ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 539.1
“เจ้าปล่อยข้า!” เยวี่ยหยาเอ๋อร์ตวาดด้วยโทสะ น้ำเสียงชัดเจน ที่พูดออกมาก็คือภาษาต้าหัว แม้จะเทียบกับหลินหว่านหรงซึ่งใช้ฝีปากทำมาหากิน แต่ก็คล่องมาก
หลินหว่านหรงกล่าวพลางหัวเราะเสียงดังสดใส “ที่แท้เจ้าก็พูดภาษาต้าหัวของพวกเราได้?! หมอเทวดาเยวี่ยหยาเอ๋อร์ เจ้าหน้าตาสะสวยขนาดนี้ เหตุใดถึงชอบหลอกคนนะ ความเคยชินแบบนี้ไม่ค่อยดีเลยนะ เจ้าดูสิ ข้าไม่เคยหลอกคนเลย”
คำพูดไหนของเจ้าที่ไม่หลอกคน? สาวน้อยทูเจวี๋ยปราศจากความรู้สึกดีต่อโจรต้าหัวคนนี้แม้แต่น้อย แค่นเสียงออกมาอย่างเดือดดาล “ขอพูดอีกรอบ ข้าไม่ได้ชื่อเยวี่ยหยาเอ๋อร์ ชื่อของข้าคืออวี้เจีย หากเจ้ากล้ารังแกข้า เทพแห่งทุ่งหญ้าต้องไม่ละเว้นเจ้าแน่”
นังหนูนี่ยังกล้ามาขู่ข้าอีกนะ? หลินหว่านหรงกล่าวไม่เร็วไม่ช้า “อวี้เจียกับเยวี่ยหยาเอ๋อร์เดิมทีก็ความหมายเดียวกัน ก็แค่ชื่อหนึ่งเป็นภาษาทูเจวี๋ย อีกชื่อหนึ่งเป็นภาษาต้าหัวเท่านั้น เพียงแต่ข้าเป็นคนให้เกียรติมาตลอด ในเมื่อเจ้าไม่ชอบให้ข้าเรียกเจ้าว่าเยวี่ยหยาเอ๋อร์ เช่นนั้นวันหลังข้าเรียกเจ้าว่าอวี้เจียก็ได้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร น้องเยวี่ยหยาเอ๋อร์?”
กับคนแบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วจริงๆ อวี้เจียแค่นเสียงอย่างมีโทสะ เบือนหน้าไปแล้วไม่สนใจเขาอีก
เมื่อเห็นสาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้ดวงหน้างามพิลาส นิสัยดิบเถื่อนออกมาให้เห็นเต็มที่ ลักษณะของชนต่างเผ่าแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หลินหว่านหรงจึงอดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดว่า “ที่จริงแล้วชื่อก็เป็นแค่สัญลักษณ์ เรียกอะไรก็ช่างมันเถิด ยกตัวอย่างเช่นข้าก็แล้วกัน ตอนอยู่ต้าหัว ชื่ออันต่ำต้อยของข้าคือหลินซาน แต่พอมาอยู่ทูเจวี๋ยข้าก็มีชื่อภาษาทูเจวี๋ยที่มีความหมาย ทุกคนต่างชื่นชอบมาก”
อวี้เจียแค่นเสียงออกจมูก กล่าวอย่างดูแคลน “อย่างเจ้าคนนี้ หมาป่าบนทุ่งหญ้ายังสูงส่งกว่าเจ้าเสียอีก ยังจะมีชื่อภาษาทูเจวี๋ยน่าฟังอะไรได้”
ภาษาต้าหัวของสาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้แม้จะไม่ถึงขั้นถูกต้องแม่นยำสำเนียงถูกต้องมากนัก มีเสียงของบางคำแข็งกระด้างเล็กน้อย แต่ท่ามกลางชาวทูเจวี๋ยกลับถือว่าคล่องแคล่วเป็นหนึ่งไม่มีสอง เมื่อเทียบกับลู่ตงจ้านราชครูทูเจวี๋ยแล้วยังดีกว่ามากนัก
ฟังสาวน้อยทูเจวี๋ยพูดภาษาต้าหัวก็ช่างเป็นเรื่องน่าเสพสุขเสียจริงนะ! หลินหว่านหรงควักดินสอกระดาษออกมาจากอก เขียนตัวอักษรขวับๆ ลงไปหลายตัว หัวเราะพร้อมพูดว่า “ชื่อภาษาทูเจวี๋ยของข้าดีหรือไม่ เจ้าดูก็รู้แล้ว ขอถามสักหน่อย หมอเทวดาเยวี่ยหยาเอ๋อร์ เจ้ารู้ตัวอักษรพวกเราต้าหัวหรือไม่? อย่าทำให้ข้าเขียนเสียเที่ยวเปล่าล่ะ”
เจ้าโจรต้าหัวคนนี้เหมือนจะจำไม่ได้เลยว่าสาวน้อยทูเจวี๋ยชื่ออวี้เจีย เรียกปาวๆ ว่าเยวี่ยหยาเอ๋อร์ แม้อวี้เจียจะเดือดดาล ถึงกระนั้นก็อับจนปัญญา ทำได้แค่ปล่อยเขาไป
หลินหว่านหรงส่งกระดาษให้เยวี่ยหยาเอ๋อร์ อวี้เจียเหลือบมองลวกๆ คราหนึ่ง แค่นเสียงพร้อมกล่าวอย่างดูแคลน “ซานเกอซื่อ…อัวเหล่ากง[1] นี่มันชื่ออะไรกัน น่าเกลียดยิ่งนัก”
หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ชื่อใหม่อย่างไรเล่า อ่านครั้งแรกก็ไม่คล่องปากอยู่บ้าง เจ้าท่องสักหลายครั้งก็จะชินเอง วันหลังก็ใช้ชื่อนี้เรียกข้าก็แล้วกัน ข้าชอบฟัง”
เยวี่ยหยาเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นชาหลายครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน
นังหนูคนนี้กลับดิบเถื่อนมากนัก หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ เล็กน้อย ลูบคลำมือน้อยนางสองคราด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ จากนั้นถึงปล่อยนางไป
อวี้เจียหดมือกลับ เห็นว่าบนข้อมือขาวกระจ่างใสประดุจหยกของนางมีรอยแดงลึกสองรอยปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เจ้าโจรคนนี้ลงมือโหดเ**้ยม นางแค่นเสียงด้วยความโมโห ดวงตาทั้งสองข้างพ่นไฟมองหลินหว่านหรง ความเคียดแค้นชิงชังที่มีต่อเขาฝังลึกลงถึงกระดูก
“จริงสิ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” โจรเดินไปหลายก้าว จู่ๆ ก็หันหน้ากลับมา ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หมอเทวดาเยวี่ยหยาเอ๋อร์ถึงจะบอกสถานะที่แท้จริงของเจ้ากับข้า ข้ามุ่งหวังมากเลยนะ”
อวี้เจียสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว กล่าวด้วยความเดือดดาล “เจ้าคนนี้พูดจาเหลวไหลอะไรกัน ข้ามีทุ่งหญ้าเป็นบ้าน เป็นสตรีแห่งทุ่งหญ้า ไหนเลยจะมีสถานะอันแท้จริง?”
“อย่างนั้นหรือ?” หลินหว่านหรงหัวเราะร่วน “รถม้าวิจิตรงดงาม น้ำหอมตระกูลเซียวที่ดีที่สุดในต้าหัว มีนักรบผู้กล้าอันดับหนึ่งแห่งทุ่งหญ้าคุ้มกัน อีกทั้งยังเชี่ยวชาญอักษรและการแพทย์ต้าหัว แม้แต่ผ้าไหมของตู้โตวก็ยังเป็นผ้าไหมซูโจวชั้นดีอีก ที่แท้ทุ่งหญ้ากลับหรูหราฟุ้งเฟ้อถึงขนาดนี้ แม้แต่สตรีแห่งทุ่งหญ้าธรรมดาๆ ก็ใช้ของหรูหราเหล่านี้ได้ เฮ้อ ช่างทำให้คนรู้สึกอิจฉาเสียจริง ดูท่าวันหลังข้าต้องย้ายมาอยู่ทุ่งหญ้า เป็นลูกเขยแห่งทุ่งหญ้าบ้างแล้ว”
“เจ้า…” เยวี่ยหยาเอ๋อร์ตกใจจนหน้าถอดสี คล้ายคาดไม่ถึงว่าโจรต้าหัวที่บุกรุกทุ่งหญ้าคนนี้กลับมีสายตาเยี่ยงนี้
หลินหว่านหรงผงกศีรษะด้วยท่าทีเสแสร้งแกล้งดัด “สตรีแห่งทุ่งหญ้า? อืม นิทานเรื่องนี้จะต้องซาบซึ้งใจคนมากแน่ หวังว่าหมอเทวดาเยวี่ยหยาเอ๋อร์จะเล่าเรื่องที่สนุกที่สุดให้พวกเราฟัง”
ระหว่างที่หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังนั้นก็ชักเท้าจะจากไป อวี้เจียสีหน้าร้อนรน กัดฟันกรอดพร้อมพูดออกมาเบาๆ “ซานเกอซื่อ…อัวเหล่ากง ขอให้เจ้ารอเดี๋ยว”
โจรหยุดยั้งฝีเท้า กล่าวพร้อมหัวเราะหน้าชื่นตาบาน “ดีๆ เรียกดีมาก หมอหญิงเทวดา เจ้าเรียกข้าทำไมหรือ?”
อวี้เจียลังเลอยู่นาน จากนั้นจึงก้มหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ขอให้เจ้าจงทำตามคำสัญญา ปล่อยคนในเผ่าของข้าตรงเวลา”
หลินหว่านหรงร้องอ้อออกมาเรียบๆ คราหนึ่ง หัวเราะพร้อมโบกไม้โบกมือ หมุนกายแล้วเดินเข้าไปในขบวนม้า
อวี้เจียเงยหน้าขึ้นมา มองเงาร่างของเขาที่เดินจากไป ดวงตาผุดรอยยิ้มเย็นชามีเลศนัย มุมปากอันน่าดูชมหยักยกขึ้นเล็กน้อย ประหนึ่งจันทร์เสี้ยวที่งดงามมากที่สุดบนขอบฟ้า
…
“ท่านแม่ทัพ ถามอะไรได้หรือไม่ขอรับ?” เมื่อเห็นแม่ทัพหลินขี่ม้าห้อตะบึง เงียบงันตลอดทาง หูปู้กุยจึงเข้าไปใกล้อย่างระแวดระวัง แอบถามขึ้นเสียงเบา
หลินหว่านหรงดึงบังเ**ยนม้าอย่างแช่มช้า ความเร็วผ่อนลงเล็กน้อย หน้าตาหนักอึ้งพร้อมส่ายหน้าเล็กน้อย “นางไม่ยอมจำนนต่อกระบองหมาป่าของข้า เสน่ห์อันล้ำเลิศภพจบแดนของข้าไม่อาจใช้กับนางได้ เป็นไปได้มากว่าแม่หนูคนนี้จะมีบางอย่างที่ค่อนข้างเย็นชา น่าเสียดาย น่าเสียดาย”
น่าเสียดายต่อเนื่องสองครั้งทำให้หูปู้กุยขนลุกชันขึ้นมา
“เยวี่ยหยาเอ๋อร์คนนี้ลึกลับเกินไปแล้ว” เกาฉิวซึ่งติดตามอยู่ข้างกายเขาสองคนแค่นเสียงทุ้มหนัก “ตามความเห็นของข้า ทำให้มันจบๆ ไป ฆ่าคนในเผ่าของนางทิ้งให้หมด เหลือแค่นางเพื่อรักษาเสี่ยวหลี่จื่อก็พอ ดูสิว่านางจะก่อเรื่องราวใหญ่โตอะไรได้”
“นี่ไม่ได้” หูปู้กุยรีบส่ายหน้า “น้องเกา เจ้าไม่เข้าใจชนเผ่านอกด่าน แนวคิดทางวงศ์ตระกูลของพวกมันรุนแรงยิ่งนัก หากฆ่าคนในเผ่าของเยวี่ยหยาเอ๋อร์ แม่นางน้อยคนนี้จะต้องตายตามไปด้วยแน่ ถึงเวลาเสี่ยวหลี่จื่อจะทำเช่นไร?!”
เกาฉิวเงียบงัน หลินหว่านหรงถอนหายใจยาว ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “พี่เกา พี่หู ข้ามักรู้สึกว่าเหมือนพวกเรามองเยวี่ยหยาเอ๋อร์คนนี้ธรรมดาเกินไป ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่สตรีผู้งดงามเช่นนี้กล้าเดินทางไปมาภายในและภายนอกชายแดนเมืองซิงชิ่งเพียงลำพัง เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเราก็ไม่ประหวั่นลนลาน อยู่ในสถานการณ์ที่ปราศจากความมั่นใจ แต่ก็กล้าลงมือผ่าตัดให้เสี่ยวหลี่จื่อ ความกล้านี้จะมีสตรีบนโลกนี้สักกี่คนที่ทำได้?!”
เหล่าหูเหล่าเกาสองคนอดที่จะผงกศีรษะไม่ได้ เป็นอย่างที่หลินหว่านหรงว่าไว้จริงๆ สตรีที่มีความกล้าหาญเช่นนี้ บนโลกนี้เท่ากับขนหงส์เขากิเลน หูปู้กุยเงียบงันครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ดูจากเยวี่ยหยาเอ๋อร์บุคลิกและบารมีของนางนี้ต้องมิใช่สตรีธรรมดาแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าน้อยกลับนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ สมัยก่อนทูเจวี๋ยโจมตีเข่นฆ่าเถี่ยเล่อ รวบรวมทุ่งหญ้าให้เป็นหนึ่งเดียว เชื้อพระวงศ์แคว้นข่านเถี่ยเล่อถูกกำจัดจนหมดสิ้น ตำนานเล่าว่ามีต๋าต๋า[2]ที่ยังแบเบาะอยู่คนหนึ่ง ถูกคนในเผ่าผู้จงรักภักดีช่วยเหลือไป นับแต่นั้นก็ร่อนเร่อยู่บนท่งหญ้าทะเลทราย ร่องรอยไม่แน่ชัด ท่านว่าเยวี่ยหยาเอ๋อร์คนนี้จะเป็นต่าต๋าที่หายสาบสูญของเถี่ยเล่อคนนี้หรือไม่?!”
“พี่หู นี่ท่านอ่านนิยายมากเกินไปกระมัง” หลินหว่านหรงตบบ่าเขาพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “องค์หญิงที่ถูกคนในเผ่าช่วยเหลือไปอะไรนี่ ส่วนใหญ่เรื่องพวกนี้ก็แต่งมั่วซั่วเพื่อดึงดูดคนก็เท่านั้น หากเยวี่ยหยาเอ๋อร์เป็นต๋าต๋าของเถี่ยเล่ออะไรนั่นจริง นางกับชาวทูเจวี๋ยต้องมีความแค้นที่ทำให้ชาติล่มจม แต่ท่านลองคิดให้ถ้วนถี่ นางมีท่าทางเหมือนเกลียดแค้นชิงชังชาวทูเจวี๋ยหรือไม่? อีกอย่าง ต๋าต๋าเถี่ยเล่อที่งดงามขนาดนี้เดินทางเร่ร่อนไปทั่วทุ่งหญ้า กลัวแค่ว่าคนจะมองไม่เห็น ท่านว่าเยวี่ยหยาเอ๋อร์โง่ หรือว่าทูเจวี๋ยโง่กันแน่?”
“ไม่ใช่ต๋าต๋าของเถี่ยเล่อ หรือว่านางจะเป็นองค์หญิงทูเจวี๋ย?!” เกาฉิวพูดพร้อมเบกตาโพลง “เช่นนั้นคราวนี้พวกเราก็โชคดีแล้ว จับนางกลับไปอุ่นเตียงให้น้องหลิน พวกเราจะกลายเป็นวีรบุรุษของทั้งต้าหัวแล้ว”
เจ้าเหล่าเกาคนนี้เอาแต่คิดเรื่องอุ่นเตียงไม่ยอมลืม ทุกคนฟังแล้วก็อดหัวเราะพรวดออกมาไม่ได้
——
[1] ซานเกอซื่อ อัวเหล่ากง เป็นคำพ้องเสียง หมายความว่า พี่ซานคือสามีของข้า
[2] ต๋าต๋า เป็นคำที่เถี่ยเล่อใช้เรียกองค์หญิง