ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 575 - 1 อกจะใหญ่ขึ้น หน้าจะแดงขึ้น
“ดูเร็ว หิมะตกแล้ว!” หลี่อู่หลิงตะโกนเสียงดังด้วยความยินดี ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที เห็นเพียงว่ายอดเขาเทียนซานมีไอหมอกปกคลุมขมุกขมัว เกล็ดหิมะขนาดเท่าขนห่านร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า กระจ่างใสแวววาว ลอยล่องพร่างพรมลงสู่ยอดเขา เบื้องหน้าสุดของขบวนซึ่งกำลังเคลื่อนทัพอยู่ถูกเกล็ดหิมะขนาดเท่าขนห่านนี้ปกคลุมภายในชั่วพริบตา ครั้นทอดสายตามองออกไปไกลๆ ก็เหมือนดั่งมุดเข้าไปในไอน้ำอันหนาทึบ
เห็นอยู่ว่าเป็นเดือนห้าแล้ว ในพื้นที่ภาคกลางอากาศค่อยๆ ร้อนขึ้น แต่เทียนซานแห่งนี้กลับมีหิมะตกลงมาในช่วงเวลานี้ เมื่อทอดสายตาลงไปด้านล่างเขาล้วนมีพฤกษานานาพันธุ์ เชิงเขามีหิมะและบุปผางดงามคงอยู่ร่วมกัน ครั้นมาถึงยอดเขากลับขาวโพลนภายในชั่วพริบตา หนึ่งบรรพตสามสภาพภูมิอากาศ ความงดงามอันน่าอัศจรรย์ใจของเทียนซานช่างสมดังคำร่ำลือเสียจริง
สุดท้ายเสี่ยวหลี่จื่อก็ยังมีนิสัยเป็นเด็กอยู่ดี บางทีอาจเพราะเดินทางอยู่ในทะเลทรายมานานมากเกินไป เมื่อเห็นเทียนซานมีหิมะโปรยปรายในเดือนห้า ทัศนียภาพงดงามอลังการ ดังนั้นจึงกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีขึ้นมาทันที เกาฉิวหัวเราะพร้อมพูดว่า “เพิ่งออกจากทะเลทรายก็เจอหิมะ การเดินทางครั้งนี้ของพวกเราถือว่าผ่านสายลมน้ำค้างสายฝนหิมะมาจนหมดสิ้น ชีวิตนี้ปราศจากความเสียดายแล้ว”
เจ้าสองคนนี้พูดจาเสียผ่อนคลายเชียวนะ หลินหว่านหรงกลับขมวดคิ้วมุ่น เทียนซานหิมะตก สวยมันก็สวยหรอก แต่มาตกบนคนเดินทางซึ่งกำลังจะข้ามผ่านเทียนซานเช่นพวกเขานี้ ถือเป็นการเพิ่มอันตรายขึ้นมากเลยทีเดียว
เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว หลินหว่านหรงจึงกัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “พี่หู สั่งการให้พวกพี่น้องให้อยู่ใกล้กันสักหน่อย ต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน คืนนี้ไม่ตั้งค่าย ให้เดินทางข้ามเทียนซานทั้งคืน”
หูปู้กุยรู้เช่นกันว่าเส้นทางเบื้องหน้าอันตรายและยากลำบาก ดังนั้นจึงรีบรับคำ ถ่ายทอดคำสั่งเขาลงไป ตลอดเส้นทางนี้เหล่านายทหารรวบรวมใบไม้แห้งทำเป็นเสื้อคลุมกันฝนกำบังลมหนาวหนาเตอะตามคำสั่งของหลินหว่านหรงมาตั้งแต่แรก น่าเกลียดก็น่าเกลียดไปสักหน่อย แต่การใช้งานกลับปรากฏให้เห็นเด่นชัดในตอนนี้
หลี่อู่หลิงสวมใส่อบอุ่นมากที่สุด เขาอายุน้อย อีกทั้งยังเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย ทุกคนเป็นห่วงเขา ต่างแอบยัดอาภรณ์ใส่ในห่อสัมภาระของเขา ยามนี้สิ่งที่สวมใส่อยู่บนร่างเขาก็คือชุดใหม่ที่เฉี่ยวเฉี่ยวทำให้หลินหว่านหรงก่อนออกเดินทาง เป็นหลินหว่านหรงที่เพิ่มให้เขาเป็นกรณีพิเศษ แม้จะมีขนาดใหญ่เกินไปหลายขนาด แต่การป้องกันความหนาวเย็นกลับไม่เป็นปัญหา
ยิ่งเดินทางขึ้นไปลมหิมะก็ยิ่งรุนแรง ลมเหนือระคนด้วยเกล็ดหิมะดังหวีดหวิวสาดกระทบใบหน้า แม้แต่ดวงตาก็ลืมไม่ขึ้นแล้ว ใบหน้าถูกพัดจนเจ็บ หนาวเย็นจนเจ็บยิ่งกว่า
หิมะใหญ่กับทะเลทรายถือเป็นสองความต่างที่สุดขั้ว ทางหนึ่งร้อนแทบตาย อีกทางหนึ่งหนาวจะแข็งตาย ช่วงระยะเวลาอันสั้นก็ประสบกับสภาพภูมิอากาศที่ต่างกันสุดขั้วสองแบบนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยเจอมาก่อน แม้แต่หลินหว่านหรงซึ่งได้รับการขนานนามว่าเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ก็ไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย เมื่อกวาดสายตาสำรวจโดยรอบแล้วเห็นเหล่านายทหารเดินทางด้วยอารมณ์อันหนักแน่นมั่นคง พูดคุยสรวลเสเฮฮากัน เขาถึงรู้สึกวางใจลงไปได้
เมื่อสายตาไปอยู่บนร่างของอวี้เจีย เขากลับอดขมวดคิ้วไม่ได้ ความหนาวเย็นตรงเชิงเขานางยังทนไม่ไหว นับประสาอะไรกับสายลมเหนือพัดพาหิมะตกหนักดังหวีดหวิวเช่นนี้ สาวน้อยทูเจวี๋ยใบหน้าหนาวเย็นจนซีดเผือด ร่างกายแข็งทื่อ เกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสายเกาะอยู่ผมและใบหน้าของนาง เปล่งประกายสอดประสานกับใบหน้าอันนุ่มนิ่มของนาง กลับแยกไม่ออกว่าสิ่งใดที่ขาวกว่ากัน สิ่งใดที่กระจ่างใสกว่ากัน
ลมหนาวพัดผ่าน ไหล่ของนางอดสั่นสะท้านไม่ได้ สาวน้อยขบกรามแน่นด้วยท่าทีอันดื้อดึง ไม่เปล่งเสียงออกมาสักแอะเดียว ในถุงสัมภาระมีใบไม้แห้งอยู่เต็มไปหมด มือน้อยของนางถักทออย่างว่องไว กำลังทำเสื้อคลุมให้ตนเอง
นังหนูคนนี้ไม่ลำบากเข้าจริงก็ไม่รู้จักความโหดร้าย! หลินหว่านหรงส่ายหน้า รีบเดินไปหลายก้าวเพื่อเข้าไปหา หัวเราะพร้อมเอ่ยว่า “คุณหนูอวี้เจีย จะขอปรึกษากับเจ้าสักเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?!”
“ไม่ปรึกษา!” เยวี่ยหยาเอ๋อร์ได้ยินเสียงของเขาแล้วก็เบือนหน้าหนีทันที ไม่มองเขาแม้แต่แวบเดียว พ่นถ้อยคำอันแสนจะเย็นชาออกมา
หลินหว่านหรงอยู่กับนางมานานมากแล้ว และรู้นิสัยของนางดี ดังนั้นจึงทำเหมือนไม่ดิ้นคำพูดนาง เขาหัวเราะร่วนพร้อมพูดออกมาว่า “อันที่จริงมาพูดเรื่องนี้กับเจ้ามันก็ง่ายดายราวกับยกมือ ข้าเห็นชุดที่เจ้าทำนี้ไม่เลว พอจะขายให้ข้าได้หรือไม่?!”
ขายให้เขา? อวี้เจียหันหน้ากลับมาโดยไม่รู้ตัว มองเขาอย่างเหม่อลอยหลายครั้ง บนหัวเจ้าโจรคนนี้มีเกล็ดหิมะขนาดใหญ่อยู่มากมาย หิมะซึ่งตกเต็มท้องฟ้าตกกระทบใบหน้าเขา ขาวดำสอดประสานกัน เห็นกันอย่างชัดเจนเยี่ยงนี้
เห็นเขามีท่าทางยิ้มทะเล้น คล้ายลืมเลือนเรื่องขัดแย้งระหว่างพวกเขาสองคนไปแล้ว
เจ้าคนนี้หนังหน้าช่างหนาเสียจริง อวี้เจียงึมงำคราหนึ่ง ถึงกระนั้นกลับไม่รู้ว่าเหตุใดถึงรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ต่อให้นางจะฉลาดอีกสักเพียงใดก็ไม่อาจกระจ่างแจ้งเจตนาของเจ้าโจรคนนี้ได้ นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงแค่นเสียงออกมาหลายครา “เจ้าจะมาประชดข้าอีกแล้วใช่หรือไม่?! ข้าไม่เชื่อคำพูดเหลวไหลของเจ้าหรอก!”
“จริงนะ ข้าจะประชดเจ้าทำไมเล่า” หลินหว่านหรงกล่าวระคนหัวเราะ “หิมะนี้ตกหนักเหลือเกิน ข้าหนาวจะแย่แล้ว ดังนั้นเลยอยากจะซื้อเสื้อคลุมของเจ้าเอามาป้องกันความหนาวเย็น!”
เขาไม่พูดก็ยังดี การเอ่ยปากครั้งนี้อวี้เจียพลันหนาวสะท้านไปจนถึงกระดูก ใบหน้านางเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง กำหมัดแน่น กล่าวด้วยความเดือดดาลออกมาว่า “นี่ยังจะต้องซื้ออีกหรือ? หากเจ้าต้องการก็มาแย่งไปเลยก็ได้ อวี้เจียแต่เดิมก็เป็นนักโทษของเจ้าอยู่แล้ว ยังต้องมาเสแสร้งแกล้งดัดเช่นนี้อีกหรือ?!”
“ทำเช่นนั้นไม่ได้” หลินหว่านหรงส่ายหน้าราวกับกลองป๋องแป๋ง หัวเราะร่วนฮ่าๆ “นักโทษก็มีสิทธิมนุษยชนนะ! อีกอย่างทุกคนต่างรู้กันทั่ว ข้าคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ที่มีชื่อเสียง บังคับซื้อบังคับขายไม่ใช่รูปแบบของข้า คุณหนูอวี้เจีย ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง ตอนนี้ข้าอยากซื้อเสื้อคลุมของเจ้า เจ้ายินดีหรือไม่?!”
ครั้นเห็นเขามีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนกับกำลังล้อเล่น อวี้เจียจึงกัดฟันกรอด แค่นเสียงแล้วพูดว่า “เจ้าหนาวมากจริงหรือ?!”
“หนาวมาก!” โจรผงกศีรษะ สีหน้าเคร่งขรึม
กางเกงที่ขาเขาขาดรุ่งริ่ง ใช้หญ้ามัดพันเป็นชั้นๆ ขึ้นมา นั่นเป็นร่องรอยซึ่งหลงเหลือจากการช่วยเหลือนางในพายุทะเลทราย ขาดวิ่นจนไม่อาจต้านทานลมหิมะได้ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขา สิ่งที่อบอุ่นมากที่สุดก็คือเสื้อคลุมตัวยาวนั้นแล้ว อวี้เจียตาแดงเล็กน้อย ดึงเสื้อคลุมที่เพิ่งจะถักเสร็จนั้นหลายครั้ง กัดฟันกรอดแล้วยัดใส่มือเขาไป “ให้เจ้า รีบไสหัวไป!”
รับเสื้อคลุมตัวนั้นไปโดยปราศจากความเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อย โจรหัวเราะฮิฮะพร้อมพูดว่า “ขอบใจ ในการซื้อเสื้อคลุมของเจ้าตัวนี้ ไม่ทราบว่าคุณหนูอวี้เจียต้องการให้จ่ายเป็นสิ่งใด ทรัพย์สินเงินทอง? อัญมณีมีค่า? หรือว่าใช้ตัวตอบแทน…”
“…ข้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เจ้ารีบไสหัวไปเร็ว!” สาวน้อยคำรามด้วยโทสะ เห็นใบหน้าอันน่ารังเกียจของเจ้าโจรนางก็กัดปากจนแตกหมดแล้ว อยากจะอัดหน้าเขาหนักๆ สักหมัดหนึ่งให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“ได้ๆ ข้าไป” หลินหว่านหรงรีบถอยออกไปสองก้าว หัวเราะพร้อมเอ่ยว่า “ข้าคนนี้เที่ยงธรรมซื่อสัตย์ นั่นคือสิ่งที่มีชื่อเสียง ตกลงกันแล้วว่าจะซื้อ ข้าก็ไม่มีทางเอาเปรียบเจ้า! ในเมื่อของหลายอย่างนี้ต่างไม่เหมาะสม เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวค่อยมอบของให้เจ้าก็ได้ ใช้ของแลกของ พวกเราไม่มีใครเสียเปรียบใคร!”
เจ้าโจรที่หัวเราะหน้าทะเล้นคนนี้น่ารังเกียจอย่างบอกไม่ถูก อวี้เจียหยิบเศษหิมะขึ้นมาแล้วปาใส่เขา “อย่ามาหาเรื่องข้า! ให้เจ้าไสหัวไป เจ้าก็รีบไสหัวไปสิ!”
เศษหิมะปลิวกระจายร่วงหล่น โจรรีบหัวเราะฮ่าๆ หนีผลุบหายไปข้างหน้า ทอดสายตามองเงาหลังท่ามกลางหิมะของเขา เยวี่ยหยาเอ๋อร์หลุบตาลงต่ำ สีหน้าเหม่อลอย
“เสี่ยวหลี่จื่อ เจ้ามานี่สักหน่อย!” หลี่อู่หลิงกำลังบังเกิดความคึกคักสนุกสนานอยู่พอดี เดินนำฝ่าลมหิมะอยู่เบื้องหน้าสุด จู่ๆ ได้ยินเสียงร้องเรียกเบาๆ แว่วมาหลายครั้งจึงหันหน้ากลับไป เห็นหลินหว่านหรงกำลังยืนอยู่ข้างขบวน กลอกตาไปมา กวักมือเรียกเขาด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ
เขารีบพุ่งปราดเข้าไปหา หัวเราะแล้วถามว่า “พี่หลิน ท่านเรียกข้าหรือขอรับ?!”
หลินหว่านหรงส่งเสียงอืมคราหนึ่ง ยัดเสื้อคลุมที่อยู่ในมือให้เขา “เสี่ยวหลี่จื่อ ทำงานให้ข้าสักอย่าง!”
เขาซุบซิบข้างใบหูหลี่อู่หลิงไปหลายประโยค เสี่ยวหลี่จื่อเบิกตาโพลงขึ้นมองเขา “พี่หลิน ท่านโง่ไปแล้วหรือ? การค้าที่ขาดทุนเช่นนี้ก็ทำได้ นี่ไม่ใช่รูปแบบของท่านเลยนะ”
“ก็อย่างที่เจ้าว่า…ข้าเป็นคนที่ยอมขาดทุนหรือ?” หลินหว่านหรงมองค้อนเขาอย่างอับจนปัญญา
หลี่อู่หลิงกะพริบตา มองดูสาวน้อยทูเจวี๋ยที่กำลังเดินท่ามกลางลมหิมะอย่างเร็วรี่ จากนั้นจึงมองหลินหว่านหรงอีกครา ทันใดนั้นก็ร้องอ้อออกมาคราหนึ่ง หัวเราะพร้อมพูดว่า “ที่แท้ก็แบบนี้ เข้าใจแล้วขอรับ! พี่สาวอวี้เจียผู้นี้ นอกจากเป็นชาวทูเจวี๋ยแล้ว เรื่องอื่นกลับยังไม่เลว พี่หลินวางใจ เรื่องนี้ข้าไม่มีทางบอกท่านน้าสวีแน่!”
เมื่อเห็นเสี่ยวหลี่จื่อกลอกตาเป็นพัลวันก็รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หลินหว่านหรงพูดอย่างจนใจออกมาว่า “เห็นชัดว่าเป็นเรื่องอันสูงส่งยิ่งเรื่องหนึ่ง เหตุใดถึงชอบมีคนใช้สายตาต่ำต้อยไปมองได้นะ?! ต้องรู้ว่าข้าไม่ใช่คนใจง่ายขนาดนั้น!”
ไม่ใช่คนใจง่ายขนาดนั้นจริงด้วย เสี่ยวหลี่จื่อยินดีเป็นล้นพ้น แม้เขาจะถูกทำร้ายสาหัสโดยชาวทูเจวี๋ย แต่ชีวิตนั้นกลับถูกอวี้เจียช่วยไว้อีก หากพูดโดยใช้ภาษาของเขาเอง คนเราอยู่บนโลก มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ทำสิ่งใดคืนสิ่งนั้น สองสิ่งไม่ปะปนกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้รู้สึกแปลกแยกกับสาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้เท่าใด ในทัพใหญ่นอกจากหลินหว่านหรงแล้ว ก็มีเขาที่ยังสนทนากับเยวี่ยหยาเอ๋อร์ได้สักหลายประโยค