแก่แดดคิดถึงช่วงเวลาไม่กี่วันในทุกๆ เดือนที่แม่ของเขาไม่ได้ตั้งครรภ์ขึ้นมา
ผีถึงรู้ว่าภายในห้องผ่าตัดหลงซีรั่วต้องรีบย้ายเก้าอี้มาถึงจะเอื้อมได้ถึง และหากเธอรับรู้ถึงความคิดของชีสในตอนนี้จะรู้สึกอย่างไรกัน
ตอนนี้เธอรู้สึกลำบากใจ
มังกรแท้จริงแห่งแผ่นดินเทพไม่มีพลัง วิธีรักษาปีศาจที่มีมากมายล้วนแล้วแต่ไม่สามารถใช้ได้ ทำให้ต้องอาศัยเพียงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้น…
“น่าตายนัก อย่าสั่นสิ!”
เธอรู้สึกโศกเศร้าเมื่อพบว่าแขนที่ถือเข็มฉีดยาจะฉีดยาอะดรีนาลีนให้เสี่ยวเจียงเกิดสั่นขึ้นมา…