สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 13-2 ชั่วชีวิตนี้จะไม่
ฉันเริ่มเข้าเรียนกับเซวียเซ่า เรียนพิเศษด้วยกัน เลิกเรียนด้วยกัน
เจ้าดื้อคนนี้ ตั้งนานแล้วยังไม่กล้าจูงมือฉันอีก ใจกล้าหน่อยสิ หรือยังจะต้องให้ฉันเริ่มก่อน
ฉัน…ฉันต้องเริ่มก่อนจริงๆ
โอ๊ย อยากตายจริงๆ…ฉันเริ่มก่อน
…
พวกเราจูงมือเดินทุกวัน พวกเรากินอาหารที่แผงขายอาหารทุกแผงด้วยกัน ดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน แอบหนีไปเล่นเกมด้วยกัน
ทำทุกอย่างด้วยกัน
จากนั้นนายก็ทิ้งป้ายของพรอันที่สองไว้บนตัวของฉัน นายบอกว่า จะอยู่กับสวี่เจียอี้ตลอดไป
สวี่เจียอี้…ไม่ใช่ฉัน
ฉันก็คิดว่าจะอยู่กับนายตลอดไป
ตลอดไป
แต่ว่า…นายไม่รู้ว่าฉันไม่ใช่เธอ
ปวดจริงๆ ปวดมาก ปวดมากเลย…
ฉันเริ่มรู้สึกเสียใจแล้วจริงๆ ความรู้สึกนี้…ความรู้สึกแบบนี้ ฉันไม่ต้องการ ไม่ต้องการ ฉันไม่ต้องการจริงๆ
แต่ว่า
ขอเพียงแค่นายมีความสุขก็พอ…
…
มีอยู่วันหนึ่ง เซวียเซ่าเพิ่งไปฉันก็ล้มลง
ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน…ฉันใช้เรี่ยวแรงจนหมดถึงปีนขึ้นไปบนตัวของตัวเองได้ รู้สึกทรมาน รู้สึกเหมือนจะระเบิด
ฉันยังไม่ทันพูดอะไรก็สลบไป
หลังจากตื่นขึ้นมา ฉันมองเห็นใต้เท้าหลงขมวดคิ้ว ถอนหายใจมองฉัน ‘ฉันไม่ควรยอมตกลงช่วยเธอจริงๆ สวี่ซิน เธอรู้ไหม เธอควรหยุดได้แล้ว กลับไปร่างเดิมของเธอแล้วบำเพ็ญเพียรซะ เธอรู้ไหมว่าความรักของมนุษย์สำหรับเธอแล้วเป็นเหมือนเคราะห์ อีกทั้งยังเป็นเคราะห์ที่แก้ยากที่สุดอีกด้วย…ถ้าเธอยังทำต่อไป เธอที่เป็นจิตวิญญาณต้นไม้จะไม่มีวันที่ได้เปลี่ยนรูป…ขอเพียงเธอตัดเคราะห์ความรักนี้ซะถึงจะบำเพ็ญเพียรขั้นต่อไปได้’
‘ฉันไม่ยอม’
‘ไม่สนว่าเธอจะยอมหรือไม่ยอม ฉันทำผิด ฉันจะไม่ยอมให้มันผิดต่อไป…ความทรงจำของมนุษย์คนนั้นจะฟื้นฟูและจะลบร่องรอยในโลกมนุษย์ของเธอทั้งหมด’
‘ใต้เท้าหลงอยากเห็นฉันฆ่าตัวตายอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ’
‘เธอกำลังขู่ฉันงั้นเหรอ’
ฉันรู้ว่าเธอโมโหมาก อีกทั้งพลังมหาศาลนั้นก็กดทับฉันจนหายใจไม่ออก
ฉันร้องไห้และพูดว่า ‘ฉันจะทำจริงๆ’
เธอไล่ฉันออกไปและไม่พูดกับฉันอีก…ฉันมองออกว่าเธอผิดหวังกับฉันมาก แต่ฉันรู้ว่าเธอจะไม่สนใจแล้ว
ส่วนที่ฉันคิดในตอนนี้ก็คือใกล้จะถึงวันเกิดของเซวียเซ่าแล้ว ฉันควรจะมอบของอะไรให้เขา
…
ใต้เท้าหลงพูดถูก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ร่างกายของฉันอ่อนแอลงทุกวัน เหมือนมีอะไรภายในร่างกายของฉันกำลังดูดกลืนพลังของฉัน พลังชีวิตของฉัน…
ฉันค่อยๆ รับรู้ว่ามันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และกลืนฉันไปทั้งหมดและฉันก็จะหายไป…จากนั้นสิ่งที่ไม่ดีก็จะปรากฏขึ้น
ฉันกลัวมาก
ไม่มีสักวันที่ฉันสามารถหยุดพักผ่อนได้เลย…ฉันอ่อนแอลงเรื่อยๆ
…
วันนี้…วันนี้ ฉันทำอะไร
ฉันกลัวจนร่างกายสั่น กลัว…ร่างกายสั่นสะท้าน
ฉัน…ฉันกลับฉวยโอกาสตอนที่เซวียเซ่าหลับบีบคอของเขา ฉันไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร แต่ฉันรู้ว่าการกระทำนี้ของฉัน…กำลังจะฆ่าเขา
เป็นของสิ่งนั้น
เป็นของสิ่งนั้น
เป็นสัญชาตญาณของฉัน…สัญชาตญาณของฉันไม่ยอมให้ฉันถูกมันกลืนกิน สัญชาตญาณสั่งให้ฉันฆ่า…ฆ่าเซวียเซ่า และทำให้มันหายไป
สัญชาตญาณของฉัน…
ฉันกลัวจริงๆ…เซวียเซ่า…ฉันกลัวจริงๆ
เพราะฉันเองก็รู้ว่าหากมันโตจนถึงรากแล้วจะไม่มีทางกำจัดออก…สัญชาตญาณกำลังต่อต้านความตาย
แต่ฉัน…แต่ฉันทำอย่างนี้ได้ยังไง
…
ถ้าหาก…ถ้าหากให้ฉันถูกกลืนไปแบบนี้จนลืมนาย ฉันยอม…ยอมตายดีกว่า
ฉันควักเอาหัวใจต้นไม้ของตนเองออกมา
สิ่งนี้บรรจุพลังทั้งหมดของฉัน เป็นของที่ฉันพึ่งพิงเพื่อดำรงชีวิตอยู่ หากเป็นแบบนั้น แม้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะกลืนกินฉันก็เอามันไปไม่ได้
เมื่อฉันตาย…มันก็จะตายไปกับฉัน
ฉันทำให้หัวใจต้นไม้เป็นรูปจันทร์เสี้ยวอันหนึ่งและมอบให้เขา…มนุษย์คนเดียวที่ฉันเคยรัก
…
ฉันจะฝืนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันพยายามฝืนทนอยู่เป็นเพื่อนเขาหนึ่งวันก่อนที่ตนเองจะหายไป
ฉันบอกเขาว่าฉันจะสอบมหาวิทยาลัยที่ดีมากแห่งหนึ่ง ฉันอยากให้เขาขยันเรียนและสอบติดมหาวิทยาลัยแห่งนั้นด้วย…ฉันหวังว่าเขาจะมีอนาคตที่ดี
ฉันฝืนจนกระทั่งถึงหลังวันที่พวกมนุษย์สอบเอ็นทรานซ์เสร็จ
แต่ฉันไม่อาจฝืนทนต่อไปได้อีกแล้ว
ฉันค่อยๆ ละลายเข้าไปในร่างกายของฉัน สติของฉันไม่สามารถออกจากร่างกายของฉันได้อีก ฉันค่อยๆ มองอะไรไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรอีก
มีบางครั้งที่ฉันตื่น มีบางครั้งที่ฉันหลับ ไม่รู้ว่าครั้งหน้าตอนที่ฉันตื่นนั้นจะเป็นเมื่อไหร่
ทุกครั้งตอนที่นายเดินผ่าน ฉันจะต้องลืมตาให้ได้…แม้ว่าจะเป็นเพียงแวบเดียวที่จะได้เห็นนายอีกครั้งก็ตาม
ฉันรู้ว่านายสอบติดแล้ว
ฉันรู้…
ฉันรู้หมด…
ฉันรู้หมด…
ฉันรู้…หมด
…
‘เธอจะทรมานอย่างนี้ไปทำไม’
สุดท้ายฉันได้ยินเสียงของใต้เท้าหลง เธอน่าจะอยู่ข้างกายของฉัน
‘ควักหัวใจต้นไม้ของตัวเอง ทำให้ต่อไปเธอไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้อีกแล้ว สติของเธอก็จะค่อยๆ กระจายหายไป สุดท้ายก็จะกลายเป็นต้นไม้ธรรมดาต้นหนึ่งเท่านั้น…ผ่านอีกไม่กี่ปี เธอก็จะลืมแม้กระทั่งตัวเองคือใคร’
ฉันพูดว่า ฉันชื่อสวี่ซิน…ผู้ที่มอบหัวใจให้เขา…สวี่ซิน
ใต้เท้าหลงยืนอยู่ตรงหน้าฉันอยู่นาน สุดท้ายแล้วเธอก็ถอนหายใจ พูดกับฉันเบาๆ ว่า “ฉันจะไม่ลบความทรงจำหลายเดือนนี้ของมนุษย์คนนั้น ฉันจะจัดการเรื่องที่เธอจะหายไปให้ดี…ถือว่ามอบความฝันความฝันหนึ่งให้กับมนุษย์คนนั้นก็แล้วกัน”
‘ขอบคุณมาก ใต้เท้าหลง…’
‘เด็กโง่’
ในที่สุด…ฉันก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลยและก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย
ฉันไม่รู้ว่าเขามีชีวิตที่ดีไหม ไม่รู้ว่าหลังเขารู้ว่า ‘สวี่เจียอี้’ คนนี้จากไปแล้วจะมาพูดกับรูต้นไม้ของฉันอีกหรือเปล่า
ฉันไม่รู้อะไรเลย
รอบกายเปลี่ยนเป็นเงียบมาก เงียบ…หนักจัง…หนักมากเลย
มีอะไรบางอย่างมัดฉันเอาไว้ ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถไปจากสถานที่ที่มืดมิดแห่งนี้ได้อีกแล้ว
เซวียเซ่า นายสบายดีไหม…
ต่อมา พบเจอเด็กสาวที่ชอบหรือปล่า…
เซวียเซ่า…อยากเจอนายอีกครั้งจังเลย
…
…
ทันใดนั้นก็มีอยู่วันหนึ่ง ฉันตื่นขึ้นมา สามารถมองเห็นและก็ได้ยินอีกครั้ง ความรู้สึกอบอุ่นชนิดหนึ่งตกอยู่บนตัวของฉัน
คืนวันนั้น ฉันมองเห็นแสงสีงดงามมากวาบผ่านอยู่กลางอากาศ เหมือนดอกไม้ไฟ แสงดาวเหล่านั้นค่อยๆ ตกลงบนตัวฉันทำให้ฉันฟื้นฟูพลังได้เล็กน้อย
ฉันแปลกใจที่ตนเองยังสามารถฟื้นตื่นขึ้นมาได้อีกครั้งและไม่ได้ลืมเรื่องเมื่อก่อน…แต่ฉันไม่สามารถออกไปจากที่นี่ไกลเกินไปได้…สามารถไปได้เพียงสองสามร้อยเมตรเท่านั้น ทั้งยังเหนื่อยมากเหมือนกับเมื่อก่อน
ฉันยังอ่อนแออยู่…แสงดาวเหล่านั้นให้พลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
รอบด้านเปลี่ยนไปมาก…ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
เซวียเซ่า…คงโตแล้ว หรือว่าแก่แล้ว
ฉันหลับไปนานแค่ไหน หลับแล้วตื่น ตื่นแล้วก็หลับอีก แบบนั้นทำให้ฉันถ่วงเวลาไปได้อีกหน่อย
…
‘เซวียเซ่า’
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินชื่อนี้จากปากของผู้หญิงคนหนึ่ง มันปลุกฉันให้ตื่น ชื่อนี้ปลุกฉันให้ตื่นขึ้น
ฉันลืมตาขึ้นมาและก็มองเห็นเขา
เติบโตขึ้นมาจริงๆ แต่ฉันก็จำเขาได้ในแวบเดียวที่มองเห็น…เจ้าเด็กดื้ออ้วนขึ้นตั้งเยอะเลย
…
ฉันรู้ว่าผ่านไปสิบเอ็ดปีแล้ว
ฉันรู้ว่านายใกล้จะแต่งงานแล้ว อีกทั้งยังซื้อชุดแต่งงานและถ่ายรูปอยู่ฝั่งตรงข้ามอีก
โธ่ นายเดินมาอีกหน่อยสิ ผ้าม่านบังแล้ว ฉันมองไม่เห็นเลย
นายหัวเราะอย่างมีความสุข…นายจูงมือผู้หญิงคนนั้น จะต้องชอบมากใช่ไหม
รู้สึกอิจฉานิดหน่อย
แต่ว่า…ได้พบนายอีกครั้งนั้นดีจริงๆ
อยาก อยากจูงมือนายอีกสักครั้งจริงๆ…
อยากมาก
…
แต่ฉันก็พบว่าที่จริงแล้วฉันมองดูเขาแบบนี้ก็ดี
ฉันตื่นขึ้นแล้วก็เอาแต่จ้องร้านขายชุดแต่งงานฝั่งตรงกันข้าม รอให้เขาปรากฏตัวออกมา…แต่คงไม่ได้บ่อยมากสินะ
ฉันคิดว่าพลังที่แสงดาวให้ฉันใกล้จะหมดแล้ว…ใกล้จะต้องกลับไปสถานที่มืดทึบนั่นอีกแล้ว
และคงจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
แต่ก็ต้องขอบคุณมัน…ที่ทำให้ฉันสามารถมองเห็นได้อีกครั้ง
…
‘คุณสวี่ซิน คุณยินดีออกมาสักหน่อยไหม’
ฉันหลับลึกไปหลายวันแล้ว อยู่ดีๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังมาถึงฉัน…ฉันมีแรงที่จะลืมตาได้อีกครั้ง จากนั้นก็มองเห็นคนสวมหน้ากากคนหนึ่ง
เขาถามฉันว่าต้องการไปพบเซวียเซ่าและให้เซวียเซ่ามองเห็นฉันอีกครั้งไหม ทั้งยังอธิบายเหตุผลให้ฉันฟัง
ฉันตกลง
ดูเหมือนฉันจะตกลงโดยที่ไม่ได้หยุดคิดเลย
เซวียเซ่า…นี่เป็นคำขอสุดท้ายของนาย ฉันจะไม่ตกลงได้ยังไง ฉันจะทนเห็นนายกังวลเกี่ยวกับอดีตอยู่อย่างนี้ได้ยังไง…ฉันต้องการมอบอนาคตที่มีความสุขให้นาย
ฉันจะต้องทำให้ได้
ครั้งสุดท้ายที่จะสามารถทำอะไรให้นายได้…ทันใดนั้นก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา
ดังนั้นฉันจะใช้สถานะของสวี่เจียอี้ไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านายอีกครั้ง…สุดท้ายฉันจะช่วยนายแก้ไขความฝันเมื่อสิบเอ็ดปีก่อน ดีไหม
เจ้าเด็กดื้อ
ฉัน…ฉันสามารถ…ทำได้อีกสักครั้ง
เกลียดนัก ฉันร้องไห้อีกแล้ว
…
พวกเรามีวันหยุดเล็กๆ ที่แสนงดงามครั้งหนึ่ง
เด็กดื้อ…กลับพูดว่าจะแนะนำภรรยาของนายให้ฉันรู้จัก อยากจะให้ฉันร้องไห้ให้นายดูเดี๋ยวนี้งั้นเหรอ
แต่เห็นแก่ที่นายเป็นฝ่ายเริ่มจูงมือฉันก่อนในครั้งนี้ ฉันให้อภัยนายแล้ว
เซวียเซ่า…ครั้งนี้นายปล่อยวางหรือยัง
ฉันรู้ว่านายโตแล้ว ไม่ใช่เจ้าเด็กจอมดื้อเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
สุดท้ายของสุดท้าย ฉันไม่กล่าวลาดีกว่า…ใครให้นายใช้หัวใจต้นไม้ที่ฉันให้นายไปจนหมดล่ะ
ใครใช้ให้ฉัน…ใครใช้ให้ฉันไม่กล้าพูดคำว่าลาก่อนเองล่ะ