ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 538.1
“เจ้า นังผู้หญิงโหดเ**้ยมคนนี้!” หูปู้กุยซึ่งติดตามอยู่ข้างหลังหลินหว่านหรงเพิ่งจะมุดเข้าไปในรถม้าก็มองเห็นภาพอันน่าตื่นตระหนก ขวัญกระเจิงขึ้นมาทันที เขาตวาดด้วยโทสะอย่างร้อนใจ ยื่นมือไปจับข้อมืออวี้เจีย กำลังจะจับกุมนาง
“พี่หู ช้าก่อน!” มีมือใหญ่ยื่นแฉลบมาข้างหนึ่ง คว้าเขาไว้อย่างมั่นคงและทรงพลัง เสียงหนักแน่นของหลินหว่านหรงดังข้างใบหูเขา “…อย่าขยับ นางกำลังช่วยคน”
ช่วยคน? หูปู้กุยตกใจอย่างยิ่ง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสตรีทูเจวี๋ยผู้นี้เอามีดไปจิ้มหน้าอกเสี่ยวหลี่จื่อ หรือว่าการแทงมีดลงไปก็ช่วยคนได้? เพียงแต่แม่ทัพหลินมีสีหน้าปกติมาก ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น เขาจึงทำได้เพียงสะกดกลั้นความสงสัยที่มีอยู่ภายในใจ มองอวี้เจียสาวน้อยทูเจวี๋ยว่าจะช่วยคนเช่นไร
เยวี่ยหยาเอ๋อร์สีหน้าจริงจัง มีดพกอันคมกริบในมือค่อยๆ แนบหน้าอกหลี่อู่หลิงอย่างแช่มช้า กรีดผิวหนังบริเวณหน้าอกเขาเบาๆ โลหิตสีแดงสดไหลออกมาอย่างแช่มช้า ทำให้คนตื่นตระหนก หลี่อู่หลิงหน้าซีด นอนอยู่ในรถไม่ไหวติง ปราศจากความรู้สึกต่อความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
มือซ้ายของอวี้เจียหยิบสมุนไพรที่บดแล้วมาขยี้ เล็งไปยังปากแผลที่มีดพกกรดเอาไว้ แปะสมุนไพรลงไปเบาๆ จะว่าไปก็แปลก สมุนไพรนี้เพิ่งแปะได้เพียงครู่เดียว โลหิตสดๆ บนหน้าอกของหลี่อู่หลิงก็หยุดไหล
อัศจรรย์! หลินหว่านหรงมองจนตาโตอ้าปากค้าง สมุนไพรหลายชนิดที่อยู่ในมือเยวี่ยหยาเอ๋อร์ล้วนเป็นสมุนไพรที่เอามาจากในรถของนาง หลินหว่านหรงไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่ประสิทธิภาพในการห้ามเลือดนี้กลับอัศจรรย์ล้ำเลิศ
แม้จะกรีดเป็นบาดแผลขนาดเล็กเท่านั้น แต่แรงและขอบเขตของการลงมีดนี้ยากจะควบคุมยิ่ง ถือว่าเปลืองแรงและเปลืองเวลา หน้าผากขาวกระจ่างใสประดุจหยกของเยวี่ยหยาเอ๋อร์มีเหงื่อซึมออกมาเป็นชั้นๆ กระจ่างสุกใสแวววาว
นางหยุดพักครู่หนึ่ง มีดพกอันคมกริบนั้นก็เข้าใกล้บาดแผลธนูบริเวณหน้าอกหลี่อู่หลิง จากนั้นจึงกรีดเป็นแผลขนาดเล็กอีกแผลหนึ่ง ขณะกำลังจะใช้ยาห้ามเลือด หลินหว่านหรงก็รีบประชิดเข้าไปแล้วพูดว่า “ข้าทำเองๆ เจ้าตั้งใจผ่าตัดไปก็พอแล้ว”
สาวน้อยทูเจวี๋ยมองเขาหลายครั้ง แค่นเสียงคราหนึ่ง ไม่รู้ว่าฟังเขาเข้าใจหรือไม่
ครั้นเห็นเหมือนเยวี่ยหยาเอ๋อร์มีท่าทีไม่ค่อยเชื่อใจตนเองสักเท่าไหร่นัก หลินหว่านหรงก็รู้สึกร้อนใจยิ่ง ทำมือไม้อย่างต่อนเองพร้อมเอ่ยว่า “ข้า ห้ามเลือด ผ่าตัด พวกเจ้า ร่วมมือ ทำงานสอดประสาน โยชิ!”
หูปู้กุย่อมฟัง ‘ภาษาทูเจวี๋ย’ ของใต้เท้าหลินออก จึงรีบแปลกลับไป อวี้เจียครุ่นคิดเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนำสมุนไพรที่อยู่ในมือส่งให้เขา
นิ้วมือของนางเรียวยาวขาวกระจ่างใสดั่งต้นหอม แม้จะมีเสี่ยวหลี่จื่อซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ข้างหน้า แต่หลินหว่านหรงกลับอดบังเกิดความคิดฟุ้งซ่านขึ้นภายในใจไม่ได้ อาศัยโอกาสช่วงที่รับยาเสียดสีมือน้อยของนางเบาๆ หลายครั้ง ความรู้สึกอันเรียบลื่นดั่งสายน้ำยามวสันต์ทำให้คนไม่อยากจะละมือจากไป
สาวน้อยทูเจวี๋ยคล้ายสัมผัสได้ถึงการกระทำอันชั่วช้าของเขา ดังนั้นจึงแค่นเสียงด้วยโทสะ ถลึงตามองเขาอย่างเดือดดาลหลายครั้ง หลินหว่านหรงกล่าวด้วยท่าทีปกติ “เอ๊ะ สมุนไพรนี้ลื่นจังเลย เกือบจับไม่อยู่ น้องสาวเยวี่ยหยาเอ๋อร์ รอให้เสร็จแล้วข้าจะถอดเสื้อผ้าจนเกลี้ยงให้เจ้าดูจนพอ ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งมองข้า ผ่าตัดก่อนก็แล้วกัน”
เหล่าหูหนังหน้าสู้ใต้เท้าหลินม่ได้ ไหนเลยจะกล้าแปลคำพูดนี้เป็นภาษาทูเจวี๋ย ดังนั้นจึงทำได้เพียงหัวเราะฮ่าๆ สองครั้ง ถือว่ากลบเกลื่อนไป
เมื่อเห็นหลินหว่านหรงใช้สมุนไพรห้ามเลือดที่บาดแผลหลี่อู่หลิง ทันใดนั้นเกาฉิวซึ่งชมดูอย่างเงียบงันไม่เอ่ยวาจาอยู่ด้านข้างก็พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าเหล่าเกาเป็นหมอมานานหลายปีขนาดนี้ จนถึงวันนี้ถึงได้เปิดหูเปิดตา คิดไม่ถึงว่าของหลายอย่างพอมาผสมกันแล้วกลับเป็นยาห้ามเลือดชั้นดีเช่นนี้ได้”
คนอย่างเจ้าก็มีหน้ามาพูดว่าเป็นหมอมานานหลายปี? ข้าว่าเจ้าเป็นหมอที่แปดหูถ้งใหญ่กระมัง หลินหว่านหรงหัวเราะอย่างดูแคลน “พี่เกา เจ้าของพวกนี้คือสมุนไพรอะไรหรือ เหตุใดเยวี่ยหยาเอ๋อร์ของข้าพอใช้ขึ้นมาแล้วถึงได้อัศจรรย์ขนาดนี้?”
พอพูดถึงสมุนไพรเกาฉิวก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ส่ายหัวโยกคลอนพูดอวดภูมิออกมา “น้องหลิน เจ้าอย่าดูแคลนยาห้ามเลือดนี้นะ ในนั้นอย่างน้อยก็ต้องผสมตัวยาถึงห้าชนิด ฝักของบัว ขนลิงทองคำ รากหนิงหมา[1] จวี๋ซานชี ต้าจี้[2]มีมากในต้าหัวเรา ข้าเหล่าเกาศึกษาตำราแพทย์อย่างยากลำบากมาหลายปี เหตุใดจะไม่รู้ว่าเมื่อเอาห้าอย่างนี้มาผสมกันแล้วห้ามเลือดได้นะ? น่าละอายๆ”
ระหว่างสนทนา มีดพกของเยวี่ยหยาเอ๋อร์ก็เข้าไปใกล้ตำแหน่งแผลซึ่งเกิดจากธนูบริเวณหน้าอกแล้ว นางมีสีหน้าจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ การจรดมีดแต่ละครั้งล้วนแผ่วเบา เหงื่อกระจ่างใสซึมผ้าโปร่งบนใบหน้า
ในเมื่อเป็นพยาบาลรับเชิญก็ต้องรู้จักหน้าที่ของตัวเองดี หลินหว่านหรงยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดใบหน้าขาวกระจ่างใสของสาวน้อยที่มีสีหน้าเคร่งเครียด “อย่าขยับ อย่าขยับเด็ดขาด ข้าช่วยเจ้าเช็ดเหงื่อ จะได้ไม่ทำให้เหงื่อตกลงบนบาดแผลจนติดเชื้อ”
มีดเล็กของเยวี่ยหยาเอ๋อร์สัมผัสบนบาดแผล กำลังอยู่ในช่วงสำคัญพอดี เมื่อเห็นแขนเสื้อสกปรกของเขาเข้ามาเช็ดก็เบิกตาโพลงในบัดดล สีหน้าตื่นตระหนกและเดือดดาล ถึงกระนั้นกลับไม่อาจเคลื่อนไหวผิดปกติได้
หูปู้กุยกับเกาฉิวสองคนเห็นแล้วก็รู้สึกอิจฉายิ่งนัก อะไรที่เรียกว่าผู้มีความสามารถสูงมีขวัญกล้า มองดูใต้เท้าหลินก็รู้แล้ว เลือกโอกาสเอาเปรียบได้เหมาะเหม็งขนาดนี้ เหมือนเอาลูกคิดมาคำนวณเยี่ยงนั้น นับถือ นับถือยิ่งนัก
‘โจร’ หน้าดำเช็ดใบหน้าและหน้าผากสาวน้อยทูเจวี๋ยอย่างตั้งใจ เยวี่ยหยาเอ๋อร์ถูกเขาเอาเปรียบเบิกตาโพลง น้ำตาคลอหน่วย ใกล้จะหยดลงมาแล้ว
“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงร้องไห้?” หลินหว่านหรงตกใจยิ่งนัก “เฮ้อ ต่อให้ซาบซึ้งก็ไม่ต้องร้องไห้ก็ได้นี่นา คราวนี้ดีเลย อีกประเดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเช็ดน้ำตา พี่เกา บนม้าที่ข้าขี่มีถุงสัมภาระอยู่ถุงหนึ่ง ในนั้นมีกางเกงชั้นในที่มีลวดลายอยู่ เป็นหนิงเอ๋อร์ที่ทำให้ข้าโดยเฉพาะ ข้าใส่แค่สองครั้ง ยังไม่ทันสกปรก ในกางเกงชั้นในห่อผ้าเช็ดหน้ายวนยางอันงดงามไว้ผืนหนึ่ง ซักสะอาดมาก ท่านรีบไปเอามาเถิด อีกประเดี๋ยวข้าจะเช็ดน้ำตาให้อวี้เจีย เฮ้อ ทั้งสองอย่างเป็นของล้ำค่าประจำตัวข้าเลยนะ”
อวี้เจียสีหน้าแปรเปลี่ยน ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ มือน้อยอดสั่นเทาไม่ได้ น้ำตาไม่กล้าไหลออกมาแล้ว
…
เกาฉิวกลั้นหัวเราะพร้อมเอ่ยว่า “น้องหลิน ในเมื่อเป็นชุดที่ฮูหยินหนิงเอ๋อร์ทำให้เจ้า นั่นย่อมล้ำค่ามากเป็นธรรมดา เหตุใดเจ้าถึงหักใจทิ้งของล้ำค่าโดยไม่สนใจเช่นนี้ได้ ไม่สิ้นเปลืองเกินไปหรอกหรือ?”
หลินหว่านหรงถอนหายใจแล้วตอบว่า “ช่วยไม่ได้ ช่วงนี้อากาศร้อนเกินไป ข้าจึงทำได้แค่ถอดกางเกงชั้นในออก จะได้ไม่ต้องกระทบการเจริญเติบโตของข้า เฮ้อ ดูจากขนาดนี้แล้ว วันหลังคงต้องใช้กระสอบขนาดใหญ่มาทำกางเกงชั้นในแล้ว เมื่อก่อนมีเพลงเพลงหนึ่งที่ร้องไว้ว่า…ข้าไม่อยาก ข้าไม่อยาก ข้าไม่อยากโต…ช่างเหมาะกับสภาพจิตใจของข้าในตอนนี้เสียจริง”
แม่ทัพหลินร้องเพลงนี้ได้เหลือเกินจริงๆ! พวกเหล่าเกาสองคนเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า ด้วยความตื่นตระหนก ฟันแทบจะร่วงลงมา
พวกเขาสนทนาหัวเราะชั่วช้าลามกไม่หยุด สาวน้อยทูเจวี๋ยอวี้เจียก็ก้มหน้าลงงุด สายตาจดจ้องบาดแผลของหลี่อู่หลิง ใบหูจนถึงซอกคอซับสีแดงระเรื่อ
หน้าอกหลี่อู่หลิงเป็นแผนกากบาทขนาดเล็กหลายแห่ง เยวี่ยหยาเอ๋อร์เล็งตำแหน่งบาดแผลธนูนั้นอย่างแม่นยำ คมมีดจมลงไปเล็กน้อย บนดวงหน้างามปรากฏความตึงเครียด โจรผู้ ‘รู้ความ’ รีบเช็ดเหงื่อให้นาง
สาวน้อยทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด ส่งเสียงออกมาเบาๆ มีดพกจมลงไปอีกนิด หน้าอกหลี่อู่หลิงพลันมีเลือดไหลทะลัก กลับเป็นสีดำสนิท หลินหว่านหรงเห็นแล้วก็นิ่งอึ้งไป นี่มันฝีมืออะไรกัน ลงมีดลงไปแค่นี้ เลือดคั่งที่บาดแผลก็ถูกเค้นออกมา
“อวี๋หลี่มั่วฮาฮู่ซี…” เสียงเจื้อยแจ้วของเยวี่ยหยาเอ๋อร์ทำให้หลินหว่านหรงที่กำลังเหม่อลอยตกใจจนได้สติ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นสาวน้อยทูเจวี๋ยอวี้เจียขนคิ้วตั้งชัน จ้องมองตนเองอย่างมีน้ำโห สีหน้าทั้งโมโหทั้งร้อนใจ เสียงตวาดเมื่อครู่เปล่งใส่เขา ถึงกระนั้นกลับฟังไม่ออกว่านางพูดอะไร
“นางบอกว่าท่านหน้าโง่ ห้ามเลือด รีบห้ามเลือดเร็วเข้า!” ช่วงร้อนรน เหล่าหูจึงลืมละคำสำคัญไป แปลอย่างรีบร้อน
เขาก้มหน้าลงมอง เห็นเลือดที่คั่งอยู่ตรงหน้าอกหลี่อู่หลิงถูกขับออกมาแล้ว เลือดกลายเป็นสีแดงสด มิน่าเล่าอวี้เจียถึงร้องให้ห้ามเลือด หลินหว่านหรงรีบนำสมุนไพรโปะลงบนบาดแผลของเสี่ยวหลี่จื่อ ช่วงที่กำลังเร่งรีบ มือไม้สะเปะสะปะ สภาพดูไม่จืดยิ่งนัก
อวี้เจียแค่นเสียง เหลือบมองเขาหลายครา ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน
เมื่อถอนมีดพกนั้นออกไปโลหิตก็หยุดลง สาวน้อยทูเจวี๋ยพ่นลมหายใจออกมายาวๆ นั่งลงบนพื้นภายในตัวรถอย่างแช่มช้า หน้าผากเรียบลื่นกระจ่างใสเต็มไปด้วยเหงื่อแวววับ แม้แต่ผ้าโปร่งก็ชุ่มโชก
——
[1] หนิงหมา หรือป่านรามีเป็นพืชพื้นเมืองในเอเชียตะวันออก เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี
[2] ฝักของบัว ขนลิงทองคำ รากหนิงหมา จวี๋ซานชี ต้าจี้ (หมายเหตุผู้เขียน: สมุนไพรห้าชนิดนี้เป็นตัวยาห้ามเลือดในตำรับยาแพทย์แผนจีน)