ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 557 - 1 ใครคือพี่สาวนางเซียนของเจ้า
ถูกเข็ม? หลินหว่านหรงมือคลำไปที่ก้น กัดฟันกรอดแล้วถอนวัตถุที่เย็นเฉียบนั้นออกมา ไอเย็นส่งผ่านมาตามฝ่ามือ เข็มเงินเล่มนั้นเปล่งประกายเย็นเยียบท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง
เข้มเงินที่ไม่ได้เห็นมานาน! ปลายเข็มแม้จะเย็น ทว่ากลับทำให้จิตใจคนอบอุ่น หลินหว่านหรงกระเด้งขึ้นมาราวกับได้รับสมบัติอันล้ำค่า เหลียวมองรอบด้านหลายครั้ง ร้องเรียกเสียงดังด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น “นางเซียนหนิง พี่สาวนางเซียน เจ้าอยู่ที่ใด?”
รอบด้านเงียบสงัด นอกจากเสียงลมหายใจของเหล่าทหารแล้วก็ไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวผิดปกติอันใดอีก ทุกคนต่างมองเขาด้วยความสงสัย ถูกเข็มแล้วก็ยังดีอกดีใจขนาดนี้อีก เดี๋ยวก็นางเซียนเดี๋ยวก็พี่สาว แม่ทัพหลินเสียสติไปแล้วหรือ
มองดูสายตาแปลกประหลาดของเหล่าทหาร หลินหว่านหรงก็ไม่สนใจให้มากความเช่นกัน เมื่อนึกขึ้นว่ามีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าหนิงอวี่ซีอาจร่วมเดินทาง ความปีติยินดีและความซาบซึ้งใจเป็นล้นพ้นนั้นพลันถั่งท้นขึ้นมาภายในใจภายในชั่วพริบตา เขาโบกมือทั้งสองข้างพร้อมร้องเสียงดัง “ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ตอนออกจากเมืองซิงชิ่งก็รู้แล้ว พี่สาวนางเซียน ข้าคิดถึงเจ้ามาก เจ้าออกมาหาข้าเถอะ มาห้าข้าเถอะนะ!”
เขาไม่หยุดยั้งฝีเท้า เดินตัดผ่านท่ามกลางหมู่กระโจมไม่หยุด ตามหาเงาร่างของหนิงอวี่ซี ท่าทางจริงใจและบ้าคลั่ง เหล่าทหารมองเงาร่างของจอมทัพ ท่ามกลางความงงงวยกลับแฝงด้วยความนับถือ แสดงความคิดพี่สาวนางเซียนผู้นั้นต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนี้ การแสดงความรู้สึกของท่านแม่ทัพช่างไม่ธรรมดาเสียจริงนะ
เดินไประยะหนึ่งจนตามหาเกือบทุกกระโจมแล้ว แม้แต่ท่ามกลางม้าศึกที่อยู่กันเป็นฝูงนั่นก็ยังไปตามหามารอบหนึ่ง ทว่ายังไม่พบเงาของหนิงอวี่ซีอยู่ดี มือกำเข็มเงินอันเย็นเฉียบ หลินหว่านหรงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน นี่พี่สาวนางเซียนหมายความว่าอย่างไร? ตอนช่วยเราที่เมืองซิงชิ่ง นางไม่ยอมปรากฏตัวก็ยังพอให้เข้าใจได้ แต่ตอนนี้เข้าสู่ทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่แล้ว แทบจะหลุดพ้นจากสายตาของทุกคน แล้วเหตุใดนางถึงยังไม่ออกมาพบข้าอีก? ในเมื่อไม่ยอมพบข้า แล้วเหตุใดนางถึงต้องซัดเข็มใส่ข้าเล่มหนึ่งด้วย นี่ไม่ใช่ว่ากำลังแกล้งข้าชัดๆ หรืออย่างไร?
ความสงสัยทั้งหมดเก็บอยู่ในใจ เดินวนภายในค่ายอย่างไร้จุดหมายหลายรอบก็ไม่พบเงาของหนิงอวี่ซี ความหดหุ่ผิดหวังย่อมรู้ได้ เขาปราศจากความคึกคักไปในทันที เคี้ยวหญ้าแห้งหลายครั้งอย่างไร้รสชาติ กลับกระโจมไปอย่างเศร้าสร้อย
เพิ่งเข้ามาในกระโจมก็เห็นเงาร่างที่คล้ายเสาไม้เสาหนึ่งนอนอยู่ ตลอดทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกมัดอย่างแน่นหนา เหมือนกับบ๊ะจ่างที่ถูกมัดแน่นอย่างนั้น แม้แต่ใบหน้าก็ถูกปิดบังเอาไว้ ร่างนี้ปากถูกยัดเศษผ้า พยายามดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย สองขาถีบเตะไม่หยุด แม้กระทั่งเสียงก็ยังไม่อาจเปล่งออกมาได้สักแอะเดียว มีเพียงหน้าอกที่ขยับขึ้นลงไม่หยุดเท่านั้นที่ยืนยันว่านางเป็นสตรี
“เจ้าเป็นใคร?” หลินหว่านหรงตกใจสะดุ้งโหยง กระโดดหนึไปหลายก้าวตามสัญชาตญาณ เอ่ยถามเสียงเร็วรี่
สตรีที่ถูกมัดจนกลายเป็นบ๊ะจ่างคนนั้นพอได้ยินเสียงเขาก็ยิ่งดิ้นรนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ออกแรงส่งเสียงอื๊อๆ ออกมา หลินหว่านหรงครุ่นคิด จากนั้นจึงเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าคือเยวี่ยหยาเอ๋อร์?!”
‘บ๊ะจ่าง’ ที่อยู่บนพื้นบิดร่าง ก่อเกิดเป็นระลอกคลื่อนอันแปลกประหลาด ดูจากท่าทางนั้นคล้ายผงกศีรษะ
หลินหว่านหรงส่งเสียงเฮ้อออกมาคราหนึ่ง ตบหน้าผากอย่างแรง ข้าก็บื้อไปแล้ว ผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ในกระโจมข้า นอกจากอวี้เจียแล้วยังจะเป็นใครได้อีก? นี่เป็นฝีมือของพี่น้องคนไหนนี่ มัดนังหนูนี่แน่นเกินไปสักหน่อยนะ มองแวบเดียวยังนึกว่าเป็นมนุษย์ไม้มุดเข้ามาเสียอีก
“อย่าลนลานๆ ข้าจะให้เจ้าได้สูดอากาศเดี๋ยวนี้ละ” หลินหว่านหรงกลั้นหัวเราะพร้อมเดินเข้าไปหา คุกเข่าลงอย่างแช่มช้า ปลดเชือกที่มัดอยู่บนร่างของนาง เชือกที่อยู่บนตัวของอวี้เจียคนนี้ไม่รู้ว่ามัดอย่างไร กอปรด้วยเงื่อนซับซ้อนมากมาย ห่างไปไม่ไกลนักก็มีเงื่อนเป็นเงื่อนตาย หลินหว่านหรงใช้สรรพกำลังทั่วทั้งร่างถึงจะแก้มัดเชือกตรงศีรษะนางออกไปได้ เหงื่อเย็นไหลหยดติ๋งๆ ออกมาไม่หยุด
บนใบหน้าขาวกระจ่างใสราวกับน้ำนมของอวี้เจียปรากฏรอยแดงจางๆ ขึ้นหลายเส้น นางหน้าบวมจนเป็นสีม่วง นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างวูบด้วยประกายน้ำตาอันแสนจะอดสู
เพิ่งเอาเศษผ้าออกจากปากนาง อวี้เจียก็สะอื้นออกมาคราหนึ่ง ไหล่ทั้งสองข้างสั่นระริกเบาๆ น้ำตาสองสายค่อยๆ ไหลรินลงมาตามแก้ม สตรีทูเจวี๋ยผู้นี้ดื้อดึงยิ่งนัก ระหว่างร่ำไห้ก็หมุนร่างไป ไม่ยอมให้หลินหว่านหรงเห็นใบหน้านาง มีเพียงไหล่งามที่สั่นระริกไม่หยุดนั่นเท่านั้นที่แสดงความรู้สึกยามนี้ของนางออกมาอย่างชัดเจน นั่นคือความอดสูและความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่งยวด
เชือกนี้ช่างมัดอย่างมีมาตรฐานเสียจริง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือที่มัดจนช่ำชอง ในทัพข้ากลับซุกซ่อนคนมีความสามารถแบบนี้อยู่ด้วย ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ “คุณหนูอวี้เจีย นี่ ถูกคนจับตัวจะได้รับความลำบากเล็กน้อยก็ยากจะหลีกเลี่ยงนะ พวกพี่น้องของข้าแม้จะลงมือหนักไปสักหน่อย แต่นี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเจ้าสักหน่อยนี่นา เจ้าอย่าเสียใจเกินไปเลยนะ!”
อวี้เจียหันหน้ามา ดวงตาปรากฏประกายน้ำตาแห่งความอดสูกระจ่างวูบ กล่าวโดยแทบจะกัดฟันกรอดออกมาว่า “เจ้าโจรเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นเจ้า อย่ามาแสร้งทำทีมีเมตตาต่อหน้าข้าเลย หากไม่ใช่เจ้าส่งสตรีเข้ามา แล้วข้าจะถูกหยามเช่นนี้หรือ”
“สตรี?!” หลินหว่านหรงนิ่งอึ้ง ส่ายหน้าราวกับเป็นกลองป๋องแป๋ง “แม่นางอวี้เจีย เจ้าอย่ามาล้อเล่นเลย ข้านำทัพเดี่ยวเข้าสู่ทุ่งหญ้า จะพาสตรีมาด้วยทำไมกัน?! ห้าพันคนของข้านี้ต่างเป็นชายฉกรรจ์เหมือนกันทั้งหมด อย่าว่าแต่สตรีเลย แม้แต่แมลงสาบตัวเมียก็ยังหาไม่ได้สักตัว! แล้วข้าจะส่งสตรีมามัดเจ้าได้อย่างไร…หากจะมัดก็เป็นข้าทำเองนี่ล่ะ!”
ดูจากสีหน้าจริงใจของเขาแล้วก็ไม่เหมือนคนโกหก อวี้เจียครุ่นคิดถึงพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขา เจ้าอัวเหล่ากงคนนี้ไร้ยางอายลากมกต่ำช้า แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ยังมั่นใจได้ ขอเพียงเป็นเรื่องที่เขากระทำ เขาจะยอมรับด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นเขามีฝีมือแปลกประหลาดอัศจรรย์หลากหลาย ไม่จำเป็นต้องส่งสตรีเข้ามา
“ไม่ใช่เจ้าจริงหรือ?!” เยวี่ยหยาเอ๋อร์ก้มหน้า น้ำตาไหลเป็นทาง เอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
จากความงามยวนเย้าก่อนหน้ามาจนถึงความอ่อนแอน่าเวทนาตอนนี้ อวี้เจียแปรเปลี่ยนสารพันอย่างฉับพลัน หลินหว่านหรงจำแนกไม่ออกเช่นกันว่าคนไหนถึงจะเป็นนางตัวจริง “ไม่ใช่ข้าจริงๆ!” หลินหว่านหรงแบมือทั้งสองข้างออก กล่าววาจาอย่างผู้บริสุทธิ์ “ถ้าข้าอยากจะสั่งสอนคน ก็ไม่จำเป็นต้องยืมมือบุคคลที่สามเลย แม่นางอวี้เจีย เจ้าเห็นใบหน้าคนผู้นั้นชัดเจนหรือไม่?!”
ประกายน้ำภายในดวงตาของสาวน้อยทูเจวี๋ยเปล่งประกาย ส่ายหน้าด้วยท่าทางน่าเวทนาสงสาร “สตรีผู้นั้นเข้ามาดุจสายลม อีกทั้งข้ายังถูกเจ้ามัดอย่างแน่นหนา ยังไม่ทันได้ขัดขืนก็ถูกนางสยบไว้แล้ว แม้แต่ใบหน้านางก็เห็นไม่ชัด นางมัดข้าแน่นหนา ทั้งยังหัวเราะเย็นชาข้างใบหูข้าไม่หยุด ตัวข้าไร้เรี่ยวแรงแม้แต่น้อย สิ่งที่มองเห็นเพียงอย่างเดียวก็คือนางสวมชุดกระโปรงสีขาว”
ชุดกระโปรงสีขาว? หลินหว่านหรงใจเต้น ตื่นเต้นยินดีขึ้นมาทันที หรือจะเป็นพี่สาวนางเซียน? และมีแค่นางเท่านั้นถึงมีความสามารถเช่นนี้ เพียงแต่นางซัดเข็มเงินใส่ช้า ทั้งยังมัดอวี้เจียอีก แต่กลับไม่ยอมพบหน้าข้า ที่แท้นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
เขาหงุดหงิดใจไม่น้อย ปลดเชือกที่อยู่บนร่างเยวี่ยหยาเอ๋อร์สะเปะสะปะ พอมาถึงหน้าอกนางกลับนิ่งอึ้งไป
สองจุดที่นูนขึ้นมาบนอกงามอันชูชันของอวี้เจีย แต่ละจุดกลับปักเข็มเงินกระจ่างแวววาวเอาไว้ ปลายเข็มเพียงปักลงไปเล็กน้อยเท่านั้น ขยับสั่นกระเพื่อมเล็กน้อยตามการหายใจของสาวน้อยทูเจวี๋ย น่าดูชมยิ่งนัก เมื่อมองไปที่ท้องน้อยของนางอีก ก็มีเข็มเงินปักอยู่เล่มหนึ่งเช่นกัน ก่อเป็นรูปสามเหลี่ยมกับสองจุดที่อยู่บนหน้าอก สีเงินวูบวาบ กระจ่างตายิ่งนัก
อวี้เจียเห็นมือเขาดึงเชือกแต่ตากลับไม่ขยับ ดังนั้นจึงมองตามสายตาเขาไป เมื่อเห็นเข็มเงินแวววาวนั้น สาวน้อยทูเจวี๋ยก็ตะลึงงันก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ร้องอ๊ะเสียงแหลมแสบแก้วหูออกมาทันที เสียงดังลอยออกไปไกล ทำให้แก้วหูหลินหว่านหรงจะทะลุอยู่แล้ว
“ข้าจะฆ่านาง ข้าจะฆ่านาง!” เยวี่ยหยาเอ๋อร์ร่ำไห้ตะโกนร้องเสียงดัง กำปั้นน้อยกำเข้าหากันแน่น น้ำตาไหลรินดุจสายฝน จากความกระทบกระเทือนจากการถูกหมิ่นเกียรติเช่นนี้ นางหาใช่นางมารผู้งามยวนเย้าอีกต่อไป แต่เป็นสาวน้อยทูเจวี๋ยธรรมดาทั่วไป ยิ่งน่าเวทนา ทำให้คนสงสารมากยิ่งขึ้น
เข็มเงินที่สั่นกระเพื่อมไม่หยุดเกิดเป็นระลอกคลื่นที่ทำให้คนอกสั่นขวัญหาย หลินหว่านหรงหลั่งเหงื่อเต็มหน้า นี่เป็นวิชาฝ่ามือขั้นสูงสุดในกระบวนท่าสามสิบหกฝ่ามือ พี่สาวนางเซียนไปเรียนของพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่? เช่นนั้นวันหลังตอนที่ข้าแลกเปลี่ยนกับนางจะไม่ยิ่งราบรื่นหรอกหรือ?
“เอ่อ คุณหนูอวี้เจีย” หลินหว่านหรงหัวเราะฮิฮะสองครา “การแพทย์ต้าหัวเราล้ำลึกกว้างขวาง เข็มเงินนี้มีวิธีการใช้งานตั้งมากมาย ไม่ใช่การลบหลู่อย่างที่เจ้าคิดเอาไว้ ก็อย่างเช่นการที่สตรีผู้นั้นใช้การฝังเข็มแบบสามเหลี่ยมบนตัวเจ้า ที่จริงแล้วถือเป็นศาสตร์ที่สูงส่งมากอย่างหนึ่ง รอให้เจ้าศึกษาต้าหัวของลึกซึ้งอีกนิด เจ้าจะเข้าใจเอง”
“เจ้าก็ไม่ใช่ตัวดีอะไรเหมือนกันนั่นล่ะ” ครั้นได้ยินเขาแก้ตัวให้สตรีผู้นั้น เบ้าตาของอวี้เจียเปียกชื้น กัดฟันด้วยความเคียดแค้น “เจ้ากับนางร่วมมือกันมาหลอกข้า…อัวเหล่ากง ข้าแค้นเจ้า อวี้เจียแค้นเจ้า!”