ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 578 - 1 ขอกุมมือท่าน
เหงื่อเย็นไหลพรั่งพรู ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เหตุใดข้าถึงลืมประโยคถัดไปนั้นไปได้นะ? นี่เขาเรียกว่าโรคความจำเสื่อมจากความตื่นเต้นยินดี ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งนึกไม่ออก เมื่อเห็นว่าสีหน้านางเซียนค่อยๆ แปรเปลี่ยน เขาก็ร้อนใจจนหน้าแดงก่ำจนเกือบจะกระเด้งแล้ว
รออยู่เนิ่นนานก็ไม่ได้รับคำตอบจากเขา นางเซียนสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว น้ำตาพลันคลอเบ้า ดวงหน้างดงามซีดเผือดภายในชั่วพริบตา “โจรน้อย เจ้า เจ้าไม่ยินดี…”
“เปล่าเสียหน่อยๆ” หลินหว่านหรงร้อนรนจนหน้าซีดแล้ว หัวเร่าะร่า “จิตใจของข้าพี่สาวท่านยังไม่รู้อีกหรือ?”
หนิงอวี่ซีดวงหน้าแดงเข้ม ก้มหน้าลงพร้อมกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่พูด?!”
ข้าน่ะอยากพูด แต่มันลืมนี่นา! เขาหัวเราะฮิฮะแห้งๆ เล็กน้อย “พี่สาว ท่านก็รู้นี่ว่าช่วงนี้ข้าใช้สมองมากเกินไป…ต่อไปคืออะไรพอจะชี้แนะได้หรือไม่?”
นางเซียนนิ่งอึ้ง จากนั้นก็หัวเราะพรวดออกมาทันที รีบเบือนหน้าไปในบัดดลพร้อมกล่าวด้วยความหงุดหงิดใจ “ไม่ได้ร่ำเรียนก็ไม่ได้ร่ำเรียนสิ มาพูดว่าใช้สมองมากเกินไปอะไรกันอีก…หากเจ้านึกไม่ออก เช่นนั้นก็…”
“ใครบอกว่าข้านึกไม่ออก ข้าล้อท่านเล่นน่ะ” หลินหว่านหรงกุมมือน้อยของนางแน่นพลางหัวเราะร่า มองดวงพักตร์งามพิลาสล้ำเลิศของนาง ทั้งชื่นชอบทั้งรักใคร่ทะนุถนอมอย่างบอกไม่ถูก เขาประชิดข้างใบหูนางพร้อมกล่าวอย่างอ่อนโยนและหนักแน่นว่า “…เป็นตายอยู่จาก เคยกล่าวกับท่านไว้ ขอกุมมือท่าน อยู่กับท่านจนแก่จนเฒ่า! พี่สาว ข้าท่องตำราท่องดีหรือไม่?”
ดวงหน้าของหนิงอวี่ซีประดุจแต่งแต้มสีชาด เขินอายอย่างยากจะทานทน ส่งเสียงคราหนึ่งแล้วก้มหน้าลงไป “เจ้าโจรคนนี้นี่ มาหลอกให้ข้าดีใจอีกแล้ว”
เกือบตายแล้วไหมล่ะ อ่านหนังสือ! กลับบ้านแล้วจะต้องอ่านหนังสือให้ดี! เขาแอบเช็ดเหงื่อเย็นบนใบหน้า ครั้นเห็นนางเซียนภายใต้ชุดกระโปรงขาวสะอาดแฝงแววตำหนิเล็กน้อยก็เอียงอายเบาๆ ผิวขาวเหนือล้ำกว่าหิมะ ดั่งเทพธิดาฉางเอ๋อจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าลงมาสู่แดนดิน เขามองจนเหม่อลอย พูดพึมพำออกมาว่า “พี่สาว ท่านช่างงามเสียจริง!”
หยาดน้ำตาทำให้สองตาพร่ามัว หนิงอวี่ซีก้มหน้าลงไป กล่าวเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนออกมา “ดวงหน้างดงามเปล่งปลั่งเบาบางดุจกระดาษ ช่วงเวลาอันสวยงามเจือจางดุจน้ำค้าง ข้าอายุมากกว่าเจ้าหลายสิบปี รอวันที่ข้าผมเผ้าหงอกขาว ร่างกายแห้งเ**่ยวผ่ายผอมราวท่อนฟืน เจ้ายังจะพูดเช่นนี้กับข้าอีกหรือไม่?”
หลินหว่านหรงหัวเราะยาวๆ คราหนึ่ง จับมือนางแน่นแล้วเอ่ยว่า “พี่สาว ท่านรู้หรือไม่ว่าเรื่องที่มีความสุขมากที่สุดบนโลกมนุษย์คือสิ่งใด?”
“คือสิ่งใด?” นางเซียนเงยหน้าขึ้นมาพร้อมมองเขาน้อยๆ
“ความแก่ชราคือเครื่องพิสูจน์อันเป็นนิรันดร์ของความสุข!” หลินหว่านหรงยิ้มเล็กน้อย “ข้านึกถึงเรื่องที่มีความสุขมากที่สุดได้ นั่นก็คือจูงมือท่าน ค่อยๆ แก่ชราไปพร้อมกับท่าน!”
หนิงอวี่ซีมองเขาอย่างเลื่อนลอย น้ำตาไหลรินออกจากเบ้าตาทันที รู้สึกเพียงว่าประโยคนี้ของโจรน้อยได้กวักจิตวิญญาณของตนออกไปในบัดดล นางร้องไห้ไปหัวเราะไป กุมมือของเขาราวกับจะให้มันหลอมเข้าสู่กระแสธารโลหิตของตน น้ำตากระจ่างใสร่วงเผาะๆ ไหลทอดยาวอยู่ข้างแก้ม ทั้งสองต่างกุมมือกัน ใจเชื่อมประสานกัน ช่วงเวลานี้พลันชะงักงันกลายเป็นชั่วนิรันดร์
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดนางเซียนถึงคืนสติกลับมาจากบรรยากาศนี้ นางเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ทอดสายตามอง หลินหว่านหรงพร้อมยิ้มด้วยความเอียงอาย
“พี่สาว เป็นอะไรหรือ?!” หลินหว่านหรงรีบถาม
หนิงอวี่ซีจูงเขาให้เดินออกมาเบาๆ หันหน้ากลับไปจ้องมองชุดกระโปรงยาวซึ่งทำมาจากหิมะและน้ำแข็งอันกระจ่างใสนั้น ดวงตาทอประกายอาวรณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ “ข้าต้องการนำชุดเจ้าสาวนี้ไปด้วย! โจรน้อย เจ้าฉลาดมากขนาดนั้น คิดวิธีให้ข้าได้หรือไม่?”
เอาไป? ชุดเจ้าสาวนี้ทำมาจากน้ำแข็งและหิมะ หากเจอความร้อนสูงนิดเดียวก็ละลายแล้ว แล้วจะเอาไปได้อย่างไร? พูดกันว่าผู้หญิงพอมีความรักก็จะโง่เขลา ช่างไม่ผิดแม้แต่น้อยเลยนะ แม้แต่โฉมสะคราญผู้ล้ำเลิศเช่นนางเซียนนี้ก็ปราศจากข้อยกเว้น
หนิงอวี่ซีเอื้อนเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานข้างใบหูเขา ดวงตาเปี่ยมล้นด้วยความรักใคร่ หลินหว่านหรงใจวูบวาบ หัวเราะแห้งๆ สองครั้งแล้วพูดว่า “พี่สาว เทียนซานหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี หนาวเย็นทั้งสี่ฤดู ชุดเจ้าสาวที่เป็นหนึ่งไม่มีสองบนโลกตัวนี้ก็ควรทิ้งไว้ที่นี่ เชื่อว่าท่านก็ไม่อยากเห็นมันละลายเช่นกันกระมัง?”
นางเซียนไหนเลยจะไม่รู้เหตุผลนี้ ครั้นเห็นโจรน้อยหมดหนทางเช่นกัน นางจึงทำได้เพียงผงกศีรษะอย่างจนใจ หลินหว่านหรงหัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านก็อย่าผิดหวังไปเลย ชุดกระโปรงยาวซึ่งทำจากหิมะและน้ำแข็งนี้แม้จะงดงาม แต่สุดท้ายก็นำไปด้วยไม่ได้ รอให้พวกเรารบเสร็จและกลับไปแล้ว ข้าจะคิดหาหนทาง ทำชุดเจ้าสาวของจริงให้ท่านชุดหนึ่ง ให้สวยกว่าตัวนี้ขึ้นไปอีก!”
“จริงหรือ?!” นางเซียนเงยหน้าทันที มองเขาด้วยความยินดีปรีดา
“แน่นอนสิ” หลินหว่านหรงหัวเราะฮิฮะ กล่าวด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง “ท่านลองคิดดูสิว่าตระกูลเซียวของพวกเราทำอะไร”
พอรบเสร็จข้าจะกลับตระกูลเซียว พยายามศึกษาอย่างตรากตรำสักสามวันห้าวัน วาดโครงร่างของชุดเจ้าสาวออกมา จากนั้นก็ให้คุณหนูใหญ่คุมงานด้วยตัวเอง ทำด้วยมือล้วนๆ ทำมาสักสิบกว่าชุด เหล่าเมียอย่างนางเซียน จิ้งจอกอัน ชิงเสวียน เซียนเอ๋อร์ เฉี่ยวเฉี่ยว ทุกคนต่างสวมใส่กันคนละชุด แสดงนิทรรศการชุดเจ้าสาวต่อหน้าสามีเช่นข้า ยังจะไม่ทำให้บุรุษในแผ่นดินอิจฉาจนตายแล้วหรือ? วะฮะฮะฮ่า! เมื่อคิดถึงช่วงที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดก็อดชูมือโบกไปมา หัวเราะฮิฮะออกมาไม่ได้
หนิงอวี่ซีรู้เช่นกันว่าการทอผ้าของตระกูลเซียวแห่งเมืองจินหลิงถือเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ด้วยสถานะของเจ้าโจรน้อยคนนี้ที่ตระกูลเซียวแล้ว ขอเพียงเป็นเรื่องที่เขาอยากทำก็ไม่มีเรื่องใดที่ทำไม่สำเร็จ ครั้นเห็นเขาทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ เต็มไปด้วยความกระหยิ่มใจ นางก็ตำหนิออกมาเบาๆ คราหนึ่ง “หัวเราะเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายเสียขนาดนั้น ต้องไม่ได้คิดเรื่องดีอะไรแน่”
“ย่อมไม่ได้คิดเรื่องดีอะไรแน่นอน” หลินหว่านหรงจับมือนาง กล่าวอย่างมีเลศนัยออกมาว่า “พี่สาว ตามประเพณีของพวกเรา เมื่อสวมชุดเจ้าสาวและให้คำสาบาน นั่นก็เท่ากับการคารวะฟ้าดิน! ต่อจากนั้นควรพิจารณาถึงเรื่องเข้าหอได้แล้วล่ะ ฮิๆ!”
เมื่อเขาพูดพร้อมรอยยิ้มลามกจบ นางเซียนก็หน้าแดงก่ำ ทันใดนั้นนางก็มีสีหน้าเหม่อลอย ดวงหน้าอันงดงามซีดราวกับกระดาษทันที แม้แต่มือน้อยที่กุมอยู่ในฝ่ามือก็กลายเป็นเย็นเฉียบอย่างล้นเหลือ
หลินหว่านหรงเห็นแล้วก็ตกใจยิ่งนัก รีบใช้สองมือประคองมืองามของนางไว้ “พี่สาวนางเซียน ท่านเป็นอะไรไป?! ท่านกลัวใช่หรือไม่ เช่นนั้นตอนนี้พวกเรายังไม่พูดถึงเรื่องเข้าหอก่อนก็ได้ อยู่ห้องเดียวกันก็พอ!”
ใบหน้าที่ซีดเผือดของหนิงอวี่ซีค่อยๆ ซับสีแดงระเรื่อเล็กน้อย นางน้ำตานองหน้าทันทีพร้อมร่ำไห้ออกมา “โจรน้อย ข้า…ข้าผิดต่อชิงเสวียน!”
เมื่อเห็นสีหน้าของหนิงอวี่ซีก็รู้ถึงความคิดนาง นางเซียนรู้สึกละอายใจ ดังนั้นถึงไม่กล้าปล่อยใจให้มีความสุข หลินหว่านหรงผงกศีรษะ หัวเราะร่าพร้อมพูดว่า “พี่สาววางใจเถิด เรื่องนี้ข้าต้องพูดกับชิงเสวียนให้เข้าใจแน่…”
“หยะ อย่า!” นางเซียนตกใจทันที หน้าซีดเผือด ต่อให้นางเป็นนางเซียน แม้นางจะเป็นนางเซียนผู้งามพิลาสเฉิดฉัน เมื่อตกลงสู่โลกมนุษย์ก็ไม่ต่างจากสตรีที่อยู่ในห้วงวังวนแห่งโลกโลกีย์
“ต้องสิ ต้องแน่นอน!” หลินหว่านหรงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พูดเรื่องนี้กับชิงเสวียนให้ชัดเจน ไม่ใช่แค่เพียงให้เกียรติต่อนางเซียนเช่นท่าน แต่นี่ก็เป็นการให้เกียรติชิงเสวียนด้วย ข้าเป็นสามีของชิงเสวียน ท่านเป็นอาจารย์ของชิงเสวียน ปิดประตูแล้วก็คือคนบ้านเดียวกัน ทุกคนนั่งล้อมวง สนิทสนมกลมเกลียว กะหนุงกะหนิง มีอะไรให้ต้องมาปรึกษาหารือกัน”
“ก็มีแต่เจ้าที่คิดเพ้อเจ้อ” หนิงอวี่ซีหน้าแดง ส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจเบาๆ “ชิงเสวียนนิสัยหยิ่งผยอง แล้วจะรับเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร หากต้องทำร้ายนาง ข้ายอมไม่พบเจ้าทั้งชาติ!”
นางพูดจามีหลักการ น้ำเสียงยืนกราน หลินหว่านหรงรู้นิสัยนางดีเช่นกัน เรื่องที่นางเซียนตัดสินใจไปแล้วแทบไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก เชือกขาดบนยอดเชียนเจวี๋ยถือเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด เขารีบหัวเราะฮ่าๆ เล็กน้อย “พี่สาวนางเซียนคิดไปถึงไหนแล้ว ชิงเสวียนเป็นเมียที่ดีที่สุดของข้า แล้วข้าจะไปทำร้ายนางได้อย่างไร ท่านวางใจเถิด ชิงเสวียนจิตใจดีงามขนาดนั้น อีกทั้งข้าก็ฉลาดเพียงนี้ จะต้องคิดหาหนทางได้แน่ ความสามารถของข้า หรือว่าท่านก็ยังไม่รู้อีกหรือ?”
เมื่อหวนนึกถึงสิ่งที่ตนประสบพบเจอ หากเอ่ยถึงฝีมือในการหลอกให้สตรีดีใจ โจรน้อยสมกับคำว่าเลิศภพจบแดนสี่คำนี้จริง หนิงอวี่ซีหน้าแดงซ่าน แค่นเสียงเบาๆ ออกมา “ข้าอยากรู้ก็แค่นั้น ไหนเลยถึงตาเจ้ามาผูกมัดข้า!”
เห็นว่าเจ้าโจรน้อยเชื่อมั่นเต็มอก มั่นอกมั่นใจเต็มที่ หนิงอวี่ซีก็ถอนหายใจเล็กน้อย เรื่องนี้เมื่อมาอยู่ที่ตนแล้วมันช่างเหนื่อยเสียเหลือเกิน ให้เขาจัดการไปก็แล้วกัน มีบ่าของโจรน้อยแบกอยู่ข้างหน้าอะไรก็ดีทั้งนั้น เมื่อคิดเช่นนี้พลันรู้สึกปลดภาระออกไปมาก ร่างกายค่อยๆ ผ่อนคลายลง นางอดมองเขาพร้อมแย้มยิ้มออกมาไม่ได้ งามพิลาสเหนือคำบรรยาย