ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 564 - 2 ราชครูทูเจวี๋ย
ท่ามกลางลมฝนอันรางเลือน ฟ้าดินมืดมน เหล่านายทหารมุ่งไปข้างหน้า ปราศจากความชักช้าแม้แต่น้อย ไหนเลยจะมองเห็นเงาร่างของนางเซียนหนิงได้ ความสับสนถูกขจัดไป เมื่อพิเคราะห์เส้นทางที่อยู่บนกระดาษแผ่นนั้นให้ถ้วนถี่ ยิ่งมองกลับยิ่งเหมือนเส้นคิ้วเรียวบางของหนิงอวี่ซี เหมือนดั่งนิสัยของนางเซียนหนิง หากนางลอบติดตามจริงก็จะยิ่งสงบนิ่งกว่า ไม่รู้ตัวยิ่งกว่าอันปี้หรู
ที่แท้พี่สาวอันและนางเซียนหนิงกลับอยู่ข้างกายเรามาโดยตลอด หลินหว่านหรงรู้สึกเศร้าเสียใจและยินดีอย่างบอกไม่ถูก นัยน์ตาทั้งสองข้างอดเปียกชื้นไม่ได้ มีสตรีผู้งดงามยวนเย้าหนึ่งธรรมะ หนึ่งอธรรมสองคนนี้เดินทางไกลอยู่เคียงข้าง หากเอ่ยถึงผู้ที่มีความสุขมากที่สุดในแผ่นดิน หากไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร?!
ด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน เขาทอดสายตามองลมฝนรอบด้าน หวีดหวิวแผ่วเบา ชดช้อยงดงาม กลายเป็นเงาร่างอันน่าลุ่มหลงของหนิงอวี่ซีภายในชั่วพริบตา
ครั้นเห็นเขามีสีหน้าเหม่อลอย คล้ายยินดีคล้ายโศกเศร้า เกาฉิวจึงรีบตบบ่าเขา “น้องหลิน เจ้าเป็นอะไร?!”
หลินหว่านหรงราวกลับตื่นขึ้นจากความฝัน ส่ายหน้าหัวเราะเสียงดังพร้อมตอบว่า “ไม่มีอะไร ข้าดีใจเกินไป มีข่าวของเฮ่อหลานซานกับคุณหนูสวี อีกทั้งยังได้พบสวี่เจิ้น ข้าจะไม่ดีใจได้หรือ?! พี่เกา พี่หู พวกเราต้องมีชีวิตรอดกลับมา ขะ…ข้าเชื่อมั่นอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เมื่อได้รับข่าวจากเฮ่อหลานซาน ย่อมทำให้คนตื่นเต้นยินดี แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นตื่นเต้นขนาดนี้นี่นา เกาฉิวกับเหล่าหูต่างมองหน้ากัน รู้สึกว่าเหมือนแม่ทัพหลินยังปิดบังข่าวดีอะไรอย่างอื่นไว้อีก
“ท่านแม่ทัพ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ” เสียงของหูปู้กุยหยุดชะงัก ขมวดคิ้วขึ้นมา “หน่วยลาดตระเวนที่อยู่ข้างหน้ากลับมาแล้ว เป็นอย่างที่ท่านคาดเดาไว้จริงๆ กองทัพผสมระหว่างเอ๋อจี้น่ากับฮาเอ่อร์เหอหลินเมื่อมาถึงต๋าหลานจา เมื่อไม่พบร่องรอยของพวกเราก็เดินทางย้อนกลับอย่างรวดเร็ว ที่เดินทางมาพร้อมพวกมันยังมีทหารม้าทูเจวี๋ยจำนวนสองหมื่นนายที่ถูกพวกเราใช้แผนการหลอกไปที่อู่หยวนก่อนหน้านี้ด้วยขอรับ”
หลินหว่านหรงร้องอ้อเรียบๆ คราหนึ่ง หัวเราะพร้อมทั้งพูดว่า “พวกมันรวมกำลังกันแล้ว? พูดเช่นนี้ เจ้าชนเผ่านอกด่านที่ย้อนกลับมานี่ไม่ใช่ว่าจะมีถึงสามหมื่นคนเลยหรือ?!”
หูปู้กุยส่งเสียงอืม ตอบด้วยความกังวลใจ “หลายทัพพอนับรวมกันก็มีไม่ต่ำกว่าสามหมื่นคน! ความเร็วในการเดินทัพรวดเร็วยิ่งนัก บวกกับอากาศปลอดโปร่ง พวกมันวิ่งห้อตะบึง ตอนนี้อยู่ห่างจากฮาเอ่อร์เหอหลินแค่สองร้อยกว่าลี้แล้วขอรับ”
หลินหว่านหรงหัวเราะฮิฮะคราหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ “สามหมื่นคนก็สามหมื่นคนเถอะ พวกเราไม่จำเป็นต้องสู้ชนกับพวกมัน สามหมื่นก็ไม่ต่างจากสามพัน เช่นนั้นก็ให้พวกเรามาลองแข่งกำลังฝีเท้ากับชนเผ่านอกด่านกันเถอะ เสี่ยวสวี่ เจ้ากับพี่น้องจำนวนสิบกว่าคนนี้มาได้จังหวะเหมาะพอดี คราวนี้พวกเราจะทำงานครั้งใหญ่ ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เป้าหมายคือฮาเอ่อร์เหอหลิน มุ่งหน้าเต็มกำลัง”
ข่าวการมาถึงของสวี่เจิ้นแพร่ไปทั่วกองทัพอย่างรวดเร็ว คำสาบานที่เฮ่อหลานซานไม่มีวันล้ม ดังก้องอยู่ข้างใบหูทุกคนราวกับสายลม ทำให้เหล่าผู้กล้าที่ล้วงลึกเข้าสู่ทุ่งหญ้า ทัพเดี่ยวซึ่งต่อสู้อย่างแข็งขันนี้มีน้ำตาร้อนคลอเบ้าด้วยความตื้นตันภายในชั่วพริบตา นี่เป็นความรู้สึกของสายโลหิตเชื่อมประสานที่ไม่ได้ผ่านพบมานานอย่างหนึ่ง
ฝนตกลมแรงไม่หยุด ถึงกระนั้นกลับไม่อาบราดรดดับความร้อนแรงของเรานายทหารผู้เ**้ยมหาญดั่งพยัคฆ์และหมาป่าชาวต้าหัวได้ พวกเขาระเบิดพลังที่มีอยู่ทั้งหมด วิ่งห้อตะบึงอย่างเต็มที่ รอยยิ้มด้วยความยินดีปรีดาปรากฏอยู่บนหน้าของคนทุกคน ฝนตกห่าใหญ่นี้เหมือนกลายเป็นน้ำชำระล้างที่ดีที่สุดของพวกเขา
ชาวทูเจวี๋ยคล้ายสัมผัสอะไรได้ พวกมันเดินทางกลับมาอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพักแม้แต่เสี้ยววินาที แข่งขันของทั้งสองฝ่ายกลายเป็นการสู้แลกกันระหว่างระยะทางและความอดทน
เมื่อข่าวเรื่องชนเผ่านอกด่านยังอยู่ห่างจากพวกเขาอีกสองร้อยลี้มาถึง ทหารม้าต้าหัวห้าพันนายก็ปรากฏตัวอยู่รอบนอกฮาเอ่อร์เหอหลินอย่างเงียบงัน ด้วยไอสังหารเดือดพล่านแล้ว
ใต้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ดินแดนทูเจวี๋ยขนาดมหึมาเหมือนดั่งร่มคันใหญ่ที่เชื่อมจรดผืนฟ้า กระโจมจำนวนนับไม่ถ้วนดูซีดขาวไร้กำลังภายใต้ลมฝนอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่รอคอยพวกมันอยู่ก็คือกีบเท้าม้าอันร้อนระอุของทหารต้าหัว
“ท่านแม่ทัพ ลงมือเถอะขอรับ” สวี่เจิ้นซึ่งได้พบกับหลินหว่านหรงเมื่อครู่ บนใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยไอสังหารพลุ่งพล่าน สำหรับเขา การเผาปาเยี่ยนเฮ่าเท่อ การโจมตีต๋าหลานจาอย่างพิสดาร ล้วนเป็นแค่ตำนานที่แม่ทัพหลินสร้างขึ้นมา การประมือกับชนเผ่านอกด่านบนทุ่งหญ้าภายในรังของชาวทูเจวี๋ยอย่างแท้จริงนั้น นี่ก็เป็นครั้งแรกของเขา ศึกนองเลือดที่เฮ่อหลานซานเห็นกับตาอย่างชัดเจน ดวงตาของเขาสาดเปลวเพลิงอันร้อนแรง ขอให้หลินหว่านหรงออกรบด้วยใบหน้าที่มีเส้นเอ็นปูดโปน
หลินหว่านหรงผงกศีรษะเล็กน้อย เบิกดวงตากว้าง สายตากวาดผ่านชายฉกรรจ์ห้าพันคนซึ่งยืนเรียงรายตั้งแต่งานเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า “พี่น้องทั้งหลาย…พวกเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือไม่?!”
“เฮ! เฮ!” เสียงร้องคำรามของเหล่านายทหารตัดทะลุผ่านลมฝนที่ค่อยๆ หยุดลง พวยพุ่งไปสู่ท้องนภา
หลินหว่านหรงสะบัดมือทั้งสองข้าง เสียงร้องคำรามอย่างพร้อมเพรียงกันนั้นก็หยุดลง
“ดินแดนเล็กๆ เช่นฮาเอ่อร์เหอหลินนี้ ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของพวกเรา เพียงแต่กลับเป็นเส้นทางที่พวกเราจะต้องผ่าน ข้ามีคำขอเพียงแค่อย่างเดียว หวังว่าดาบศึกของพวกเจ้าจะเร็ว แม่น เ**้ยม ใช้กีบเท้าม้าอันไร้พ่ายของพวกเจ้าเหยียบย่ำผ่านกระโจมของชาวทูเจวี๋ย พวกเราจะไม่หยุด แต่ความเจ็บปวดรวดร้าวจะประทับอยู่ในใจของชนเผ่านอกด่านตลอดกาล!”
เสียงกระจ่างชัดของเขาลอยล่องออกไปไกล ดังก้องอยู่ข้างใบหูของเหล่านายทหาร
“จุดคบเพลิง!” เสียงตะโกนดังลั่นของหูปู้กุยตัดผ่านชั้นเมฆา เสียงดังพรึบคราหนึ่ง ที่จุดไฟจำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้นพร้อมกัน เปลวเพลิงขนาดใหญ่ลุกโชติช่วงชัชวาล ส่องสว่างไปครึ่งท้องฟ้าภายในชั่วพริบตา ใบหน้าอันตื่นเต้นของเหล่านายทหารถูกย้อมเป็นสีแดงก่ำ
แสงสว่างที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนนี้เหมือนสายอสนีบาตที่สว่างวาบผ่านท้องฟ้า รวดเร็วจนทำให้ชาวทูเจวี๋ยซึ่งกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในกระโจมตกใจจนตื่น พวกมันพุ่งออกมานอกกระโจมด้วยดวงตางัวเงีย จากนั้นก็มองเห็นภาพที่ยากลืมเลือนไปตราบจนชั่วชีวิต
คบเพลิงส่องท้องฟ้าจนสว่าง ใบหน้าเย็นชาเ**้ยมโหดอำมหิตจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ใกล้แค่คืบ ใบหน้าพวกเขาปราศจากความรู้สึก สิ่งที่กำลังเดือดพล่านเพียงสิ่งเดียวนั้นก็คือเปลวเพลิงอันโชติช่วงภายในดวงตาพวกเขา
“ชาวต้าหัวมาแล้ว!” ไม่รู้ว่าเสียงร้องตะโกนโหยหวนเริ่มดังมาจากที่ใด ทำให้ชาวทูเจวี๋ยตกใจตื่นทันที พวกมันหันหน้าวิ่งกลับไปราวกับเสียสติ มุ่งไปทางคอกม้า
“เพื่อพี่น้องที่ตายไปที่เฮ่อหลานซาน ฆ่า!” เสียงร้องคำรามของสวี่เจิ้นกรีดผ่านท้องฟ้า อาชาพ่วงพีที่วิ่งห้อตะบึงจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นเมฆดำเคลื่อนที่บุกไปยังฮาเอ่อร์เหอหลิน ภายในชั่วพริบตา ชาวทูเจวี๋ยที่ลุกขึ้นมารับข้าศึกอย่างรีบร้อนลนลานเปลือยร่างท่อนบนอันแข็งแรงกำยำ ไม่ทันได้พกคันธนูก็กวาดแกว่งดาบใหญ่ไปยังทหารชั้นยอดของต้าหัวที่บุกเข้ามาเป็นชั้นๆ ราวกับเมฆดำ
เมื่อสวี่เจิ้นยกดาบในมือขึ้นฟัน ก็มีหัวคนที่ชุ่มโชกไปด้วยโลหิตปลิวหมุนขึ้นกลางอากาศหัวหนึ่ง กระแทกใบหน้าชนเผ่านอกด่านที่อยู่ด้านข้างพอดี ท่วงท่าอันไร้พ่ายของเขานี้ แม้แต่ชาวทูเจวี๋ยซึ่งเข่นฆ่าสังหารจนเคยชินก็ยังต้องหนาวสั่น ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ดาบทวนอันเย็นเฉียบของชาวต้าหัวก็แทงเข้าร่างของพวกมันไปแล้ว
นี่เป็นการรบโดยปราศจากข้อกังขา กำลังของทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย กีบม้าเหยียบย่ำผ่านกระโจมสีขาว สะเก็ดโลหิตสีแดงสดจำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานอยู่บนผืนผ้าสีขาว เหล่านายทหารรู้แก่ใจดีว่าเวลามีจำกัด นำ ‘เร็ว แม่น เ**้ยม’ สามคำนั้นมาใช้จนถึงขีดสุด กระโจมของชนเผ่านอกด่านซึ่งเชื่อมต่อกันจรดขอบฟ้าตกอยู่ท่ามกลางแสงเพลิง
“เรียนท่านแม่ทัพ จู่ๆ ชนเผ่านอกด่านก็เพิ่มความเร็วขึ้น ขบวนที่อยู่ข้างหน้าสุดของพวกมันตอนนี้อยู่ห่างจากพวกเราหนึ่งร้อยเจ็ดสิบลี้ขอรับ!” ฮาเอ่อร์เหอหลินกลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว รายงานจากหน่วยลาดตระเวนส่วนหน้าดังก้องอยู่ข้างใบหู หลินหว่านหรงผงกศีรษะ ส่งสัญญาณมือให้หูปู้กุย
เหล่าหูทะยานม้าออกไป กวัดแกว่งดาบศึก “ทุกคนฟังบัญชา เป้าหมายคือเอ๋อจี้น่า ออกเดินทาง!”
คำวิจารณ์ของอวี้เจียค่อนข้างแม่นยำ ทหารม้าต้าหัวตอนนี้ก็คือกลุ่มโจรบนทุ่งหญ้า ปล้นสะดมดินแดนหนึ่งเสร็จก็มุ่งไปยังเป้าหมายต่อไป ไม่มีใครขัดขวางความเร็วประดุจสายลมของพวกเขาได้
ดินแดนเอ๋อจี้น่าอยู่ติดอี้อู๋ เป็นเส้นทางที่ต้องเดินทางผ่านที่เชื่อมกับทะเลแห่งความตายหลัวปู้ปั๋ว ห่างจากฮาเอ่อร์เหอหลินไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้ ชาวทูเจวี๋ยที่ถูกกระตุ้นโทสะ เพิ่มความรวดเร็วในการเดินทางจนทำให้คนยากจะเชื่อได้ พวกมันอยู่ห่างออกไปอีกสองร้อยลี้ แยกออกเป็นสองสายโดยทันที สายหนึ่งไปยังฮาเอ่อร์เหอหลิน ส่วนอีกสายหนึ่งก็รีบหลุดมายังเอ๋อจี้น่าซึ่งยังไม่ถูกโจมตีอย่างเอาเป็นเอาตาย
เมื่อทหารห้าพันนายยืนอยู่เบื้องหน้าดินแดนเอ๋อจี้น่า หูปู้กุยก็เข้ามารายงานข่าวล่าสุดของชาวทูเจวี๋ย “ท่านแม่ทัพ ชนเผ่านอกด่านอยู่ห่างจากพวกเราแค่หกสิบลี้”
ฮาเอ่อร์เหอหลินที่ห่างออกไปร้อยลี้ฝนตกฟ้าคะนอง แต่เอ๋อจี้น่านี้กลับสดชื่นสะอาดหมดจด กระทั่งว่ายังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเล็กน้อยอีกด้วย ได้ยินเสียงคำรามของทะเลทรายอยู่ไกลๆ
เมื่อทอดสายตามองออกไป อี้อู๋ซึ่งอยู่เชื่อมต่อกับเอ๋อจี้น่า ครึ่งหนึ่งคือทุ่งหญ้าเขียวขจี ส่วนอีกครึ่งหนึ่งกลับเป็นทรายสีเงินราวกับหิมะอันไร้ขอบเขต สีเขียวและสีขาวเปล่งประกายเย็นเฉียบภายใต้แสงจันทร์กระจ่าง เอ๋อจี้น่า อี้อู๋ เชื่อมต่อกับทะเลแห่งความตายหลัวปู่ปั๋ว พันปีมานี้เล่าขานกันว่ายังไม่มีผู้ใดที่มีชีวิตรอดเดินออกจากทะเลแห่งความตายได้เลย แม้ว่าจะเป็นชาวทูเจวี๋ยผู้โหดเ**้ยมทารุณก็ไม่กล้าเข้าสู่ทะเลแห่งความตายที่มีชื่อเสียงเลื่องลือนี้เช่นกัน สวนเอ๋อจี้น่าก็คือดินแดนที่อยู่ติดทะเลทรายมากที่สุด และเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างหลัวปู้ปั๋วกลับทุ่งหญ้า