ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 577 แย่แล้ว
“อยู่ได้ไม่กี่วัน? หมะ…หมายความว่าอย่างไร?!” หลินหว่านหรงเบิกตาโตพร้อมเอ่ยถาม
นางเซียนส่ายหน้าพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “เจ้าคนนี้นี่นะ ช่างเป็นพวกรับรู้ช้าเสียจริง ข้าขอถามเจ้า คืนนั้นในกระโจมของเจ้า ศิษย์น้องอันทำอะไรกับอวี้เจียบ้าง เจ้ารู้หรือไม่?”
พี่สาวอันทำอะไรกับเยวี่ยหยาเอ๋อร์บ้าง? เหมือนจะแก้ผ้านางนะ! เมื่อเห็นทำตาปริบๆ คิดไม่ออกก็รู้ว่าเดาไม่ถูก หนิงอวี่ซีหัวเราะพลางยกมือน้อยขึ้นพร้อมตบลำคอเขาคราหนึ่ง “ตอนที่พวกเจ้าสองคนไต่สวนอวี้เจีย ศิษย์น้องอันลงมือทำอะไรกับนางบ้าง”
ท่ามกลางความทรงจำอันรางเลือน เหมือนพี่สาวอันจะทำแบบนี้ที่คอของอวี้เจียคราหนึ่งจริงๆ หลินหว่านกล่าวด้วยความงุนงงสงสัย “ตบทีหนึ่งนี่นะ นี่ก็ถือว่าลงมือด้วยหรือ? เช่นนั้นข้าก็ลงมือลงไม้กับพี่สาวนางเซียนครั้งใหญ่แล้วล่ะ!”
“เหตุใดถึงมาพูดถึงข้าได้?!” หนิงอวี่ซีหน้าแดงเล็กน้อย กลอกตาค้อนอย่างจนใจสองครา “ตบไม่กี่ครั้งย่อมไม่อาจนับว่ามีอะไรพิเศษได้แน่นอน! แต่ว่าหากเพิ่มสิ่งนี้ไป นั่นก็ต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว”
นางเซียนยิ้มแย้ม ในมือปรากฏแสงสีเงินกระจ่างวูบ เป็นเข็มเงินวาววับเล่มหนึ่ง หลินหว่านหรงคิดแล้วคิดอีก จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยความตกใจ “หรือว่าจะหมายถึงพี่สาวอาจารย์ฝังเข็มให้อวี้เจีย?! นี่น่าจะไม่เป็นอะไรกระมัง ข้าก็ถูกเข็มนางทุกวันเลย!”
นางเซียนหนิงมองค้อนเขาด้วยความรู้สึกขบขัน “เจ้านึกว่าในใจของศิษย์น้องอัน สถานะของเจ้ากับอวี้เจียนั้นเหมือนกันหรืออย่างไร”
เหมือนจะต่างกันอยู่บ้างนะ! หลินหว่านหรงผงกศีรษะ “เช่นนั้นนางฝังเข็มอะไรให้อวี้เจีย?!”
หนิงอวี่ซีถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างอับจนปัญญา “หากในตัวเจ้าอยู่ดีไม่ว่าดีก็มีเข็มอาบยาพิษเพิ่มขึ้นมาหนึ่งเล่ม เจ้าจะเป็นเช่นไร?!”
เข็มที่ถึงแก่ชีวิต? สีหน้าของหลินหว่านหรงสีหน้าแปรเปลี่ยน กล่าวด้วยความตกใจขึ้นว่า “นะ…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? อยู่ดีไม่ว่าดี พี่สาวอันจะฆ่าอวี้เจียทำไมกัน?!”
“อยู่ดีไม่ว่าดีอะไรกัน นี่เจ้าก็เลอะเลือนจริงหรือว่าแกล้งเลอะเลือนกันแน่” นางเซียนหนิงแค่นลมหายใจออกมาเบาๆ “ฝีมือของอวี้เจียผู้นั้น แม้แต่ศิษย์น้องอันก็ยังต้องกริ่งเกรงอยู่หลายส่วน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังเป็นโจรถ่อยบ้ากามขวัญกล้าไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดินอีก หาใช่คนในชนชาติ ใจย่อมเป็นอื่น ดูจากท่าทางของอวี้เจียผู้นั้นจงใจเกาะแกะเจ้า แล้วศิษย์น้องจะเก็บต้นตอแห่งเภทภัยนี้ไว้ทำร้ายเจ้าหรือ? ด้วยนิสัยของนาง ไม่ได้ฆ่าคนต่อหน้าเจ้าถือว่าได้เปรียบอวี้เจียแล้ว!”
หลินหว่านหรงเย็นวาบไปทั่วทั้งร่าง นางเซียนพูดไม่ผิด ด้วยนิสัยพระมารดาศักดิ์สิทธิ์แห่งพรรคบัวขาวของพี่สาวอัน หากนางหึงขึ้นมาฆ่าคนก็เหมือนกับหั่นผัก อวี้เจียสิบคนก็คงไม่พอ
เขาหัวเราะแหะๆ สองครั้ง “เอ่อ…พี่สาวอันช่างร้ายกาจเสียจริง เหตุใดข้าถึงดูไม่ออกแม้แต่น้อยเลยนะ”
“เรื่องที่เจ้าดูไม่ออกยังมีอีกมากมายนัก” หนิงอวี่ซีมองเขาอย่างตำหนิคราหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะพร้อมถอนหายใจเบาๆ ทันที “อวี้เจียผู้นี้หากเอ่ยถึงรูปโฉมและสติปัญญาล้วนอยู่ในขั้นสุดยอด หากจะผิดก็ผิดที่นางเป็นชาวทูเจวี๋ย ทั้งยังคิดไม่ซื่อกับเจ้าอีก เหลือชีวิตแค่ห้าเดือนแล้ว กลับน่าเสียดายอยู่บ้างจริงๆ!”
ห้าเดือน? พูดแบบนี้พี่สาวอันก็วางยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้ากับนางสินะ?! เยวี่ยหยาเอ๋อร์การแพทย์ล้ำเลิศ ไม่รู้ว่าตัวเองจะแก้พิษได้หรือไม่
“เจ้ากำลังคิดอะไร?” เมื่อเห็นเขาเงียบงันอยู่นาน นางเซียนหนิงจึงจับมือเขาพร้อมเอ่ยถามด้วยเสียงอันอ่อนโยน
หลินหว่านหรงหัวเราะฮิๆ แห้งๆ เล็กน้อย “พี่สาวนางเซียน ท่านว่าพี่สาวอันวางยาพิษอะไรถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ มีวิธีแก้หรือไม่?”
หนิงอวี่ซีมองเขาด้วยท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ทำไม เจ้าคิดจะช่วยสตรีทูเจวี๋ยผู้นี้?”
“เปล่า เปล่า!” หลินหว่านหรงรีบโบกมือ กล่าวด้วยสีหน้าขึงขัง “ข้าก็แค่อยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์การแก้พิษกับพี่สาวก็เท่านั้น ข้าคนนี้เป็นคนที่ใฝ่หาความรู้อย่างตั้งใจมาตลอดนะ”
หนิงอวี่ซีหัวเราะพรืดออกมาเบาๆ “ความคิดของเจ้าจะปิดบังผู้ใดได้? ก่อนหน้านี้ศิษย์น้องอันวางยาพิษ ข้าก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่พอเห็นท่าทางตอนนี้ของเจ้าแล้ว ข้ากลับรู้แล้วว่าเป็นนางที่รู้จักเจ้าลึกซึ้งมากกว่า! หากให้เจ้าไปฆ่าอวี้เจียด้วยตนเอง เจ้าก็ไม่มีทางทำแน่นอน!”
“พี่สาวผิดแล้ว!” หลินหว่านหรงส่ายหน้า มองนางอย่างอ่อนโยนพร้อมจับมือนางแน่น “ฆ่าคนไม่ใช่เรื่องมีความสุข แต่หากมีคนกล้าทำร้ายคนรักของข้า พี่น้องของข้า ไม่ว่านางจะเป็นใคร ข้าย่อมไม่มีวันละเว้นนางแน่!”
หนิงอวี่ซีมองเขาอย่างเลื่อนลอย ในใจอบอุ่นราวกับเปลวเพลิง ผ่านไปเนิ่นนานถึงก้มหน้าลงไปพร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันแผ่วเบา “เจ้าคนนี้นี่นะ ชอบมาหลอกให้ข้าดีใจ มิน่าเล่าศิษย์น้องอันถึงพูดว่าตอนที่อยู่กับเจ้าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องอุดปากเจ้าไว้!”
พี่สาวอันกลับสอนท่าไม้ตายเอาไว้ไม่น้อยเลย หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ สองคราพร้อมกับพูดว่า “ไม่คุยเรื่องพวกนี้แล้ว ถ้ำน้ำแข็งนี้แม้จะไม่เลว เป็นถ้ำสวรรค์ แต่เมื่อคิดอ่านแทนลูกชายลูกสาวของเรา พวกเราคิดหาหนทางออกไปเสียจะดีกว่า! พี่สาวท่านว่าอย่างไร?”
หนิงอวี่ซีหน้าแดงระเรื่อ พูดตำหนิออกมาเบาๆ “พูดอะไร! เหลวไหล คร้านจะสนใจเจ้าแล้ว!”
ที่จุดไฟแผดเผาลุกไหม้ ทางที่ลมเข้ามากลับเป็นหน้าผาน้ำแข็งที่ปริแตกด้านข้าง กว้างประมาณหลายจั้ง ดำมืดมิดไปหมด ลึกจนมองไม่เห็นก้น หลินหว่านหรงสอดศีรษะเข้าไปมองคราหนึ่ง สายลมหนาวพัดผ่านราวกับดาบ เขาแลบลิ้นแล้วหดคอกลับไปอย่างว่าง่าย
ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้อยู่ใจกลางภูเขา เกิดจากหนิงอวี่ซีใช้หนึ่งฝ่ามือฟาดจนแตกขณะที่พวกเขาสองคนร่วงลงมา แต่ละแง่งแต่ละมุมถูกนางจัดการจนเรียบร้อยตั้งแต่แรก สัมผัสเรียบลื่น ทั้งสองเมื่ออยู่ในนั้นก็เหมือนดั่งอยู่นอกโลก อบอุ่นสงบเงียบ เมื่อเทียบกับยอดเขาเชียนเจวี๋ยกลับแตกต่างทว่างดงามเฉกเช่นกัน สิ่งใดที่เรียกว่าอิจฉาเพียงนกยวนยางไม่อิจฉาเทพเซียน ยามนี้หลินหว่านหรงรับรู้อย่างลึกซึ้ง
สิ่งที่คลุมร่างเขาอยู่ตอนนี้คือชุดยาวของหนิงอวี่ซี กลิ่นหอมจางๆ แผ่กำจายเข้ามา ครั้นหวนนึกถึงคำสาบานบนยอดเขาเชียนเจวี๋ยคราก่อน เขาก็จมูกร้าวระบม จับมือนางเซียนขึ้นมาทันทีพร้อมพูดว่า “พี่สาว ขอยืมกระบี่ท่านใช้คราหนึ่ง!”
ครั้นเห็นเขาหน้าดำคร่ำเคร่ง หนิงอวี่ซีจึงส่งกระบี่ที่อยู่ในมือนางให้เขาไป หัวเราะพร้อมพูดว่า “ทำอะไร?! เจ้าฝึกยุทธ์ไม่เป็นเสียหน่อย!”
หลินหว่านหรงส่ายศีรษะ เหลียวมองรอบด้านหลายครา หาก้อนน้ำแข็งและหิมะขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมติดกันสองก้อน เขาหัวเราะร่าแล้วพุ่งปราดเข้าไป ทำท่าทางอยู่หลายครั้ง จากนั้นถึงรู้สึกพึงพอใจ เขาหันหน้ากลับมาพร้อมหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “พี่สาว ท่านรอข้าสักครู่นะ!”
เขาถือกระบี่แล้วแกะสลักก้อนน้ำแข็งและหิมะ หันหน้ากลับมามองประเมินร่างกายนางเซียนหนิงไม่หยุด บางครั้งส่ายศีรษะ บางครั้งก็ผงกศีรษะ ก้อนน้ำแข็งและหิมะนั้นปรากฏเป็นรอยบางจางๆ หลายเส้น
เมื่อเห็นเขาแกะสลักอย่างระมัดระวังไม่หยุด หนิงอวี่ซีก็สงสัยยิ่งนัก เจ้าโจรน้อยซึ่งสมองมีแต่ความคิดพิเรนทร์คนนี้จะทำอะไรอีก?
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด โจรน้อยมองซ้ายขวาบนล่าง ทันใดนั้นก็พ่นลมหายใจยาวออกมา ปรบมือด้วยความคึกคัก “เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว พี่สาวนางเซียน ท่านรีบมาดูเร็วเข้า!”
เขาขยับวูบ หนิงอวี่ซีมองไปทางน้ำแข็งแกะสลักนั้น จากนั้นก็ร้องอ๊ะออกมาทันที ตกใจจนนิ่งงันไป นั่นคือชุดกระโปรงขาวซึ่งแกะสลักจากก้อนน้ำแข็งอันขาวบริสุทธิ์ มีขนาดเท่ากับนาง บนยอดศีรษะเจาะให้ว่างเปล่าเป็นรูปผืนผ้าสีขาวสะอาด ราวกับเป็นผ้าคลุมหน้าที่กำลังลอยอยู่ตามสายลม คอเสื้อทรงลูกท้อ เผยไหล่ทั้งสองออกมาเล็กน้อย บริเวณที่รัดเอวเป็นแถบผ้ายาวแถบหนึ่ง กำลังพลิ้วไสวเบาๆ ตั้งแต่ส่วนเอวลงไป กระโปรงยาวฟูฟ่องพลิ้วไหว ชายกระโปรงสีขาวสะอาดดั่งปทุมชาติสีขาวที่กำลังเบ่งบาน เลียบไปตามพื้นน้ำแข็งทอดยาวออกไปไกล
ชุดกระโปรงยาวจากน้ำแข็งหิมะอันวิจิตรนี้กระจ่างใสวับวาวไปทั้งตัว ส่องประกายภายใต้แสงไฟ เปล่งประกายเจิดจรัส ราวกับเป็นผลึกแก้วอันน่าลุ่มหลงมากที่สุด งดงามมากที่สุดบนโลกนี้
นางเซียนมองอย่าเหม่อลอย ดวงตาเปล่งประกายงดงาม พูดพึมพำออกมาว่า “โจรน้อย นะ…นี่คืออะไร?!”
หลินหว่านหรงหัวเราะร่า “นี่น่ะหรือ ที่บ้านเกิดของข้าเรียกว่าชุดเจ้าสาว มีเพียงสตรีที่มีความสุขมากที่สุดเท่านั้นถึงจะสวมใส่ได้ ชาตินี้สวมได้แค่ครั้งเดียว ชุดเจ้าสาวที่ทำจากน้ำแข็งบริสุทธิ์นี้ก็มีแค่ชุดเดียวเท่านั้น
“ชุดเจ้าสาว?!” หนิงอวี่ซีลูบไล้ด้วยความรักใคร่ไม่ยอมวางมือ ใบหน้าแดงระเรื่อ “อยู่ดีไม่ว่าดีเจ้าทำชุดเจ้าสาวนี้ทำไมกัน?!”
หลินหว่านหรงจับมือนางพร้อมกล่าวระคนหัวเราะเบาๆ “พี่สาว ท่านจำไม่ได้หรือ ตอนอยู่บนยอดเขาเชียนเจวี๋ยข้ารับปากท่านแล้วว่าต้องทำชุดที่งดงามมากที่สุดให้ท่านชุดหนึ่ง…ก็คือชุดนี้นี่ล่ะ ข้าคิดว่าชาตินี้ข้าคงหาผลงานที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว พี่สาว ท่านชอบหรือไม่”
แม้จะเป็นหนิงอวี่ซีที่เป็นนางเซียนซึ่งไม่ข้องแวะกับทางโลกก็ยังนิ่งงันไปโดยไม่อาจสะกดกลั้นได้ น้ำตากระจ่างใสร่วงเผาะ ราวกับสายน้ำที่ตกลงมาไม่หยุดยั้ง นางเบือนหน้าไปพลางร่ำไห้เบาๆ อย่างเงียบงัน “เจ้า เจ้าโจรนี่ทำให้คนแค้นใจยิ่งนัก…”
หลินหว่านหรงกอดนางไว้ “พี่สาว ท่านยังไม่พูดเลยว่าชอบหรือไม่?”
“ข้า ข้า…” หนิงอวี่ซีมองเขาอย่างเลื่อนลอย น้ำตาดุจสายฝน
หลินหว่านหรงหัวเราะยาวๆ เสียงดัง อุ้มนางขึ้นในทันที จากนั้นก็เดินไปยังชุดกระโปรงสีขาวอย่างแช่มช้า
“จะ…เจ้าจะทำอะไร?!” นางเซียนหลบซ่อนอยู่ในอ้อมอกเขา ใจใกล้จะกระดอนออกมาแล้ว
หลินหว่านหรงแหวกหิมะที่เหลือเอาไว้ออกไปแล้วยัดร่างนางเข้าไปในชุดสีขาว จากนั้นก็ตกแต่งให้เรียบร้อย หนิงอวี่ซีมองเขาอย่างเหม่อลอย ทั้งยินดี ทั้งตกใจ น้ำตาพลันเปลี่ยนเป็นหิมะอันงดงามทันที
หนิงอวี่ซีภายใต้ผ้าคลุมยิ้มทั้งน้ำตา ใบหน้าแดงด้วยความอาย ริมฝีปากดุจแต่งแต้มชาด คิ้วดั่งเทือกเขาที่ทอดตัวยาว ผิวกระจ่างใส ทั้งยังกระจ่างใจยิ่งกว่าน้ำแข็งนั้นเสียอีก กระโปรงขาวสุกสกาวเปล่งประกายสีรุ้งสดใส นางเซียนราวกับดั้นเมฆามา งามพิลาสล้นเหลือ!
หลินหว่านหรงมองอย่างเหม่อลอย “พี่สาวนางเซียน ข้า ข้า…”
“เจ้าอะไร?!” หนิงอวี่ซีก้มหน้า กล่าวด้วยความอาย
“ข้า…ข้าอยากจูบท่านคราหนึ่ง!” กลั้นอยู่นานจากนั้นถึงหลุดพูดประโยคนี้ออกมา เขาเองก็รู้สึกอายกระวนกระวายเช่นกัน ท่านย่ามัน! นับวันข้ายิ่งถอยหลังไปทุกทีแล้ว
“พรืด” นางเซียนอดหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้ หน้าแดงมองเขาเปี่ยมล้นด้วยความเขินอาย “ชอบทำตัวไม่ซื่อ ข้าขอถามเจ้าหน่อย ชุดเจ้าสาวนี้ผู้ใดสอนเจ้าทำ?!”
“ไม่มี ไม่มี ข้าเรียนด้วยตัวเอง!” เขารีบยกมือตอบ
หนิงอวี่ซีอืมเบาๆ จากนั้นจึงพูดอีกว่า “เช่นนั้นเจ้ายังเคยทำให้ผู้ใดอีก อย่างเช่นศิษย์น้องอัน…”
“ไม่มี ไม่มี ข้ากับพี่สาวอันเกิดจากความรัก หยุดที่จรรยามารยาท บริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าน้ำหมึก…” หลินหว่านหรงเหงื่อแตกเต็มหน้า
หนิงอวี่ซีร้องอ้อเรียบๆ พูดเบาๆ ออกมาว่า “เช่นนั้นวันหลังเจ้าจะทำให้นางชุดหนึ่งหรือไม่?!”
“นี่ก็ นี่ก็…” หลินหว่านหรงมือเท้าใกล้จะสั่นแล้ว ถึงตายแล้วจริงๆ ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ นางเซียนกลับมีใจถามคำถามแบบนี้ออกมาอีก แต่ละคำถามเห็นชัดว่าเป็นกับดัก น่าแค้นใจที่ข้ากลับไม่อาจตกลงไปได้
“ตอบยากมากใช่หรือไม่?” นางเซียนหนิงมองเขาด้วยท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“บางที อาจจะไม่เหนือความคาดหมาย น่าจะใช่…” เขาอ้อมไปอ้อมมา มองประเมินสีหน้าของหนิงอวี่ซีไม่หยุด รวบรวมความกล้าบอกสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในใจออกไปจนหมด
นางเซียนค้อนเขาคราหนึ่งพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “ยอมผิดต่อฟ้า ทว่าไม่ยอมผิดต่อมโนธรรม ถือว่าเจ้ายังรู้จักคำว่าความรู้สึกนี้! ศิษย์น้องอันดีต่อเจ้าขนาดนั้น หากเจ้ากล้าพูดจาผิดต่อมโนธรรม หึ อย่าหวังว่าข้าจะสนใจเจ้าอีกต่อไป!”
นางเซียนอยู่ด้วยไม่ง่ายเลยจริงๆ นะ ป่านนี้แล้วยังไม่ลืมทดสอบข้าอีก! เขารีบเช็ดเหงื่อ หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “นั่นสิๆ ฟ้าดินมีความเที่ยงธรรม เป็นคนต้องมีมโนธรรม เป็นมาตรฐานในการเป็นคนของข้ามาตลอดเลย ทุกคนต่างรู้กัน!”
“ทำตัวพิเรนทร์!” นางเซียนตำหนิเบาๆ คราหนึ่ง จู่ๆ ก็ก้มหน้าลงด้วยความเอียงอาย “โจรน้อย เจ้ามานี่!”
“อ้อ” หลินหว่านหรงกระโดดเข้าไปหาสองสามก้าว ทว่าในใจกลับเต้นรัว สวรรค์คุ้มครอง ใครจะไปรู้ว่านางเซียนจะออกแบบทดสอบยากเย็นอะไรให้ข้าอีกบ้าง? รู้แบบนี้ตั้งแต่แรกจะทำการบ้านให้มาก ศึกษาจิตวิทยามาสักหน่อย
นางเซียนใบหน้าแดงซ่าน ท่าทางอ้ำอึ้ง ลังเลแล้วลังเลอีก จากนั้นถึงเอ่ยออกมาเบาๆ “ชุด…ชุดเจ้าสาวนี้ ทำให้ข้าจริงหรือ?”
คำถามนี้นี่เอง หลินหว่านหรงพ่นลมหายใจยาว รีบผงกศีรษะไม่หยุด “แน่นอน ที่นี่ยังมีผู้อื่นอีกหรือ”
น้ำตาสองสายไหลรินอย่างเงียบงัน นางเซียนเอ่ยพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงยุง แม้แต่หลินหว่านหรงเข้าไปใกล้นางแล้วก็ยังได้ยินไม่ชัด
“อ๊ะ พี่สาว ท่านพูดอะไรนะ เสียงดังสักหน่อย?!” เขารีบไล่ถาม
หนิงอวี่ซีหน้าแดงก่ำ งามล้ำเลิศประดุจเซียนท่ามกลางประกายน้ำตา มองเขาด้วยความอายและหงุดหงิดคราหนึ่ง “…ชุดนี้งามมาก ข้า ข้าชอบมาก…”
“จริงหรือ?!” หลินหว่านหรงกระโดดพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “ข้าชอบชุดนี้มากเช่นกัน ชอบเหมือนกับที่ชอบพี่สาว!”
“โจรน้อย…” หนิงอวี่ซีเรียกพึมพำหลายครั้ง น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมา นางเช็ดน้ำตาบริเวณหางตาทันที จากนั้นจึงก้มหน้าพร้อมเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้า เจ้าไม่มีชุดหรือ?!”
ชุดของข้า? หลินหว่านหรงตะลึงงัน มองไปยังใบหน้าซึ่งแดงด้วยความอายของนาง เขาร้องด้วยความยินดีอย่างยิ่งทันที “มี ข้าก็มี ท่านรอเดี๋ยว!”
เขากรีดบนผนังน้ำแข็งที่อยู่ด้านข้างชุดเจ้าสาวอย่างหมดจดรวบรัดไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็มุดเข้าไปอย่างรีบร้อน ด้วยความเร่งรีบจึงทำลวกๆ ไปสักหน่อย โชคดีที่ผู้ชายไม่ได้ให้ความสำคัญกับชุดเจ้าบ่าวเท่ากับผู้หญิง พยายามออกแรงอย่างเต็มที่กว่าจะสอดฝ่ามือออกมาจากตัวน้ำแข็งได้ จากนั้นเขาจึงกุมมือหนิงอวี่ซีแน่นพร้อมหัวเราะฮ่าๆ “นี่ก็คือชุดเจ้าบ่าวของข้า!”
เมื่อเห็นว่าบนศีรษะเขามีเศษน้ำแข็งและหิมะอยู่เต็มไปหมด นางเซียนก็มือสั่นเล็กน้อย ขนตายาวกระเพื่อมไหว ก้มหน้าลงไปเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนใบหน้าแดงซ่าน “เป็นตายอยู่จาก เคยกล่าวกับท่านไว้…”
นางจับมือเขาแน่น เมื่อกล่าวประโยคนี้จบก็ก้มหน้าไปจนถึงหน้าอกด้วยความขวยเขิน ดูจากเจตนาคือต้องการให้เขาพูดประโยคต่อไป
เอ๊ะ กลอนนี้ฟังแล้วคุ้นหูมากนะ หลินหว่านหรงผงกศีรษะด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องพร้อมอ้าปาก ทว่าสีหน้ากลับแปรเปลี่ยนยกใหญ่ แย่แล้ว ประโยคต่อไปต่อว่าอะไรล่ะ?!