ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 569 - 2 วางยาพิษเจ้าให้ตาย
“ถุยๆ!” ยาเพิ่งจะเข้าปากก็มีกลิ่นรุนแรงเข้าสู่ปอดผ่านทางลำคอ จากปอดย้อนกลับมาที่ลำคอทันที ชาๆ แสบๆ เปรี้ยวๆ ขมๆ อยากจะกลืนไปยิ่งกว่าน้ำซาวข้าวเสียอีก
หลินหว่านหรงร้องอ๊ากออกมาครั้งหนึ่งแล้วบ้วนน้ำยาออกมาทั้งหมด หน้าตาเต็มไปด้วยความขื่นขม แลบลิ้นออกมายาวเหยียดหอบหายใจไม่หยุด “น้องสาว ที่แท้นี่มันยาอะไรกันแน่ ข้ากลัวว่าหากไม่ถูกเจ้าวางยาพิษจนตายก็ต้องถูกเจ้าทำให้ตกใจจนตาย”
ใบหน้าของอวี้เจียปรากฏเป็นความยินดีปรีดา หัวเราะออกมาตัวโยน “ให้เจ้าดื่มเจ้าก็ดื่มหรือ…บอกว่าเจ้าทึ่ม เจ้าก็ยังไม่เชื่อ! อัวเหล่ากง คราวนี้เจ้าต้องถูกข้าวางยาไปจนตายแล้ว!”
สีหน้าของหลินหว่านหรงแปรเปลี่ยนยกใหญ่ เอ่ยถามด้วยความตกใจอย่างยิ่ง “เจ้าพูดจริงหรือ?! เหตุใดจิตใจเจ้าถึงได้โหดเ**้ยมอำมหิตเช่นนี้?!”
อวี้เจียสีหน้าแปรเปลี่ยน จ้องมองดวงตาเขา กัดฟันกรอดพร้อมกล่าวออกมาอย่างมีน้ำโห “ต่อให้จริงแล้วจะทำไม?! ข้าจิตใจโหดเ**้ยมอำมหิต ข้าจะวางยาพิษเจ้าให้ตาย…เจ้าฆ่าข้าเลยสิ!”
อำมหิตผายลมน่ะสิ! ด้วยฝีมือของแม่หนูนางนี้ หากจะวางยาพิษจริงๆ ข้ายังจะมาถกเถียงกับนางอย่างอยู่ดีมีสุขตั้งครึ่งค่อนวันอย่างนี้อีกหรือ? เมื่อเห็นอวี้เจียโมโหเดือดดาลราวกับแม่เสือดาวดุร้ายเพราะความสงสัยของตัวเอง หลินหว่านหรงจึงโบกมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะๆ พวกเราไม่ทะเลาะกันแล้ว ข้าชื่อว่าเจ้าไม่มีทาง…”
“เจ้าฝันหวานไปแล้ว” อวี้เจียพูดขึ้นอย่างเย็นชา “บางทีเจ้าอาจจะถูกพิษที่ทำให้ไม่ค่อยออกฤทธิ์ของข้าแล้วยังไม่รู้ตัวก็ได้นะ”
หลินหว่านหรงส่ายหน้าพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “พวกเราอาจจะอยู่ในสถานะของสองชนชาติที่อยู่กันคนละฝ่าย แต่เจ้าไม่เหมือนคนชั่วช้าโหดเ**้ยมเช่นนั้น…ใช่แล้วล่ะ วันนั้นเหตุใดเจ้าถึงต้องหลอกข้าว่าเจ้าใช้น้ำล้างหน้าไปแล้วด้วยล่ะ? ทำจนข้าเชื่อแล้วจริงๆ!”
อวี้เจียหน้าแดง กล่าวอย่างมีทิฐิ “หากพูดไปแล้วเจ้าจะเชื่อหรือ? เจ้าเป็นคนที่หลอกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? เป็นเจ้าที่คิดไม่ดีไปเองต่างหาก ขี้เกียจจะพูดกับเจ้าแล้ว”
นางเบือนหน้าหนี กัดริมฝีปากสีแดงชาดแน่น ใบหน้าเย็นชา หลินหว่านหรงรู้เช่นกันว่าเรื่องนี้ตนเองออกจะมีอคติไปบ้างจริงๆ สตรีทูเจวี๋ยผู้นี้แม้จะจิตใจหยิ่งยโส ถึงกระนั้นกลับฉลาดล้ำเลิศ ไม่ใช่คนที่ทำอะไรมุทะลุแบบนั้นเด็ดขาด
ภายในรถทั้งสองคนต่างไม่เอ่ยวาจา หลินหว่านหรงถือประคองชามยา จะรุกก็ใช่ที่จะถอยก็ใช่ที่ สีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างล้นเหลือ
ประจันหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็หัวเราะฮ่าๆ ทนหน้าด้านพูดออกมาว่า “นั่น หมอเทวดาอวี้เจีย ถือว่าข้าขอโทษเจ้าก็ได้ คราวก่อนเป็นความเข้าใจผิดจริงๆ ใช่แล้วล่ะ ยังต้องขอบคุณที่เจ้ามอบน้ำสะอาดให้ข้าด้วย!”
อวี้เจียเบือนหน้าไป แค่นเสียงออกมาเบาๆ พร้อมเผยว่า “นั่นแค่คืนให้เจ้าเท่านั้น ไม่ต้องให้เจ้ามาขอบใจ”
หลินหว่านหรงมองเห็นสีหน้าของนางไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไรกันแน่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพูดจาอย่างระมัดระวังออกมาว่า “หมอเทวดา สายมากแล้ว เจ้าว่าอาการบาดเจ็บของพี่น้องของข้าคนนี้…”
“ดาบทองล่ะ?” อวี้เจียพูดตัดบทเขาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ หันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าอันเย็นชา
หลินหว่านหรงควักดาบโค้งสีเหลืองอร่ามออกมาจากอกพลางกล่าวระคนหัวเราะ “อยู่นี่! คุณหนูอวี้เจียวางใจ จุดเด่นอันยิ่งใหญ่มากที่สุดของข้าคนนี้ก็คือความจริงใจ สิ่งที่รับปากเจ้าแล้วจะต้องทำได้แน่นอน เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันดี!”
อวี้เจียละคำพูดของเขาประโยคนี้ของเขาไปทันที นางทอดสายตามองดาบทองเล่มนั้น ภายในดวงตาคล้ายยินดีคลายกังวล เงียบงันอยู่นานถึงเอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “เจ้าประคองผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเถิด”
หลินหว่านหรงยินดียิ่งนัก รีบประคองร่างหลี่อู่หลิงขึ้นมาให้พิงกับหน้าอกตนเอง อวี้เจียหยิบดาบทองมาจากมือเขา เล็งไปที่หน้าอกของหลี่อู่หลิง หลินหว่านหรงตกใจทันที “เจ้าจะทำอะไร?!”
อวี้เจียพูดอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ไม่ต้องให้เจ้ามายุ่มย่าม เจ้าถือชามยาให้ดี ฟังคำสั่งข้า พอข้าตะโกนว่าเริ่มได้ เจ้าก็กรอกยา! กรอกรวดเดียวลงไปทั้งหมด ห้ามหยุด!”
สาวน้อยใช้อำนาจสั่งการอย่างเต็มที่ ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ หลินหว่านหรงนอกจากทำตามคำสั่งแล้วก็ปราศจากหนทางอื่นใดอีก อวี้เจียกุมดาบทอง และไม่ดึงออกจากฝัก นางพลิกเปลือกตาหลี่อู่หลิง ผงกศีรษะเล็กน้อย ดาบทองที่อยู่ในมือโจมตีออกไปอย่างฉับพลันทันที ฝักดาบกระแทกหน้าอกเสี่ยวหลี่จื่อโดยแฝงพลังเล็กน้อย
หลี่อู่หลิงที่กำลังหลับสนิทร่างสั่นสะท้านอย่างรุนแรง คล้ายบังเกิดเสียงแค่นลมหายใจด้วยความเจ็บปวดคราหนึ่ง ปากอ้าออก อวี้เจียส่งเสียงด้วยความร้อนใจออกมา “เร็ว เริ่มได้!”
หลินหว่านหรงไม่กล้าชักช้า บีบคอหลี่อู่หลิง กรอกยาลงไปในปากเขาด้วยท่าแหงนศีรษะ หลี่อู่หลิงส่งเสียงอึกๆ อยู่ครู่หนึ่ง ได้รับการกระตุ้นจากยานั้น หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที กลับไออย่างรุนแรง
“เสี่ยวหลี่จื่อ เสี่ยวหลี่จื่อ…” เมื่อเห็นว่าหลี่อู่หลิงมีปฏิกิริยาตอบสนอง ด้วยความปีติยินดีอย่างยิ่ง หลินหว่านหรงจึงกอดร่างขาวพร้อมออกแรงร้องเรียก
การกระตุ้นของยาไม่อาจดูแคลนได้ หลี่อู่หลิงไอออกมาหลายครั้ง ภายในท้องบังเกิดเสียงดังขลุกๆ ทันที อวี้เจียรีบพูดขึ้นมาว่า “รีบประคองเขาออกไปนอกรถ!”
หลินหว่านหรงอุ้มเขาแล้วพุ่งลงไปจากรถม้า หลี่อู่หลิงส่งเสียงแหวะคราหนึ่ง หมอบอยู่บนขาเขา เริ่มอาเจียนใส่พื้นทรายอย่างรุนแรง
“เสี่ยวหลี่จื่อ!” หูปู้กุย เกาฉิว สวี่จิ้นสามคนที่อยู่ทางนั้นเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงนี้ก็บุกเข้ามา สายตาของทหารทุกคนต่างมุ่งตรงมาทางนี้
ช่วงหลายวันที่หลี่อู่หลิงสลบไสล อาหารที่กินเข้าไปจึงมีจำกัดยิ่งนัก การอาเจียนครั้งนี้นอกจากน้ำใสๆ ที่มีรสเปรี้ยวแล้วก็ปราศจากสิ่งอื่นใดออกมาอีก แม้บาดแผลภายนอกของเขาจะสมานตัวพอสมควรแล้วก็ตาม ถึงกระนั้นร่างกายก็ยังคงอ่อนระโหยโรยแรงยิ่งนัก การอาเจียนครั้งนี้ราวกับใช้สรรพกําลังทั่วทั้งร่างกายจนหมดสิ้น เขานอนหงายอยู่ในอ้อมอกหลินหว่านหรง หน้าซีดราวกระดาษ หายใจแผ่วเบายิ่งนัก เพียงแต่ขนตาที่สั่นระริกเบาๆ นั้นเตือนสติทุกคนว่าเขาฟื้นแล้วจริง ๆ
“น้ำ!” หลินหว่านหรงตวาดขึ้นเสียงดัง มีถุงน้ำที่หูปู้กุยส่งมาให้หลี่อู่หลิงตั้งแต่แรก ระหว่างที่เสี่ยวหลี่จื่อสลบไสลไม่ได้สติ แม้ว่าจะอยู่ในทะเลทราย ทุกวันยังคงป้อนน้ำไม่หยุด ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ถุงน้ำของเขามักจะถูกบรรจุไว้เต็มเสมอ
หลินหว่านหรงกรอกน้ำสะอาดเข้าไปในปากเสี่ยวหลี่จื่อ หลี่อู่หลิงสูดเข้าไปหลายคำอย่างละโมบ ริมฝีปากแตกแห้งผากในที่สุดก็ค่อยๆ ขยับขมุบขมิบ
หลินหว่านหรงยินดียิ่งนัก กอดบ่าของเขาไว้แน่น “เสี่ยวหลี่จื่อ เสี่ยวหลี่จื่อ เจ้ารีบฟื้นเร็ว!”
“พี่หลิน…” เสียงเรียกขานอันอ่อนระโหยโรยแรงยิ่งนักนั้นแฝงด้วยลมหายใจ คล้ายมาจากท้องนภา ท่ามกลางเสียงคำรามของลมทะเลทรายภายในทะเลสาบแห่งนี้ แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ก็ยังเข้าสู่ใบหูของทุกคน
หลี่อู่หลิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า สายตาของเขาหม่นหมองไร้ประกาย เพียงแต่เมื่ออยู่ในสายตาของทหารห้าพันนาย กลับเจิดจรัสราวกับดาวประกายพรึกที่อยู่บนท้องนภา
“ฮ่าๆ เสี่ยวหลี่จื่อฟื้นแล้ว เสี่ยวหลี่จื่อฟื้นแล้ว! ”หลินหว่านหรงส่งเสียงหัวเราะดังลั่น น้ำตาไหลริน…