สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด - บทที่ 15 หงส์ไม้
นีโรยังไม่ทันได้ลองค็อกเทลที่เจ้าของสมาคมปรุงเอง เธอก็ต้องการเบียร์แก้วใหญ่อีกแก้วแล้ว
เธอกินเนื้อย่างที่คุณหนูสาวใช้ยกออกมาอย่างเอร็ดอร่อย “อืม ที่แท้ก็เกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้…มิน่าคุกถึงสูญเสียความทรงจำ ที่แท้เซียงหลิ่วก็แอบวางแผนการร้ายนี่เอง อืม…แบบนี้ฉันก็สามารถเขียนรายงานที่สมบูรณ์ได้แล้ว”
พูดแล้วนีโรก็โยนวิญญาณที่อับแสงดวงหนึ่งออกมาจากถุงเล็กบรรจุวิญญาณของตนเอง “สามารถระบุตำแหน่งโพรมีธีอุสตัวนี้ให้ฉันได้นานแค่ไหน”
ลั่วชิวจับดวงวิญญาณและพูดว่า “สามเดือน”
พูดแล้วลั่วชิวก็แบมือออก แผ่นกลมเล็กขนาดเท่ากับกล่องแป้งตลับแต่งหน้าปรากฏขึ้นตรงหน้าของนีโร “ภายในสามเดือน ของสิ่งนี้จะช่วยคุณตามหาตำแหน่งมันได้ตลอดเวลา”
นีโรคีบเนื้อย่างเข้าไปในปากอีกชิ้น นี่เป็นชิ้นสุดท้าย จากนั้นนีโรก็รับเอาแผ่นกลมมาเก็บไว้อย่างไม่ลังเลและเรอออกมา “อา…อิ่มจัง ขอบคุณที่ดูแล”
เธอยืนและชูสองมือขึ้น ยืดเอวอย่างเกียจคร้าน ทันใดนั้นก็หรี่ตาพูดว่า “ใช่แล้วเจ้าของสมาคม ถามนายเรื่องหนึ่งสิ ดาบยามะของฉันเล่มนี้ ฉันใช้ได้เพียงรูปแบบที่สองของมันเท่านั้น…นายว่าทำยังไงถึงจะสามารถใช้รูปแบบที่สามที่เป็นขั้นสุดท้ายของมันได้ นายรู้ใช่ไหม”
“คุณลูกค้า คำถามนี้ต้องเก็บค่าใช้จ่าย” เจ้าของสมาคมเอ่ย
“ขี้เหนียว” นีโรพูด
เจ้าของสมาคมยิ้มไม่พูดจา แต่เพราะใส่หน้ากาก นีโรจึงมองไม่เห็น
แต่เธอเป็นคนง่ายๆ อย่างน้อยตอนนี้ก็ดูเป็นแบบนั้น เธอหยักไหล่ “พูดแล้วฉันก็ถือเป็นลูกค้าประจำไม่ใช่เหรอ ทำการแลกเปลี่ยนครั้งหน้ามีส่วนลดไหม”
เจ้าของสมาคมชี้ไปบนโต๊ะ ตรงหน้าของนีโรมีการ์ดสีดำใบหนึ่งที่มีขีดสีทองสี่เส้น
นีโรรับมาจากนั้นก็แตะมือที่ริมฝีปากส่งจูบลอยไปให้เจ้าของสมาคมลั่ว “ดีจริงๆ เจอกันไหมนะ”
“รอก่อนคุณลูกค้า” เจ้าของสมาคมลั่วร้องเรียกนีโรไว้ เขาพยักหน้าไปหาโย่วเย่ในขณะที่นีโรรู้สึกแปลกใจ
คุณหนูสาวใช้หันออกจากห้องโถง อีกไม่นาน เธอก็ถือถาดใบหนึ่งโผล่ออกมา
โยวเย่เปิดผ้าบนถาด ในนี้มีกล่องไม้แกะสลักลวดลายขนาดประมาณฝ่ามือ สูงประมาณสามเซนติเมตร
“ให้ฉันงั้นเหรอ” นีโรขมวดคิ้ว “นี่คืออะไร”
ลั่วชิวพูดว่า “ถุงที่คุณลูกค้าใช้ใส่ดวงวิญญาณนั้นหยาบเกินไป ใช้อันนี้เถอะ ประณีตและเก็บไว้ได้นานหน่อย”
นีโรชะงัก ยื่นมือออกไปรับกล่องและถามไปว่า “ต้องการเท่าไหร่”
“ไม่ต้อง” คิดไม่ถึงว่าเจ้าของสมาคมจะพูดว่า “ให้คุณลูกค้ายืมใช้จนกว่าคุณจะหมดอายุขัย มันถึงจะกลับมาหาพวกเรา และแน่นอนว่าหากคุณลูกค้าจะปฏิเสธก็ได้”
นีโรเอาดวงวิญญาณที่เหลือในถุงใส่ลงไปในกล่องจากนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “ติ๊ง ยินดีกับผู้เล่นนีโรที่ได้รับอุปกรณ์จากเจ้าของร้าน GET(ได้รับ) กล่องใส่ดวงวิญญาณ แบบนี้ใช่ไหม”
“พบกันใหม่ครั้งหน้า”
…
…
ตามข้อตกลงจากการแลกเปลี่ยนที่คุกไม่รู้เรื่อง ทำให้ในระยะหลายอาทิตย์นี้เขาจะไม่สามารถรื้อฟื้นความทรงจำได้
ถึงช่วงนี้จะไม่มีความรู้สึกว่าคิดเรื่องต่างๆ ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังดูสับสน แต่คุกก็ไม่ได้เปลี่ยนการดำเนินชีวิตของตนเอง
เขาใช้เวลาส่วนมากนั่งนิ่งอยู่ในห้อง สามารถนั่งได้เป็นวันเหมือนตัวเขาเองก็เป็นฝุ่นเม็ดหนึ่งในห้องแห่งนี้
มีเพียงตอนที่เสี่ยวจือในร้านขายเต้าหู้เบื่อแล้วมาเคาะประตูเท่านั้น ภายในห้องถึงจะมีเสียง
ถึงจะยังคิดถึงสถานะและที่มาของตนเองไม่ออก แต่วิธีการจัดการกับเรื่องราวต่างๆ ก็ยังเป็นไปตามสัญชาตญาณ เขาสัมผัสได้ว่าซานเอ๋อร์กำลังหลบหน้าเขา
ในเมื่อหลบ เช่นนั้นก็พยายามไม่ไปใกล้ชิด…เขากำลังครุ่นคิดว่าตนเองจะได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ในไม่ช้า นับตั้งแต่ที่ได้พบกับผู้หญิงแปลกประหลาดผมขาวคนนั้น เขาก็มีความรู้สึกแบบนี้
เวลาที่เขาต้องไปนั้นใกล้มาถึงแล้ว
“ลุงมาร์ค วันนี้จะเล่าเรื่องอะไรให้หนูฟัง” เด็กน้อยคนนี้คุ้นเคยจนไม่ระมัดระวังตัว เดินเข้ามากอดแขนคุกและเขย่า
คุกลูบหัวเสี่ยวจือโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นว่า หากเขาจากไปแล้ว เสี่ยวจือจะเสียใจมากหรือไม่
พูดตามหลักเหตุผลแล้ว เขาไม่ควรคิดถึงเรื่องแบบนี้ เขาพยายามเตือนสติของตนเองตลอดเวลา
“วันนี้ไม่เล่านิทานแล้ว” คุกพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เธอไปหาไม้ชิ้นหนึ่งมาให้ฉัน”
เขาทำขนาดมือให้ดู เสี่ยวจือดูดนิ้วมือ ดวงตากลมโตมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ขยับสองขาอวบอ้วนวิ่งออกไป
ผ่านไปไม่นาน เสี่ยวจือก็กอดท่อนไม้กลมยาวสิบเซนติเมตรและเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสิบเซนติเมตรกลับมา
คุกรับท่อนไม้มาจากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักและหยิบมีดเล็กๆ ออกมา จากนั้นก็มานั่งบนพื้น ใช้มีดเล็กกรีดบนไม้กลมครู่หนึ่งและเริ่มแกะสลัก
เสี่ยวจือเอียงคอมองดูการกระทำของลุงมาร์ค เธอรู้ว่าลุงมาร์คคนนี้เก่งกาจมาก เธอเคยเห็นลุงมาร์คยกกระดานเต้าหู้สูงหนึ่งเมตรกว่าขึ้นมาได้ด้วยมือข้างเดียว
แต่ลุงมาร์คไม่ค่อยพูดจา
“ลุงมาร์คกำลังทำอะไรอยู่เหรอคะ”
คุกไม่สนใจ ใช้มีดเล็กแกะสลักไม้กลมต่อ เสี่ยวจือชินกับความเงียบของเขาจึงไม่ร้องโวยวาย เพียงหมอบอยู่บนพื้นใช้สองมือเท้าคางของตนเอง
ขาเล็กอวบอ้วนของเธอเตะพื้นเป็นพักๆ เธอมองดูลุงมาร์คคนนี้อย่างสนอกสนใจ
เริ่มเหนื่อยแล้วจึงหลับไป
คุกหยุดมือแล้วอุ้มเสี่ยวจือขึ้นมา นำไปวางไว้บนเตียง คลุมผ้าห่ม จากนั้นก็มานั่งลงบนพื้น แกะสลักไม้ต่อ
ทุกครั้งที่ลงมีดจะมีขี้เลื่อยปลิวออกเหมือนฝ้าย
หลังเขาลงมีดสุดท้าย บนพื้นก็มีขี้เลื่อยอยู่กองหนึ่ง คุกวางมีดเล็กลง จากนั้นก็เป่าเศษไม้บนไม้แกะสลักออกจากนั้นถึงวางมันไว้บนกองขี้เลื่อย
เป็นหงส์ตัวหนึ่ง
มันกำลังสยายปีกอยู่ท่ามกลางเศษขี้เลื่อยดุจดั่งมีชีวิต เหมือนกับหงส์ตัวเป็นๆ ที่ตกอยู่ในกองหิมะ
เขาวางหงส์ไม้ไว้ในอ้อมอกของเสี่ยวจือ จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาอีกครั้งและส่งกลับไปห้องของเธอ
คุกกลับมายังห้องของตนเองอีกครั้ง กวาดทำความสะอาดเศษขี้เลื่อยบนพื้น จากนั้นก็นั่งนิ่งตามลำพังอีกครั้ง
พรุ่งนี้คงผ่านไปแบบนี้อีกสินะ คุกคิด
เขาไม่รู้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองร้านขายเต้าหู้เล็กๆ ร้านนี้อยู่…ไม่เพียงแค่มองห้องมืดๆ ที่คุกอยู่ แต่ยังมองไปยังซานเอ๋อร์ที่กำลังวุ่นวายกับการเก็บร้านอยู่หน้าประตูร้านอีกด้วย
…
“อา…ทำไมอยู่ดีๆ ฉันถึงรู้สึกว่าการที่คุกอยู่แบบนี้ต่อไปนั้นไม่เลวเลย”
นีโรนั่งห้อยขาอยู่บนหลังคาของบ้านหลังหนึ่ง สองมือโอบกระบอกภาพเขียนกำลังกินขนมปังราคาถูกที่ ‘ได้’ มาจากร้านในละแวกนี้
ดาบยามะในกระบอกภาพเขียนส่งเสียงครางต่ำออกมา แน่นอนว่ามีเพียงเจ้าของของมันอย่างนีโรเท่านั้นถึงจะได้ยิน
“เอ๋ นายอยากกินคุกงั้นเหรอ” นีโรมองกระบอกภาพเขียนและพูดเยาะเย้ยว่า “ตอนอยู่กับเจ้าของสมาคม ทำไมถึงไม่กระตือรือร้นขนาดนี้”
กระบอกภาพเขียนสั่นเล็กน้อยเหมือนจะไม่พอใจ
“กินคุกแล้วจะวุ่นวายมาก” นีโรส่ายหน้าและพูดว่า “อย่างน้อยพวกแก่ๆ ในสมาคมก็จะไม่ยอมปล่อยฉันแน่…ถึงจะพูดว่าสามารถหนีได้ แต่ก็วุ่นวายมาก ต้องวิ่งหนีจากการไล่ฆ่าไปทั่วโลก”
นีโรเอนตัวนอน ใช้สองมือหนุนหัว ขาไขว่ห้าง หรี่ตาลง ทันใดนั้นก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นมา “แต่นายว่าถ้าคุกบ้าคลั่งแล้ว จะเอาชนะฉันได้ไหม”
ทันใดนั้นเธอก็นั่งขึ้นมา เลียริมฝีปาก “ฉันเกิดความคิดดีๆ อย่างหนึ่ง”