ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 583 - 1 อ๋องขวา
ฆ่าข้า?! เจ้าคังหนิงพูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ทำให้หลินหว่านหรงตกใจจนสะดุ้งโหยงทันที
แสงไฟหรุบหรู่ส่องพื้นผิวน้ำ ท่ามกลางระลอกคลื่น กองไฟเปล่งประกายระยิบระยับอยู่บนคลื่นที่ขยับตัวขึ้นลง รอบด้านเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงฟืนลุกไหม้ดังเพียะๆ เบาๆ เป็นระยะเท่านั้น เจ้าคังหนิงนั่งฝั่งตรงข้ามบุรุษรูปงามชาวทูเจวี๋ยผู้นั้น ก้มหน้าก้มตาเป็นระยะ ฟังมันสนทนาด้วยสีหน้าเคารพนบนอบ เพียงแต่เมื่อเอ่ยถึงหลินซาน อ๋องน้อยถึงเงยหน้าขึ้นมาทันที ท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะกินเลือดกินเนื้อทั้งเป็นให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
หลินหว่านหรงซ่อนตัวอยู่ใต้เศษหญ้าและเศษดอกไม้น้ำที่ลอยล่องอยู่ ทแยงมุมกับพวกของเจ้าคังหนิงสองคน อยู่ห่างกันไม่เกินระยะสี่ถึงห้าจั้ง ชาวทูเจวี๋ยไม่ได้ระวังป้องกันว่าจะมีคนแอบฟังแม้แต่น้อย บวกกับแสงไฟมืดมิด นอกจากเศษหญ้าและเศษดอกไม้ที่มองเห็นอยู่รำไรแล้วพวกมันก็มองไม่เห็นสิ่งอื่นใดอีก
แสงไฟสว่างโรจน์ส่องใบหน้าอันหล่อเหลาของเจ้าคังหนิง มันกำลังมองชายงามทูเจวี๋ยผู้นั้นด้วยความร้อนอกร้อนใจ มุ่งหวังว่าจะได้รับคำตอบสนับสนุนจากมัน หน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์ในกาลก่อนตกต่ำจนถึงขั้นต้องพึ่งพาจมูกของชนเผ่านอกด่านหายใจถึงจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ แม้แต่บรรพชนก็ไม่ต้องการแล้ว ช่างน่าเศร้าน่ารันทด หลินหว่านหรงลอบแค่นเสียงกับตัวเอง ดูแคลนอ๋องน้อยผู้นี้ยิ่งนัก
ชาวทูเจวี๋ยอายุอ่อนเยาว์ผู้นั้นหัวเราะเสียงดังออกมายาวๆ “หลินซานที่เจ้าพูดถึงคนนี้ใช่ราชบุตรเขยขององค์หญิงหนีฉางแห่งต้าหัว ชาวต้าหัวที่เผาปาเยี่ยนเฮ่าเท่อไปเมื่อหลายวันก่อนคนนั้นใช่หรือไม่?!”
ภาษาต้าหัวของเจ้าชนเผ่านอกด่านคนนี้แข็งกระด้างยิ่งนัก โชคดีที่หลินหว่านหรงเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ ไม่มีสำเนียงใดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อฟังให้ถ้วนถี่กับปราศจากอุปสรรคขัดขวางใดๆ
“ใช่แล้ว เป็นมันนั่นล่ะ” เจ้าคังหนิงกล่าวด้วยความเคียดแค้น “คนพูดนี้ไร้ความรู้ไร้ความสามารถ เอาแต่กินและขี้เกียจสันหลังยาว รังแกบุรุษเอาเปรียบสตรี กระทำแต่เรื่องชั่วช้าสามานย์ ถือเป็นคนชั่วที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของต้าหัว สองมือมันแปดเปื้อนด้วยโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน ความชั่วร้ายที่กระทำนั้นมากมายจนไม่อาจจะเขียนออกมาได้ ราษฎรต้าหัวเราเคียดแค้นชิงชังมันเข้าถึงกระดูก เป็นผู้ที่ใครๆ ก็ต้องการเข่นฆ่าสังหาร”
บรรพบุรุษเจ้าน่ะสิ! หลินหว่านหรงเกือบจะกระเด้งออกมาแหกปากด่าทอแล้ว เดิมทีนึกว่าข้าเป็นคนที่ไร้ยางอายที่สุดในแผ่นดิน วันนี้พอได้เห็นคำพูดและการกระทำของอ๋องน้อยคนนี้ถึงรู้ว่าข้าเป็นช่างเป็นคนที่มีจิตใจดีงามเสียเหลือเกิน เห็นอยู่ว่าเป็นเรื่องชั่วช้าที่เจ้าเคยกระทำมาแท้ๆ แต่กลับสาดน้ำสกปรกมาราดรดลงบนหัวข้าจนหมดสิ้นเสียได้ ขอแช่งให้ริดสีดวงขึ้นที่หัวเจ้า ส่วนเท้าก็เป็นกามโรค
หัวหน้าของชนเผ่านอกด่านผู้นั้นเหลือบมองเจ้าคังหนิงคราหนึ่ง กล่าวพลางแค่นเสียงด้วยความดูแคลนออกมาว่า “แม้แต่ราชบุตรเขยขององค์หญิงหนีฉางก็ยังชั่วช้าสามานย์ถึงเพียงนี้ อ๋องน้อย ชาวต้าหัวเช่นพวกเจ้าแต่ละคนช่างชั่วช้าสามานย์จริงๆ เลยนะ ฮ่าๆๆ!”
บุรุษรูปงามชาวทูเจวี๋ยเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น เหล่าผู้ติดตามข้างกายมันก็มีท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง หัวเราะร่วนปราศจากความเกรงกลัวด้วยเช่นกัน สายตาที่มองดูเจ้าคังหนิงเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน
อ๋องน้อยหน้าซีด ถึงกระนั้นกลับไม่อาจโต้แย้งได้ ทำได้เพียงกัดฟันกรอดพร้อมหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “ใต้เท้าอ๋องขวากล่าวถูกต้องยิ่งนัก หลินซานผู้นี้อาศัยการโกหกหลอกลวงและใช้วาจาที่แยบคายถึงได้รับความเชื่อถือจากฮ่องเต้เลอะเลือนต้าหัว หากเอ่ยถึงความสามารถที่แท้จริง แม้แต่เด็กสามขวบมันก็ยังสู้ไม่ได้ ไม่ขอปิดบังใต้เท้า ทั่วทั้งแผ่นดินต้าหัวถือว่าหลินซานเลวร้ายมากที่สุดแล้ว!”
อ๋องขวา?! ครั้นได้ยินเจ้าคังหนิงเรียกออกจากปาก หลินหว่านหรงก็ตกใจจนสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที แม้แต่การใส่ความครั้งแล้วครั้งเล่าของมันก็ไม่ถือสาความอีกต่อไป
ถูสั่วจั่ว? คนหนุ่มคนนี้กลับเป็นถูสั่วจั่วอ๋องขวาแห่งทูเจวี๋ยผู้มีชื่อเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุ่งหญ้า? มันกลับเป็นบุรุษรูปงามชาวทูเจวี๋ยที่อายุน้อยขนาดนี้?! ท่านย่ามัน! ข้ายังนึกมาตลอดว่าเจ้าคนแซ่ถูนั่นจะเหมือนกับลู่ตงจ้าน มีหนวดมีเคราอยู่เต็มใบหน้าเสียอีก!
การตกใจคราวนี้ถือว่าช่างรุนแรงเสียจริง เขารีบช้อนสายตาขึ้นมองอีกครั้งเพื่อประเมินอ๋องขวาชาวทูเจวี๋ยคนนี้
ถูสั่วจั่วน่าจะมีอายุราวยี่สิบแปดยี่สิบเก้าปี คิ้วเข้มตาโต ดั้งจมูกโด่งเป็นสัน ร่างกายแข็งแรงทรงพลัง บุคลิกท่าทางองอาจเ**้ยมหาญ แววตาวาวโรจน์ ถือเป็นบุรุษรูปงามชาวทูเจวี๋ยของแท้แน่นอนคนหนึ่ง! ก่อนหน้านี้เพียงได้ยินมาว่าอ๋องซ้ายกับอ๋องขวาไม่ลงรอยกัน ต่อสู้แย่งชิงระหว่างดินแดนมานานหลายปี ถึงกระนั้นกลับไม่เคยถามไถ่อายุของพวกมัน การคาดเดาจากประสบการณ์ล้วนๆ มันช่างทำร้ายคนเสียจริง
ถูสั่วจั่วหัวเราะหลายครั้ง สีหน้าค่อยๆ เย็นชาลง “ต้าหัวของพวกเจ้าก่อตั้งมาหลายร้อยปี ผู้ที่นำทัพบุกเข้ามาในทุ่งหญ้า จุดไฟเผาปาเยี่ยนเฮ่าเท่อ ฆ่าคนในเผ่าข้าจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วถอยกลับไปอย่างปลอดภัยได้ก็คือเจ้าคนแซ่หลินคนนี้เพียงผู้เดียว เจ้าพูดว่าหลินซานไร้สามารถ ทว่ากองทัพของเรากลับพ่ายแพ้ใต้เงื้อมมือมันครั้งแล้วครั้งเล่าบนสนามรบ พูดเช่นนี้ก็ไม่เท่ากับว่าชาวทูเจวี๋ยเรายิ่งไร้ความสามารถหรอกหรือ?! อ๋องน้อย เจ้าช่างบังอาจมากนักนะ!”
เจ้าคังหนิงนิ่งอึ้ง เหงื่อเย็นเยียบไหลพร่างพรู รีบโบกไม้โบกมือแล้วพูดว่า “ใต้เท้าอ๋องขวาเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น สิ่งที่เจ้าหลินซานคนนี้เชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือการใช้แผนการอันชั่วร้าย ลอบกัดลับหลัง ทูเจวี๋ยบังเอิญพลาดพลั้งก็เพราะว่ามันชั่วช้าโหดเ**้ยมอำมหิตเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นที่พ่ายแพ้ใต้เงื้อมมือมัน ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าอ๋องซ้าย อ๋องขวาท่านยังไม่ได้ออกโรงเลยนะ เชื่อว่าท่านข่านจะต้องเห็นอยู่ในสายตาอย่างแน่นอน”
ถูสั่วจั่วหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ฉีกน่องออกมาจากแพะย่างทั้งตัวซึ่งมีสีเหลืองทองตัวนั้นออกมาน่องหนึ่ง คราบน้ำมันก็ไม่เช็ด ส่งใส่มือของเจ้าคังหนิงซึ่งยังคงรู้สึกปรระหวั่นลนลานทันที “อ๋องน้อยอย่าถือสา ถูสั่วจั่วล้อเจ้าเล่น ความแค้นระหว่างเจ้ากับหลินซานข้าเคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน มันจับตัวบิดาของเจ้า ทั้งยังแย่งสตรีของเจ้าอีก นี่ถือเป็นการลบหลู่ดูหมิ่นครั้งยิ่งใหญ่เสียจริง หากข้าเป็นเจ้า ข้าก็ต้องฆ่ามันให้จงได้!”
ถูสั่วจั่วพูดพลางใช้มือใหญ่ซึ่งแปดเปื้อนด้วยน้ำมันตบบ่าเจ้าคังหนิง ถือว่าเป็นการปลอบใจ อ๋องน้อยหน้าขาวซีด ประสานมือโค้งคำนับด้วยความเคารพนบนอบ พูดด้วยความซาบซึ้งออกมาว่า “ความเมตตากรุณาของใต้เท้าอ๋องขวา คังหนิงซาบซึ้งยิ่งนัก”
หลินหว่านหรงเห็นแล้วก็ต้องลอบกัดฟันกรอด หรือว่าเจ้าคังหนิงคนนี้เกิดมาจะเป็นคนกระดูกอ่อน? ก้มหัวโค้งคำนับ ทำท่าทางต่ำต้อยประจบประแจงอยู่ต่อหน้าชนเผ่านอกด่าน ถือเป็นการหมิ่นเกียรติสายเลือดชาวต้าหัวที่อยู่ในตัวเขาอย่างยิ่งจริงๆ
เมื่อเห็นสีหน้าประหวั่นลนลานของเจ้าคังหนิง อ๋องขวาทูเจวี๋ยก็ผงกศีรษะ หัวเราะแล้วพูดว่า “อ๋องน้อย วันนี้เจ้าเรียกข้ามาที่ทะเลสาบแห่งนี้ก็เพื่อมาพูดเรื่องพวกนี้หรอกหรือ? เช่นนั้นก็ไม่ต้องมาไกลขนาดนี้ คุยกันที่เค่อจือเอ่อร์ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
เจ้าคังหนิงมองรอบด้านอยู่หลายครั้ง รีบกดเสียงต่ำพูดออกมาว่า “ที่เชิญใต้เท้าอ๋องขวามายังสถานที่แห่งนี้ก็เพราะมีเรื่องจะแจ้งจริงๆ ราชธานีมีราชครูลู่ตงจ้านเฝ้าอยู่ คังหนิงไม่สะดวกหลายประการ บวกกับคนมากก็พูดมาก เกรงว่าหากแพร่ออกไปจะไม่ส่งผลดีต่ออ๋องขวาท่านนะ”
อ๋องน้อยพูดอย่างมีเลศนัย ถูสั่วจั่วถูกเขากระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงร้องอ้อออกมาครั้งหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่สะดวกที่จะหารือกันที่ราชธานี? อ๋องน้อยลองกล่าวออกมาดูเถิด นั่นคือเรื่องอะไรกันแน่?”
เจ้าคังหนิงกัดฟันกรอด “หลายวันก่อนคังหนิงติดตามทหารม้าสองหมื่นของเผ่าท่านไปที่ปาเยี่ยนเฮ่าเท่อ เรื่องนี้ใต้เท้าน่าจะทราบแล้วกระมัง?”
หลินหว่านหรงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ห้วงสมองจึงกระจ่างวูบขึ้นมาทันที ที่แท้ในชาวทูเจวี๋ยจำนวนสองหมื่นคนที่รีบมาช่วยเหลือปาเยี่ยนเฮ่าเท่อวันนั้นกลับมีพวกของเจ้าคังหนิงอยู่ด้วย มิน่าล่ะเจ้าชนเผ่านอกด่านพวกนี้ถึงได้เจ้าเล่ห์ขึ้นมา
“เคยได้ยิน” ถูสั่วจั่วต้องผงกศีรษะโดยปราศจากความลังเล “ได้ยินมาว่าต่อมาเจ้ายังไปที่อู่หยวนอีกด้วย ทำไมหรือ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับข้าหรือ?!”
อ๋องน้อยตอบด้วยท่าทีจริงจัง “เรื่องของคังหนิงย่อมไม่เกี่ยวข้องกับใต้เท้า เพียงแต่เรื่องของอ๋องซ้ายปาเต๋อหลู่ ใต้เท้าน่าจะเคยได้ยินกระมัง”
“ปาเต๋อหลู่?!” แม้แต่อ๋องขวาทูเจวี๋ยพูดหนักแน่นมั่นคงก็ยังมีสีหน้าแปรเปลี่ยน “มันเป็นอะไร?!”
นิสัยของชาวทูเจวี๋ยค่อนข้างตรงไปตรงมาจริงด้วย เพียงเห็นจากสีหน้าของถูสั่วจั่วก็รู้ว่าระหว่างมันกับปาเต๋อหลู่มีความห่างเหินกันอยู่จริง นี่น่าจะเป็นผลมาจากการแย่งชิงกันระหว่างตระกูลภายในของทูเจวี๋ย
เมื่อเห็นอ๋องขวาตกใจเช่นนี้ เจ้าคังหนิงก็บังเกิดความคึกคักขึ้นมาทันที “ใต้เท้า เรื่องที่ปาเต๋อหลู่พ่ายแพ้ที่แนวหน้าคิดว่าท่านก็คงได้ยินแล้วกระมัง มันบุกโจมตีเฮ่อหลานซาน รบหลายครั้งก็ยึดไม่ได้ พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า เกรงว่าทหารม้าทูเจวี๋ยที่สูญเสียไปจะมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสน ได้ยินมาว่าทหารม้าหนึ่งแสนที่สูญเสียไปนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้กล้าที่อยู่ในตระกูลของท่าน!”
“เหลวไหล!” ถูสั่วจั่วถลึงตา บุคลิกท่าทางน่ากริ่งเกรงยิ่งนัก “รายงานการรบที่ราชครูลู่ตงจ้านรายงานเข้ามา ตระกูลของข้ากับปาเต๋อหลู่ต่างสูญเสียกันคนละครึ่ง ทูเจวี๋ยบาดเจ็บห้าหมื่น ต้าหัวสู้รบจนตัวตายไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสน เจ้ากล้าพูดหลอกลวงโกหกข้าหรือ?!”
แววตามันกระจ่างวูบ บารมีแข็งกล้า เจ้าคังหนิงตกใจจนรีบถอยหลังไปหลายก้าว รีบพูดขึ้นมาว่า “อาจเป็นเพราะคังหนิงเข้าใจผิดต่อเรื่องการบาดเจ็บและสูญเสีย เพียงแต่ขอใต้เท้าท่านโปรดลองคิดดูนะ หากท่านอยู่แนวหน้า รายงานการสู้รบนี้จะเขียนเช่นไร? แนวหน้านั้นเป็นปาเต๋อหลู่พี่กำลังออกรบอยู่ บอกว่ามันจะปฏิบัติต่อผู้กล้าทั้งสองตระกูลอย่างเท่าเทียมกัน ท่านเชื่อได้หรือ?!”
หลินหว่านหรงได้ยินแล้วก็ต้องสูดลมหายใจหนาวเหน็บ เห็นชัดว่าเจ้าเด็กนี่กำลังสร้างความร้าวฉานระหว่างอ๋องซ้ายและอ๋องขวาของทูเจวี๋ย เพียงแต่มันกลับพูดจาไม่หมด ทำให้คนคิดฟุ้งซ่านไป นี่คือปากของขุนนางกังฉินขนานแท้ หรือว่ามันจะเป็นไส้ศึกที่นายผู้เฒ่าส่งมาอยู่ที่ทูเจวี๋ย?!