ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 576 - 3 พบนางเซียนอีกครา
“จำได้ จำได้!” หลินหว่านหรงผงกศีรษะ
หนิงอวี่ซีถอนหายใจเบาๆ “โชคชะตาของคนเราก็เหมือนวงล้อ ข้ากับศิษย์น้องอันห่างเหินกันมานานหลายปี กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันในคืนนั้น”
หลินหว่านหรงกะพริบตา “พี่สาวนางเซียน ความหมายของท่านก็คือคืนนั้นไม่ใช่แค่พี่สาวอันที่อยู่ที่นั้น แต่ท่านก็อยู่ด้วย? ไอ้หยา มิน่าถึงมีเข็มเงินสองเล่ม ข้านี่ช่างโง่เสียจริง!”
“ตอนนี้เจ้าถึงรู้หรือ? โง่จริงๆ ด้วย” หนิงอวี่ซีทัดปอยผมข้างใบหู ส่ายหน้าแล้วพูดเบาๆ “ข้าลงจากยอดเขาเขียนเจวี๋ยก็ติดตามอยู่ท้ายขบวนเจ้ามายังทางเหนือ คาดไม่ถึงว่าศิษย์น้องอันกลับแฝงกายอยู่ข้างตัวเจ้า ว่าไปแล้วเจ้าก็มีความสามารถไม่น้อย!”
หนิงอวี่ซีเหลืบมองเขาเรียบๆ หลินหว่านหรงตกใจ เขาคุ้นเคยกับนิสัยของนางเซียนหนิงดียิ่งนัก ทุกครั้งที่สีหน้านางเรียบเฉย นั่นคือนางโกรธ อย่างน้อยก็คือไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงรีบหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “พี่สาวอันมาตามคำขอร้องของเซียนเอ๋อร์ให้มาคุ้มกันข้าโดยเฉพาะ ทีแรกข้าก็ไม่รู้…นางเซียนท่านพบพี่สาวอัน เช่นนั้นนางพบท่านด้วยใช่หรือไม่”
“อย่างนั้นหรือ? ทำตามคำขอร้องของเซียนเอ๋อร์?!” หนิงอวี่ซีแค่นเสียงเล็กน้อย “ตลอดเส้นทางที่เจ้าขึ้นเหนือ ยังไม่ได้รบพุ่ง พวกเราสองคนเร้นกายมิดชิด ต่างฝ่ายต่างไม่พบเห็น จวบจนถึงเมืองซิงชิ่งคืนนั้น…”
รถไฟชนกันแล้ว! หลินหว่านหรงเหงื่อแตก เหยียบเรือสองแคมไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ด้วยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือระหว่างนางเซียนกับนางจิ้งจอกอัน นั่นราวกับร่ายรำร่วมกับหมาป่า!
“พูดไปแล้วก็น่าขำ” หนิงอวี่ซีส่ายหน้าถอนหายใจเล็กน้อย “การพบกันอีกครั้งของข้ากับศิษย์น้องอันกลับมาอยู่ที่นอกชายแดน ณ เขตทะเลทราย นี่คงต้องขอบคุณเจ้าแล้วจริง ๆ!”
“ควรแล้ว…อ๊ะ ไม่ๆ ข้าหมายถึงน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน” ภายในน้ำแข็งหนาวเย็นเหลือล้น ทว่าหลินหว่านหรงกลับเหงื่อแตกท่วมใบหน้า
นางเซียนหนิงถอนหายใจยาว “พวกเราสองคนพบหน้ากัน เมื่อปราศจากการผูกมัดของสำนักศักดิ์สิทธิ์กลับพูดคุยกันอย่างมีความสุข เพียงแต่นิสัยร้อนแรงของศิษย์น้องอันนั้นกลับมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ นางบอกว่าเราสองคนร่วมกันคุ้มครองเจ้า นั่นถือเป็นการใช้คนเสียเที่ยวเปล่า และได้เปรียบเจ้าเกินไป ดังนั้นจึงเสนอเงื่อนไขในการแข่งขึ้นมา”
แข่ง? เรื่องนี้กลับไม่เคยได้ยินพี่สาวอันเอ่ยถึง หลินหว่านหรงจึงรีบถามว่า “แข่งอะไร?”
“เราสองคนแบ่งระยะกันคุ้มครองเจ้า หากผู้ใดอดทนไม่ได้ พบหน้าเจ้าก่อน ผู้นั้นก็แพ้ไป!” หนิงอวี่ซีเอ่ยเบาๆ “ตั้งแต่เฮ่อหลานซานจนถึงทุ่งหญ้า นี่ถือเป็นระยะทางช่วงแรก ให้ศิษย์น้องอันมาคุ้มกันเจ้า เพียงแต่เจ้าคนนี้กลับได้ความเอ็นดูแล้วกลับหยิ่งผยอง ถ้าไม่เห็นหน้าจะไม่นอนอะไรนั่น เปลี่ยนวิธีการหลอกล่อให้ศิษย์น้องอันออกมา นางรู้อยู่แก่ใจว่าหากพบเจ้าก็จะพ่ายแพ้ ทว่ากลับยังคง…” นางเซียนหนิงเหลือบมองเขา คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กลับไม่พูดต่อไปแล้ว
พี่สาวอัน! นึกถึงท่าทางฝืนสะกดกลั้นความปวดใจอย่างรุนแรงพลางหัวเราะเบาๆ ของนางจิ้งจอกอันนั้น แต่เรากลับยังจำนางผิดว่าเป็นนางเซียนหนิงอีก หลินหว่านหรงก็พลันปวดใจขึ้นมาทันที พี่สาวอันไม่ได้พูดอะไร ทว่าจิตใจนั้นกลับเหนือล้ำกว่าถ้อยคำนับพันนับหมื่น
“ก็ถือว่าข้าทวงความยุติธรรมให้ศิษย์น้องอันก็แล้วกัน” เห็นเขาก้มหน้าก้มตาท่าทางหมองหม่น หนิงอวี่ซีก็ถอนหายใจเล็กน้อย “เจ้าก็อย่าโทษตัวเองเกินไปเลย อันที่จริงต่อให้เจ้าไม่พบนาง นางก็ต้องพบเจ้าอยู่ดี”
“เพราะอะไร?!” หลินหว่านหรงรีบเงยหน้าถาม
“สตรีบนโลกนี้เพื่อความรักแล้วก็กลายเป็นคนโง่” นางเซียนหนิงมองค้อนเขาอย่างจนใจ “เดิมทีดินแดนบนเขาของศิษย์น้องอันมีเรื่องใหญ่ ไม่อาจปลีกตัวออกมาได้ เพื่อเจ้าแล้วนางได้ทำข้องตกลงไว้ข้อหนึ่ง กำหนดเวลากลับไปแน่นอน เหตุนี้นางถึงลงเขาอย่างวางใจได้ วันที่นางไปจากเจ้าวันนั้นก็คือถึงเวลาแล้ว”
หลินหว่านหรงลุกขวับขึ้นมาทันที กล่าวด้วยความตึงเครียดออกมาว่า “ข้อตกลงอะไร? คงไม่ใช่แต่งงานกับเจ้าเขาเจ้าดินแดนอะไรหรอกนะ”
หนิงอวี่ซีส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่ค่อยรู้แน่ชัด เพียงแต่ด้วยนิสัยของศิษย์น้องอัน ผู้ที่เอาเปรียบนางได้ยังไม่ถือกำเนิด…อ้อ น่าจะเอาเจ้าเป็นข้อยกเว้นถึงจะถูก!”
ครั้นเห็นสายตาเฉยชาของนางเซียนหนิง หลินหว่านหรงก็กล่าวระคนหัวเราะด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “เอ่อ…คือ..เรื่องของข้ากับพี่สาวอัน พูดไปแล้วก็ซับซ้อน!”
“มีอะไรให้ซับซ้อน ก็แค่นางใช้ลูกไม้ให้เจ้ามาสยบข้าเองนี่นา?! ตอนนี้เจ้าสมปรารถนาแล้ว!” หนิงอวี่ซีสีหน้าเย็นชาภายในชั่วพริบตา แค่นเสียงออกมาคราหนึ่ง
หลินหว่านหรงตกใจยิ่งนัก “ทะ…ท่านรู้ได้อย่างไร? ไม่ใช่นะ พี่สาว ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดแบบนั้น!”
“เจ้าไม่ต้องบ่ายเบี่ยง! ศิษย์น้องอันบอกข้าหมดแล้ว เรื่องของเจ้านั้นข้ารู้อยู่แก่ใจ!” หนิงอวี่ซีเบือนหน้าไป เสียงเย็นชามากขึ้น
นางจิ้งจอกอันคนนี้นี่ เรื่องอะไรก็พูดออกมาหมดเลยหรือ? เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของนางเซียนหนิง หลินหว่านหรงก็ร้อนใจจนเต้นผาง “พี่สาว ไม่ใช่แบบนั้นจริงๆ นะ พี่สาวอันเคยบอกให้ข้าหาหนทางสยบท่านจริง แต่ท่านลองมองข้าสิ ทั้งปราศจากรูปโฉม ทั้งปราศจากความรู้ หน้าตาก็เหมือนพี่ชายของพานอัน แล้วข้าจะมีความคิดนี้ได้อย่างไร? อีกอย่าง ข้าเป็นคุณธรรมต่ำต้อยเช่นนั้นหรือ?!”
“ทีนี้กลับรู้จักถ่อมตัวแล้ว!” หนิงอวี่ซีแค่นเสียงบางๆ “คุณธรรมของเจ้าสูงส่งหรือ?! เช่นนั้นเจ้ากับอวี้เจียคืออะไร เอะอะอะไรก็วางแผนให้แม่นางตกหลุมพราง!”
นางเซียนมองออกทุกอย่างจริงด้วย หลินหว่านหรงพูดด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “พี่สาว ท่านจะเทียบกับอวี้เจียได้อย่างไร! วิธีการที่นางใช้หรือว่าท่านจะไม่เห็น? ข้าก็แค่ตาต่อตาฟันต่อฟันก็เท่านั้นเอง แต่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราสร้างมากับมือนั้นจริงแท้แน่นอน ผ่านการทดสอบมายาวนานนะ ยอดเขาเชียนเจวี๋ย โซ่แห่งความรัก สิ่งที่ถ่ายทอดออกไปล้วนแต่เป็นตำนานความรัก ข้ากล้าพนันว่าบนโลกนี้ไม่มีผู้ใดที่จะมีความสุขและความทรงจำอันแสนจะยาวนานเช่นนั้นเยี่ยงพวกเราแล้ว!”
หนิงอวี่ซีหน้าแดงเล็กน้อย พร้อมส่งเสียงร้องเบาๆ “ตำนานความรักอะไรกัน! ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับเจ้าทั้งนั้น!”
“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ หรือ?” เสียงของหลินหว่านหรงเบาลงไปทันที
หนิงอวี่ซีตกใจน้ำตาไหลพราก “จะเป็นอะไรกันได้ ข้าเป็นอาจารย์ของชิงเสวียน…อ๊ะ…”
พูดยังทันจบร่างกายก็ร้อนวูบ ร่างอันร้อนระอุโอบร่างตนเข้าไปในอก ริมฝีปากอ่อนนุ่มแดงสดใสพลันถูกริมฝีปากใหญ่ประกบเอาไว้
“อือ…อือ…” นางออกแรงดิ้นรนสองครา ทว่าเรี่ยวแรงทั่วทั้งสรรพางค์กายไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจใช้ออกมาได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดหลินหว่านหรงถึงปล่อยนางเซียนผู้บอบบางในอ้อมอก ส่งเสียงจึ๊จ๊ะทอดถอนชมเชยออกมาว่า “ตอนนี้ได้แล้ว ต่อให้ไม่ได้เป็นอะไรกัน พวกเราก็เป็นอะไรกันเล็กน้อยแล้ว คราวหน้าหากมีอีก พวกเราก็จัดการตามเดิม!”
หนิงอวี่ซีอ่อนระทวยไปทั้งร่าง ซบอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างหมดแรง พูดพึมพำออกมาว่า “โจรปลิ้นปล้อน ชีวิตนี้ของข้า ความผิดพลาดเพียงหนึ่งเดียวก็คือได้พบเจ้า”
“หากได้พบท่านถือเป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่ง เช่นนั้นข้ายอมผิดแล้วผิดอีก!” หลินหว่านหรงกล่าวพลางหัวเราะร่วน
นางเซียนหนิงเบือนหน้าไป ไหล่งามสั่นเทาเล็กน้อย พูดเบาๆ ออกมาว่า “เจ้าพูดกับศิษย์น้องอันเช่นนี้ด้วยล่ะสิท่า?”
หลินหว่านหรงเหม่อลอย รู้สึกยินดีอย่างยิ่งอยู่ลึกๆ นางเซียนหึงเป็นแล้ว แถมยังหึงพี่สาวอันอีกด้วย! เขาพลิกไหล่นางมาเบาๆ เห็นว่านางเซียนหนิงกำลังกัดริมฝีปากเบาๆ น้ำตานองหน้า งดงามล้นเหลือ อ่อนโยนล้นเหลือ คล้ายนางเซียนที่ลงมาสู่แดนดินจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
หลินหว่านหรงมองอย่างเหม่อลอย พูดเบาๆ ออกมาว่า “พี่สาวนางเซียน ท่านนับวันก็ยิ่งเหมือนสตรีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสตรีที่แท้จริง!”
“เป็นเจ้าที่ทำร้าย! เจ้าโจรที่ทำร้ายคนถึงตาย!” หนิงอวี่ซีด่าทออย่างเดือดดาล หยิกหน้าอกพร้อมทุบอกเขาอย่างรุนแรงหลายครั้ง
รับกำปั้นน้อยๆ อันอ่อนปวกเปียกของนางเซียนนี้มันช่างสบายเสียจริงนะ หลินหว่านหรงหัวเราะรว่น “พี่สาวนางเซียน วรยุทธของท่านถดถอยรุนแรงมากแล้วจริงๆ นะ!”
หนิงอวี่ซีนิ่งงัน จากนั้นก็เข้าใจความหมายเขาทันที นางใบหน้าแดงด้วยความอาย ถึงกระนั้นกลับไม่ถนอมกำลังอีกต่อไป อัดเขาไปทีหนึ่ง!
ทั้งสองกระเง้ากระงอดกันครู่หนึ่ง เมื่อเห็นที่จุดไฟซึ่งลุกไหม้อยู่นั้น หลินหว่านหรงก็นึกถึงสถานการณ์ในปัจจุบันขึ้นมาได้ทันที “พี่สาวนางเซียน ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ใด?!”
ตอนนี้เขาถึงเพิ่งจะนึกถาม เจ้าคนนี้พอเห็นสตรีก็กล้าลืมทุกสิ่ง นางเซียนหนิงทั้งอายทั้งขำ กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “อยู่ใจกลางถ้ำน้ำแข็งเทียนซาน ที่นี่อยู่ห่างจากยอดเขาเกรงว่าคงมีหลายร้อยจั้ง!”
หลายร้อยจั้ง? หลินหว่านหรงตกใจจนแลบลิ้น หากไม่มีพี่สาวนางเซียน ตอนนี้ข้าก็คงกลายเป็นก้อนเนื้อไปนานแล้ว ระยะทางหลายร้อยจั้งนี้ แถมยังพาคนอีกคนหนึ่งอีก ต่อให้นางเซียนหนิงจะมีวรยุทธล้ำเลิศ แต่นั่นก็ลำบากและอันตรายอย่างยิ่ง เขากุมมือหนิงอวี่ซีแน่นพร้อมเอ่ยออกมาเบาๆ “พี่สาว ขอบคุณท่านมาก!”
“ขอบคุณข้าทำไม?” หนิงอวี่ซีถามด้วยเสียงแผ่วเบาเลื่อนลอย
หลินหว่านหรงถอนหายใจออกมายาวๆ คราหนึ่ง “ท่านเอาแต่พูดความดีของพี่สาวอันต่อหน้าข้า แต่ไม่ยอมเอ่ยถึงตัวท่านเอง! ความเมตตาและความรักของท่านนี้ คนแซ่หลินต่อให้ร่างแหลกสลายก็ยากจะตอบแทน…”
“พูดจาเหลวไหลอะไร” มือน้อยอันอบอุ่นและนุ่มนิ่มข้างหนึ่งปะกบปากเขา นางเซียนพูดอย่างอ่อนโยนว่า “โจรน้อย เจ้าอย่าลืมนะว่าพวกเรานั้นเป็นอะไรกัน!”
“พวกเราเป็นอะไรกัน” ที่ดียิ่งนัก หลินหว่านหรงเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น จูงมือนางให้ยืนขึ้น “พี่สาว พวกเรารีบคิดหาวิธีออกไปถึงจะถูกต้อง อวี้เจียผู้นั้นแผนการมากมาย ข้ากังวลจริงๆ ว่านางจะฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่แอบหนีไป!”
“กังวลเรื่องนี้จริงหรือ?” หนิงอวี่ซีเหล่มองเขา หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าก็วางใจได้เลย คุณหนูอวี้เจียผู้นี้มีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วันแล้ว!”