ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 579 - 1 ใกล้แค่ตรงหน้า
“เป็นเยวี่ยหยาเอ๋อร์!” หลินหว่านหรงตกใจอย่างยิ่ง ท่ามกลางความมืดมิดทำให้มองเห็นโฉมหน้าไม่ชัดเจน เพียงแต่เมื่อฟังเสียงกลับรู้ว่าคือผู้ใด
ร่างอันอ่อนแอบอบบางของอวี้เจียมัดอยู่กับเชือก กำลังสั่นสะท้านท่ามกลางสายลมหนาว มือทั้งสองข้างของนางยึดผนังศิลาอันเย็นเฉียบแน่น กำลังก้มมองประเมินโพรงถ้ำอย่างถ้วนถี่ เนื่องจากอยู่ในความมืด ดังนั้นจึงมองเห็นได้เพียงเงาร่างของคนสองคนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นต้องเป็นอัวเหล่ากงอย่างไม่ต้องสงสัย
“น้องหลิน!”
“แม่ทัพหลิน!”
มีเสียงโห่ร้องยินดีเป็นบ้าเป็นหลังแว่วมาจากปลายเชือกอีกข้างหนึ่ง ที่แท้กลับเป็นเกาฉิวกับสวี่เจิ้น เขาสองคนกะพริบตามองลงไปเบื้องล่าง ยากเย็นนักกว่าจะมองเห็นร่างของหลินหว่านหรง จากนั้นจึงโบกมือให้เขาด้วยความตื่นเต้นยินดี
เชือกขนาดใหญ่และหนาเส้นหนึ่งค่อยๆ หย่อนลงมาจากหน้าผาน้ำแข็ง เสียงห้าวและหยาบของหูปู้กุยดังมาจากด้านบน “ท่านแม่ทัพ เร็ว จับเอาไว้ ข้าจะดึงท่านขึ้นมา!”
หลินหว่านหรงมองหนิงอวี่ซีแวบหนึ่ง นางเซียนผงกศีรษะเล็กน้อย คว้าจับเชือกเส้นนั้นไว้พร้อมออกแรงทดสอบความทนทาน จากนั้นถึงมัดเอวเขาอย่างแน่นหนาด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเห็นนางไม่เอื้อนเอ่ยวาจา หลินหว่านหรงก็รีบจับมือนาง พูดด้วยความร้อนใจออกมาว่า “พี่สาวนางเซียน ท่านห้ามหนี พวกเราขึ้นไปพร้อมกัน”
โจรน้อยคนนี้คล้ายถูกตนเองทำให้ตกใจจนหวาดกลัวไปแล้ว หนิงอวี่ซีปล่อยพรวดออกมา หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “การบำเพ็ญพรตถูกเจ้าทำลายไปแล้ว ข้ายังจะหนีไปที่ใดได้อีก?”
นางหยิบผ้าคลุมสีขาวสะอาดออกมาจากอกผืนหนึ่งแล้วนำมาปิดบังใบหน้าอันงามพิลาสล้ำเลิศ เหลือเพียงดวงตาเปล่งประกายงดงามคู่หนึ่งเท่านั้น กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมล้นด้วยความรัก หลินหว่านหรงนิ่งงัน รีบพูดขึ้นมาว่า “พี่สาว นี่ท่านทำอะไร”
หนิงอวี่ซียิ้มเล็กน้อย “เจ้าลืมฐานะของข้าแล้วหรือ”
นางเซียนเคยเป็นผู้นำฝ่ายยุทธ์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งปฐพี เป็นนางเซียนผู้สูงส่งบริสุทธิ์ภายในใจของทุกคนในแผ่นดิน เคยเป็นที่เคารพเทิดทูนของผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน หากมีคนรู้ว่าสตรีซึ่งเป็นเหมือนเทพเซียนกลับตกอยู่ในเงื้อมมือมารของหลินซาน นั่นจะไม่แย่แล้วหรือ? ไม่ว่าเขาจะเป็นหลินซานหรือว่าหลินซื่อก็ต้องมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนกรูเข้ามาหา ฟันเขาทั้งเป็นแน่นอน
เห็นชัดว่าหลินหว่านหรงรู้สึกถึงความรุนแรงที่แฝงอยู่นี้ได้ดี แลบลิ้นออกมาด้วยความตกใจ
นางเซียนทอดสายตามองเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมาทันที “เจ้าไม่ต้องกังวล ท่ามกลางผู้คนมากมาย ผู้ที่รู้โฉมหน้าข้ามีน้อยยิ่งนัก นับจากวันนี้เป็นต้นไปรูปโฉมของข้า มีเพียงเจ้าที่เห็น”
มีเพียงข้าที่เห็น? นั่นไม่ได้หมายความว่านับจากวันนี้เป็นต้นไปมีแค่ข้าที่จะได้เห็นรูปโฉมอันงามล้ำเลิศของนางเซียนเท่านั้น? หลินหว่านหรงรีบพูดขึ้นมาว่า “นี่ไม่ค่อยดีกระมัง ข้าไม่ใช่คนที่อหังการขนาดนั้น อีกอย่าง ที่บ้านยังมีพวกของเฉี่ยวเฉี่ยว เซียนเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์ คุณหนูใหญ่อีก นั่นต่างเป็นคนสนิทของข้า พี่สาวนางเซียนรูปโฉมงดงามจิตใจดีเช่นนี้ พวกนางย่อมชอบท่านแน่นอน หรือว่าข้ายังต้องขัดขวางพวกนางให้จงได้”
หนิงอวี่ซียิ้มพลางผงกศีรษะ “หากเป็นคนสนิทของเจ้า ย่อมเป็นคนละเรื่องแล้ว”
ด้วยนิสัยของนางเซียนหนิง เรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีก สตรีผู้งามล้ำเลิศยวนเสน่ห์เช่นนี้ชีวิตบั้นปลายเป็นของเขาเพียงผู้เดียว หลินหว่านหรงย่อมรู้สึกตื้นตันจนไม่อาจจะเพิ่มพูนได้อีก เขาอดโอบร่างนางแน่นไม่ได้
ฝ่ามือมารของโจรน้อยโอบรัดเอวนาง ปากส่งเสียงจึ๊จ๊ะเบาๆ ไม่หยุด คล้ายกำลังทอดถอนชมเชยกับความเรียบลื่นของผิวพรรณนาง หนิงอวี่ซีร่างสั่นเทาเล็กน้อย รีบพูดขึ้นมาว่า “นี่อยู่บนหน้าผา เจ้าอย่ากระทำเรื่องเลวร้าย หลุดพ้นจากภาวะคับขันโดยเร็วถึงจะเป็นเรื่องที่ควรจริงจัง”
“ดูพี่สาวพูดเข้าสิ ข้าเป็นคนไม่จริงจังขนาดนั้นเลยหรือ?” หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง จุมพิตแก้มอันอ่อนนุ่มนิ่มของนางเซียนเบาๆ คราหนึ่ง ตะโกนเสียงดังด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องออกมาว่า “พี่หู ข้ามัดเรียบร้อยแล้ว รีบรับข้าขึ้นไปเร็ว!”
หูปู้กุยสั่งการอยู่หลายครั้ง จากนั้นเชือกก็ค่อยๆ ขยับดึงขึ้นไป ร่างหลินหว่านหรงเริ่มเคลื่อนที่อย่างช้าๆ
อวี้เจียร่างห้อยอยู่กลางอากาศ สายตามองไปข้างล่างอยู่ตลอดเวลา ซอกเขามืดมิด การมองเห็นจำกัด นอกจากเห็นเงาร่างสองคนแนบชิดติดกันแล้วก็ไม่อาจมองสิ่งอื่นได้อย่างชัดเจน
เห็นเงาร่างหลินหว่านหรงค่อยๆ เข้ามาใกล้ตนเอง หน้าตาทะเล้นเจ้าเล่ห์ที่แสนจะคุ้นเคยนั้นมาขยับวูบไหวอยู่ตรงหน้าอีกครา เจ้าโจรหัวเราะร่าพลางโบกมือให้นาง “ไฮ คุณหนูอวี้เจีย ที่แท้เจ้าก็ชอบเล่นเหาะกลางอากาศด้วยนะ!”
“อัวเหล่ากง!” อวี้เจียมองเขาพลางยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็รีบเบือนหน้าไป หัวไหล่สั่นระริกเล็กน้อย เสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงยอดเขา ลมหนาวพัดเข้ามา เขาเพิ่งส่งเสียงจามพวกของหูปู้กุยก็โห่ร้องพร้อมกรูเข้ามากอดเขาแล้ว ต่างส่งเสียงอย่างบ้าคลั่ง ไม่อาจสะกดกลั้นความยินดีได้
หากไม่มีนางเซียน คราวนี้ข้าก็ต้องจบเห่ไปแล้ว เขารู้สึกปลง ตบบ่าเหล่าเกาพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “พี่เกา กอดแน่นขนาดนี้ทำไมกัน ข้าไม่ได้มีความชอบวิปริตเช่นนั้นนะ”
เกาฉิวหัวเราะฮ่าๆ สองครา สองตาแดงก่ำ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าน้องหลินมีบุญอันยิ่งใหญ่ ไม่มีทางเกิดเรื่องแน่นอน ท่านย่ามัน หนึ่งวันหนึ่งคืนนี้มันช่างทำให้คนอึดอัดตายแล้วจริงๆ!”
ที่แท้ข้ากลับอยู่ในถ้ำน้ำแข็งถึงหนึ่งวันเต็มๆ หลินหว่านหรงรู้สึกตกใจอยู่บ้างเช่นกัน ได้อยู่กับพี่สาวนางเซียน วันเวลาคล้ายผ่านไปอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ
“หลังจากหิมะถล่มวันนั้น ทัพใหญ่หยุดการเดินทาง ตามหาร่องรอยเขาอย่างสุดกำลัง ทุกคนสงสัยว่าเขาตกลงไปในซอกเขาแห่งนี้ ถึงกระนั้นกลับปราศจากหนทางช่วยเหลือ ไม่อาจบรรลุถึงก้นเหวได้เลย ต่อมายังเป็นอวี้เจียที่คิดวิธีออก…”
“อวี้เจีย?!” หลินหว่านหรงเหลอบมองรอบด้านหลายครั้ง เห็นว่าสาวน้อยทูเจวี๋ยยืนนิ่งอยู่ไกลๆ เงียบงันอ้างว้างเดียวดาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หูปู้กุยผงกศีรษะอย่างแรง “นางบอกว่าให้ขุดเจาะขั้นบันไดบนหน้าผาลงไปทีละขั้นๆ แม้จะโง่ไปสักหน่อย ทว่าสุดท้ายก็ไปถึงก้นเหวได้”
“ดังนั้นพวกท่านเลยตกลง? แต่การเจาะเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะไปถึงก้นเล่า” หลินหว่านหรงถอนหายใจด้วยความรู้สึกจนใจ
“นี่เป็นหนทางเดียวที่พวกเราคิดออกแล้วขอรับ” หูปู้กุยกล่าวด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน “เหล่าพี่น้องของเรานี้หากปราศจากท่านแม่ทัพ การศึกนั้นก็ไม่ต้องสู้แล้ว”
เหล่าหูเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ พูดแทนเสียงภายในใจของทุกคน หลินหว่านหรงกุมมือเขาแน่น ไม่เอ่ยวาจาอยู่นาน
“พี่หลิน!” เสียงของหลี่อู่หลิงดังอยู่เบื้องหลัง หลินหว่านหรงรีบหันหน้ากลับไป เสี่ยวหลี่จื่อมองเขาคล้ายกับต้องการจะพูดอะไร แต่ก็ลังเลอยู่บ้างเช่นกัน
“เป็นอะไรไปเสี่ยวหลี่จื่อ? จะยังมาเกรงอกเกรงใจอะไรข้ากันอีก?” หลินหว่านหรงมองเขาด้วยความประหลาดใจ
หลี่อู่หลิงส่งเสียงอืม ประชิดข้างใบหูเขาแล้วพูดว่า “พี่หลิน ท่านไปดูอวี้เจียสักหน่อยเถอะขอรับ”
หลินหว่านหรงอึ้ง “อวี้เจีย? นางเป็นอะไร?”
หลี่อู่หลิงส่ายหน้าแล้วตอบว่า “เพื่อตามหาท่านนางจึงขุดเจาะบันไดบนหน้าผาน้ำแข็งนี้ ไม่ได้หลับมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วขอรับ”
หนึ่งวันหนึ่งคืน? หลินหว่านหรงได้ยินแล้วก็ตกใจอย่างรุนแรง ซอกเขาแห่งนี้ลมหนาวรุนแรง เย็นเยียบเสียดแทงกระดูก อย่าว่าแต่หนึ่งวันหนึ่งคืนเลย ต่อให้หนึ่งชั่วยามก็ทนไม่ได้แล้วนะ นังหนูนี่เสียสติไปแล้วหรือ?!
เสี่ยวหลี่จื่อส่งเสียงเฮ้อออกมาคราหนึ่ง “แม้พวกเราจะมีความแค้นกับชาวทูเจวี๋ย แต่อวี้เจียผู้นี้อาจเป็นข้อยกเว้นก็ได้ พี่หลิน หากท่านคบหากับนาง ข้าจะลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง ถือว่าไม่เห็นเรื่องนี้ และไม่มีวันไปฟ้องท่านอาสวีแน่นอน ท่านวางใจได้เลย”
“เจ้าเด็กแก่แดด!” หลินหว่านหรงหัวเราะพร้อมตบกบาลของเขาสองที “เรื่องนี้หาได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิดเช่นนั้น ช่างเถอะ อย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย เจ้าสั่งการลงไป ให้เหล่าพี่น้องออกเดินทางทันที ภายในสามวัน ข้ามผ่านอาเอ่อร์ไท่ บรรลุถึงเคอปู้ตัว”
“รับบัญชา!” หลี่อู่หลิงประสานมือคารวะ หัวเราะร่าแล้วจากไป
ทัพใหญ่ออกเดินทางโดยพลัน ผิดพลาดคราหนึ่ง บังเกิดปัญญาคราหนึ่ง เมื่อได้รับการสั่งสอนจากหิมะถล่มคราวก่อน ทุกคนจึงเดินทางระมัดระวังมากยิ่งขึ้น สังเกตว่าภูเขาหิมะมีความผิดปกติหรือไม่อยู่เป็นระยะ