ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 581 - 1 เหตุเปลี่ยนแปลง
“ใช่แล้วล่ะ ลมจะมาแล้ว!” นางทอดสายตามองท้องฟ้า นัยน์ตาเหม่อลอย สายลมหนาวดังหวีดหวิวข้างใบหูไม่หยุด เรือนร่างอันงดงามยวนเย้าของนางสั่นระริกเล็กน้อย
อวี้เจียเหลือชีวิตแค่ไม่กี่เดือนแล้ว! ครั้นนึกถึงคำพูดของนางเซียน หลินหว่านหรงพลันบังเกิดความรู้สึกอันสลับซับซ้อนขึ้นมา แม่สาวน้อยคนนี้ฝีมือทางการแพทย์ล้ำเลิศ ไม่รู้ว่าตัวนางจะรู้หรือไม่
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกหมดอารมณ์ เขาถอนหายใจเล็กน้อย ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “คุณหนูอวี้เจีย เจ้ารักษาตัวให้มาก! พี่เกา พวกเราไปกันเถอะ”
เมื่อพูดจบก็ไม่สนใจแล้วว่าเยวี่ยหยาเอ๋อร์จะเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งซึ่งแฝงอยู่ในคำพูดเขาหรือไม่ เขาลุกขึ้นแล้วเดินลงจากเนินเขา ทั้งสองย่างก้าวอย่างรีบร้อน สีหน้าหนักแน่น ไม่หันหน้ากลับมาอีก
นับตั้งแต่ลงจากเทียนซาน ที่ผ่านมามีแต่ข้าที่หลบเจ้า ไหนเลยมีตอนที่เขาหลบข้าด้วย? อวี้เจียจ้องเงาหลังเขา เงียบงันไม่เอื้อนเอ่ยวาจา สายลมหนาวซึ่งค่อยๆ พัดเข้ามาทำให้ชุดหลวมกว้างที่อยู่บนร่างนางส่งเสียงดัง
เมื่อจากอวี้เจียมา หลินหว่านหรงก็ไม่ได้กลับไปที่ค่าย แต่กลับเดินอ้อมเนินเขา มุ่งตรงไปยังไร่ยาสูบอันไร้ขอบเขตสุดลูกหูลูกตาตรงหน้า กลิ่นหอมขมจางๆ ระคนด้วยกลิ่นหอมของดินลอยปะทะใบหน้าเข้ามา ใบยาสูบสีเขียวมรกตทอดสายตามองออกไปสุดลูกหูลูกตา เชื่อมจรดถึงขอบฟ้า ถึงกระนั้นเกาฉิวกลับไม่ชินกับกลิ่นของยาสูบนี้ รีบอุดจมูกแล้วพูดว่า “น้องหลิน เจ้าหญ้าแสบจมูกนี่มันใช้ทำอะไรกันแน่ กลิ่นออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง เหตุใดเจ้ากับอวี้เจียถึงเห็นมันเป็นเหมือนสมบัติได้?!”
เด็ดใบยาสูบซึ่งมีรูปร่างคล้ายกล้วยมาใบหนึ่ง นำมาไว้ที่จมูกแล้วสูดดมลึกๆ กลิ่นอันคุ้นเคยนั้นทำให้คนจิตใจปลอดโปร่ง ทำให้อาลัยอาวรณ์ยากจะลืมเลือน
“ท่านมิเคยลิ้มลองรสชาติของมัน ย่อมไม่อาจรับรู้ความดีงามของมันได้” เขาถือหญ้าแสบจมูกแล้วฟาดลงบนฝ่ามือเบาๆ หลินหว่านหรงหัวเราะพร้อมเอ่ยว่า “รอให้เจ้าหญ้าแสบจมูกนี้เติบโตเต็มที่ หั่นเป็นเส้นยาสูบ ให้ท่านได้ลอกสักหลายฟอด ข้ากล้ารับประกันว่าท่านต้องชอบเจ้าของเล่นชิ้นนี้แน่นอน ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่ามันคือยาพิษ ก็ยังมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ลุ่มหลงมันอยู่ดี”
“ยาพิษ?!” เหล่าเกาตกใจ กระเด้งให้อยู่ห่างจากหญ้าแสบจมูกนั้นไกลลิบ “น้องหลิน เจ้าอย่ามาขู่ข้าให้ตกใจกลัว ยาพิษนี้ก็ลองได้ด้วย?! นั่นมิใช่ยาพิษที่จะทำร้ายราษฎรต้าหัวเราหรอกหรือ?”
“ใช่แล้วล่ะ นี่เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าจริง” หลินหว่านหรงผงกศีรษะกล่าวระคนหัวเราะ “เพียงแต่ข้าไม่คิดที่จะใช้มันมาวางยาพิษทำร้ายสหายร่วมอุทรของตนเอง มีชาวตงอิ๋ง ชาวตะวันตั้งมากมายขนาดนั้น เอาเจ้านี่ขายให้พวกมันก็ได้แล้ว ส่วนพวกเราก็นับเงินก็พอ”
ที่แท้ก็ ‘วางยาพิษทำร้าย’ ชาวตะวันตก! เหล่าเกาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ กล่าวด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ “ทำการค้ากับชาวตะวันตก? เช่นนั้นก้ต้องระวังสักหน่อย ได้ยินมาว่าชาวตะวันตกพวกนั้นร้ายกาจมาก มาหลอกเอาเงินจากต้าหัวเราโดยเฉพาะ”
หลินหว่านหรงดวงตากระจ่างวูบ หัวเราะฮิฮะแล้วพูดว่า “พี่เกา อย่าเห็นชาวตะวันตกร้ายกาจมากเยี่ยงนั้น ขอเพียงพวกเราชาวต้าหัวไม่หลอกตนเอง บนโลกนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่หลอกพวกเราได้แล้ว!”
มีเหตุผล! ขอเพียงมีพ่อค้าเจ้าเล่ห์เช่นน้องหลินนี้ ชาวตะวันตกใดจะมาหลอกลวงพวกเราได้? ไม่หลอกพวกมันก็ถือว่ามีไอมงคลพวยพุ่งจากสุสานบรรพชนของพวกมันแล้ว เกาฉิววางใจได้ทันที ทันใดนั้นก็พูดด้วยความเสียดายเล็กน้อยออกมา “หญ้าแสบจมูกร้ายกาจขนาดนี้จริงหรือ? เพียงแต่น่าเสียดาย เจ้านี่กลับเติบโตที่ทูเจวี๋ย มิเช่นนั้นพวกเราใช้กำลังยึดเคอปู้ตัวนี้ก็ได้ อย่างไรเสียพวกเราก็ยังไม่ได้บุกยึดพื้นที่ของชนเผ่านอกด่านเลย ไม่ได้ลองสักตั้งก็รู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจนะ!”
เจ้าเหล่าเกาคนนี้กลับมีความกล้าของโจรเสียจริง หลินหว่านหรงมีความสุขจนหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ข้อเสนอไม่เลว พิจารณาได้ พิจารณาได้!”
คำพูดล้อเล่นก็ได้แต่พูดกันเฉยๆ เท่านั้น เคอปู้ตัวแห่งนี้ตั้งอยู่ตีนเขาทางเหนือของภูเขาอาเอ่อร์ไท่ ห่างไกลจากดินแดนต้าหัว อยู่ใกล้ราชธานีของชนเผ่านอกด่านแค่สี่ร้อยกว่าลี้ หากใช้กำลังบุกยึดที่นี่จริง เช่นนั้นไม่สู้ยึดเค่อจือเอ่อร์ไปด้วย กำจัดชาวทูเจวี๋ยให้สิ้นซากไปเลยจะดีกว่า!
เพียงแต่ด้วยนิสัยของหลินหว่านหรง ในเมื่อค้นพบยาสูบปริมาณมากที่เคอปู้ตัวนี้ หากไม่เอาเปรียบชาวทูเจวี๋ยอย่างหนัก นั่นก็ไม่ใช่นิสียของเขาแล้ว
ส่วนทำอย่างไรถึงจะเอาเปรียบครั้งใหญ่ได้ เขาครุ่นคิดอยู่นาน ก็บังเกิดความคิดรางๆ บางอย่างภายในใจ แต่หากต้องการทำให้เป็นจริง ยังต้องกำราบชาวทูเจวี๋ยได้ถึงค่อยว่ากัน
เขาถอนต้นยาสูบมาต้นหนึ่ง มัดกิ่งก้านใบให้เรียบร้อย จากนั้นจึงยัดเข้าไปในห่อสัมภาระข้างหลัง หากโชคดีได้กลับไปต้าหัว จะให้พวกของลุงฝูลองศึกษาดู
เนื่องจากล่วงลึกเข้าสู่ใจกลางพื้นที่ของศัตรู ไม่อาจตั้งค่าย ไม่อาจก่อกองไฟได้ นายทหารทุกคนต่างพักผ่อนอยู่กับที่ ค่ายแม่ทัพของหลินหว่านหรงก็แค่ปูด้วยหญ้าแห่งจำนวนหนึ่งบนเนินเขาขนาดเล็กเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับการเดินทางข้ามผ่านหลัวปู้ปั๋วกับภูเขาหิมะอันแสนจะยากลำบาก เขาก็รู้สึกพอใจมากแล้ว
ท้องนภาเป็นผ้าห่ม ปฐพีคือที่นอน เขานอนอย่างมีความสุข ขณะที่เพิ่งพ่นลมหายใจอย่างสุขสบายก็รู้สึกว่ามีสายลมหอมกรุ่นพัดเข้ามา ข้างกายพลันมีเงาร่างอันงดงามเพิ่มขึ้นมาร่างหนึ่ง
“พี่สาว ท่านไปที่ใดมา? ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว!” เขาโอบร่างอันงามยวนเย้าของนางเซียน เรียบลื่นนวลเนียน ผิวราวกับครีม ช่างเป็นการเสพสุขราวกับขึ้นสรวงสวรรค์ เขาซุกศีรษะอยู่บนหน้าอกหนิงอวี่ซี ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร ถ้อยคำอันหวานชื่นนั้นเพียงอ้าปากก็ออกมา
นางเซียนหน้าแดงเล็กน้อย เจ้าโจรน้อยคนนี้ช่างรู้จักหาโอกาสเอาเปรียบ ป้องกันแต่ไม่อาจป้องกันได้เลยจริงๆ นางผลักเขาให้อยู่ห่างจากตนหลายชุ่น[1] จากนั้นนางเซียนจึงกล่าวด้วยเสียงอันอ่อนโยนว่า “อย่าทำพิเรนทร์ ข้ามีคำพูดเป็นการเป็นงานต้องการจะคุยกับเจ้า”
“หรือว่าข้าคิดถึงพี่สาวนางเซียนก็ถือเป็นเรื่องไม่เป็นการเป็นงาน?” หลินหว่านหรงหัวเราะร่า ดมเส้นผมงามของนางเบาๆ คราหนึ่ง “หอม หอมจัง! พี่สาวใช้สิ่งใดชำระล้างร่างกาย ใช่สบู่หอมของตระกูลเซียวเราใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ขอยินดีกับท่านด้วย วันหลังพี่สาวอาบน้ำก็ไม่ต้องเสียเงินแล้ว!”
เจ้าคนนี้ไม่รู้จักเป็นการเป็นงานเลย นางเซียนร้องเบาๆ จับมือมารที่กำลังลูบๆ คลำๆ ของเขาเอาไว้ ส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ฟังคำพูดข้าให้จบ หากเจ้ายังมีเวลาสบายอารมณ์เช่นนี้อีก เช่นนั้นก็ถือว่าข้ายอมเจ้าแล้ว!”
หลินหว่านหรงกะพริบตา ถามด้วยความประหลาดใจ “คำพูดอันใด?!”
หนิงอวี่ซีถอนหายใจเล็กน้อย “ไม่ใช่ข่าวดี…เจ้ารู้หรือไม่ว่าสองวันนี้ข้าไปที่ใดมา?!”
นับตั้งแต่ข้ามผ่านภูเขาอาเอ่อร์ไท่ นางเซียนก็หายไป หลินหว่านหรงคุ้นชินกับการไปมาประดุจสายลม นิสัยที่โผล่มาเพียงประเดี๋ยวเดียวแล้วก็หายไปของนางมาตั้งแต่แรก ไม่ได้แปลกประหลาดอันใด ครั้นได้ยินนางพูดเช่นนี้จึงรีบถาม “ไปที่ใด?!”
นางเซียนยิ้มเล็กน้อย ตอบเบาๆ ว่า “ราช…ธานี…ทู…เจวี๋ย!”
“อะไรนะ?!” สีหน้าหลินหว่านหรงแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่ ตกใจจนแทบจะกระเด้งขึ้นมา “ท่านไปเค่อจือเอ่อร์?! พี่สาวเทพเซียน ท่านอย่ามาขู่ข้าให้ตกใจนะ!”
“จะขู่เจ้าให้ตกใจทำไม?” นางเซียนจับมือเขาพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน “เจ้าไม่ต้องห่วงแทนข้า ความสามารถของข้าเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ บนโลกนี้ นอกจากเพียงผู้เดียวที่ทำร้ายข้าได้ คนอื่นยังห่างไกลลิบลับ!”
“ใคร…ใครที่ทำร้ายท่านได้? เอาใหญ่แล้ว ข้าจะไปกำจัดมัน!” หลินหว่านหรงควักปืนไฟออกมาจากอกดังขวับ กล่าวด้วยโทสะไอสังหารพลุ่งพล่าน
“พรืด” นางเซียนเม้มปากหัวเราะเบาๆ ไม่เอ่ยวาจา เพียงมองเขาอย่างเปี่ยมล้นด้วยความรัก นัยน์ตาอ่อนโยนดุจวารี
หลินหว่านหรงเหม่อลอย เข้าใจความหมายของนางทันที ด้วยความสามารถของนางเซียนหนิง ต่อให้นางจิ้งจอกอันมาด้วยตนเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ทอดสายตาไปทั่วแผ่นดิน ผู้ที่ทำร้ายนางได้ น่าจะมีแค่ข้าคนแซ่หลินเท่านั้นแล้ว หลินหว่านหรงทั้งภาคภูมิใจทั้งซาบซึ้ง กุมมืองามของนางแน่น “พี่สาวเทพเซียน ท่านอย่ามากระเซ้าข้าเลย ทำร้ายท่านนั่นไม่เท่ากับทำร้ายข้าเองหรอกหรือ!”
“ชอบพูดแต่คำพูดน่าฟัง” หนิงอวี่ซีรู้สึกอบอุ่นใจ ดวงหน้าร้อน “ข้าแค่วนอยู่รอบนอกเค่อจือเอ่อร์นั้นรอบหนึ่งแล้วก็กลับมา!”
“กลับมาก็ดี” หลินหว่านหรงไม่กะพริบตา กล่าวอย่างเคร่งขรึมออกมาว่า “นั่นเดิมทีก็หาใช่สถานที่ที่ท่านควรไปอยู่แล้ว!”
นางเซียนหนิงส่ายศีรษะ “เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อน เดิมข้าคิดจะฉวยโอกาสตอนกลางคืนเพื่อไปลองสืบดู ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งถึงรอบนอกก็ถูกสกัดไว้แล้ว!”
หลินหว่านหรงขมวดคิ้ว “สกัดไว้ เพราะเหตุใด?”
หนิงอวี่ซีจับมือเขา มองเขาอย่างอ่อนโยนหลายครา ตอบเสียงแผ่วเบาออกมาว่า “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าห้ามร้อนใจ…รอบนอกของค่อจือเอ่อร์ หญ้าเสบียงพร้อมพรัก กระบวนทัพยิ่งใหญ่ มีทหารรวมตัวกันไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนนาย!”
หลินหว่านหรงกระเด้งขวับขึ้นมาทันที สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “ทัพใหญ่หนึ่งแสน?!”
นางเซียนผงกศีรษะอย่างเงียบงัน หลินหว่านหรงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทันที มิน่านางเซียนถึงพูดว่าเขาไม่อาจสบายอารมณ์เช่นก่อนหน้านั้นได้อีก นี่เป็นข่าวอันสะเทือนเลื่อนลั่น ราวกับสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางใจเขา
เหตุใดชาวทูเจวี๋ยถึงรวมพลทัพใหญ่หนึ่งแสนที่เค่อจือเอ่อร์ได้?! หรือว่าพวกมันรู้เป้าหมายของข้า?! หรือไม่ก็พวกมันมีเจตนาอื่น?!
หากชาวทูเจวี๋ยรับรู้เป้าหมายของข้าได้ เช่นนั้นไม่ใช่แค่การโจมตีพิสดารล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม แม้แต่ทหารห้าพันนายนี้ก็ต้องตกอยู่ในวงล้อมอันแน่นหนาของชนเผ่านอกด่านด้วยเช่นกัน ให้ย้อนกลับไปทะเลแห่งความตายนั้นเป็นไปไม่ได้ โจมตีเค่อจือเอ่อร์โดยไม่ให้รู้ตัวก็ยิ่งเหมือนเอาไข่กระทบหิน เบื้องหน้ามีอุปสรรคขัดขวาง เบื้องหลังหมดหนทางถอย หรือว่าข้าจะเคลื่อนทัพออกศึกไม่ทันคว้าชัย ตัวต้องมาม้วนมรณาเสียก่อนแล้วจริงๆ?!
——
[1] ชุ่น หน่วยมาตราวัดของจีน เทียบเท่ากับ นิ้ว