ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 583 - 2 อ๋องขวา
เขาขยับพยุงร่างอยู่ในน้ำหลายครั้ง อดหัวเราะฮิฮะอย่างชั่วร้ายไม่ได้ ทันใดนั้นก็รู้สึกคันยุบยิบที่จมูก เหมือนมีกลิ่นหอมสะอาดบางๆ สายหนึ่งลอยปะทะจมูกเข้ามา กลิ่นหอมนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก นอกจากหอมแล้วยังแฝงกลิ่นเผ็ดร้อนอยู่อีกด้วย
“เสี่ยวสวี่ เจ้าได้กลิ่นหรือไม่?!” หลินหว่านหรงตบบ่าสวี่เจิ้นที่อยู่ข้างกายเบาๆ
สวี่เจิ้นรีบสะบัดหยดน้ำที่อยู่บนใบหน้า เอ่ยถามเสียงแผ่วเบาออกมาว่า “ท่านแม่ทัพ ได้กลิ่นอะไรหรือ?!”
หลินหว่านหรงเข้าไปประชิดเศษหญ้าและเศษดอกไม้ที่อยู่ข้างกายพร้อมดมหลายครั้ง กลิ่นหอมนั้นคล้ายค่อยๆ ลอยสลายหายไป ยามนี้เมื่อดมอีกคราจึงไม่อาจรับรู้อะไรได้ น่าแปลก! เขาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่เข้าใจ ทำได้เพียงส่ายหน้าด้วยความอับจนปัญญา
ถูสั่วจั่วที่อยู่ทางนั้นคิดแล้วคิดอีก สีหน้าปราศจากความหล่อเหลาอย่างก่อนหน้านี้ “เจ้าพูดเช่นนี้มีหลักฐานอะไรหรือไม่?!”
เจ้าคังหนิงส่ายหน้า พูดจาด้วยท่าทางทุกข์ใจ “ข้าเป็นคนนอกเผ่าคนหนึ่ง ใครๆ ต่างระวังป้องกันข้า แล้วจะได้หลักฐานอะไรมาล่ะ? เพียงแต่ทหารม้าทูเจวี๋ยสามแสนกว่านายกลับยึดเฮ่อหลานซานที่เดียวไม่ได้ ไม่เพียงเท่านี้ ยังถูกหลินซานเผาปาเยี่ยนเฮ่าเท่อบุกเข่นฆ่าเข้ามาในทุ่งหญ้าอีกด้วย ใต้เท้า ท่านไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรือ? นี่คือกำลังรบที่แท้จริงของชนเผ่าท่านหรือ?”
“หึ” ถูสั่วจั่วดวงตาประกายเย็นเยียบ “เจ้ากำลังสงสัยว่าปาเต๋อหลู่จะลอบติดต่อกลับชาวต้าหัว? นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด พวกเราคือชาวทูเจวี๋ยผู้เป็นดั่งเทพยดาไร้เทียมทาน หาใช่ชาวต้าหัวเช่นพวกเจ้า!”
การประชดประชันอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ทำให้เจ้าคังหนิงหน้าซีด มันหัวเราะแหะๆ ออยู่สองครั้งแล้วพูดว่า “ใต้เท้ากล่าวถูกต้องยิ่งนัก อ๋องซ้ายไม่มีทางติดต่อกับต้าหัวแน่นอน เพียงแต่ก็ไม่กล้ารับประกันเช่นกันว่ามันจะปราศจากความเห็นแก่ตัว ขณะนี้ทหารม้าทูเจวี๋ยสามแสนกำลังปักหลักเฝ้าอยู่ ณ เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างทะเลทรายและทุ่งหญ้า ทว่ายามนี้อ๋องซ้ายกลับให้ราชครูลู่ตงจ้านเคลื่อนย้ายกำลังพลจำนวนหนึ่งแสนไปที่แนวหน้าอีก ขออภัยที่ข้าต้องกล่าวตามตรง ทหารม้าจำนวนสี่แสนนายอยู่ใต้เงื้อมมือปาเต๋อหลู่ อาศัยประโยชน์จากการทำสงคราม ใช้ลวดลายเพียงเล็กน้อยเพื่อรักษากำลังของอ๋องซ้าย ทำให้เหล่าผู้กล้าภายในตระกูลของอ๋องขวารบจนตัวตายในสนามรบ นั่นช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ หากเรื่องนี้สำเร็จจริง กำลังในตระกูลของอ๋องขวาก็จะเสียหายอย่างหนัก แล้วใต้เท้าจะไปขอความยุติธรรมจากผู้ใดได้ล่ะ?”
หลินหว่านหรงยิ่งฟังก็ยิ่งตกใจ ท่านย่ามัน! ก่อนหน้านี้ดูไม่ออกเลยจริงๆ เจ้าอ๋องน้อยพอพูดเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวกลับเก่งกว่าข้าเป็นร้อยเท่าเสียอีก ช่างเกิดมาเพื่อไส้ศึกเสียจริง
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ กลิ่นหอมจางๆ นั้นกลับลอยขึ้นมาจากผิวน้ำอีกครั้งหนึ่ง เหมือนจะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ หลินหว่านหรงเหลือบมองผิวทะเลสาบหลายครั้ง คลื่นสงบนิ่งราวกับกระจก มีเศษหญ้าและเศษดอกไม้ลอยมาตามผิวน้ำเป็นบางครั้ง
ถูสั่วจั่วหน้าดำคร่ำเครียดเงียบงันไม่เอ่ยวาจา เจ้าคังหนิงรู้สึกยินดีเป็นล้นพ้น พูดขึ้นมาอีกว่า “ปาเต๋อหลู่สู้รบแพ้พ่ายอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังอ้างว่าหญ้าเสบียงขาดแคลน ถอยกลับมาตั้งหลักในทุ่งหญ้าไม่ยอมเคลื่อนไหว ส่วนสวีจื่อฉิงก็ปักหลักอยู่ที่อู่หยวน หลบเลี่ยงไม่ยอมสู้รบ แนวหน้าดูเหมือนจะตึงเครียด ทว่ากลับแอบแฝงความน่าสงสัยว่าจะข้อตกลงกันเงียบๆ ข้ายังได้ยินมาอีกว่าขณะที่ราชครูลู่ตงจ้านไปเป็นราชทูตที่ต้าหัวคบหาสนิทสนมกับหลินซาน ทั้งสองต่างเรียกขานกันเป็นพี่น้อง กินดื่มสนุกสนาน ดื่มสุราเล่นพนันเที่ยวคณิกา มีความสุขยิ่งนัก ข่าวซุบซิบยังบอกมาอีกว่าเจ้าโจรถ่อยแซ่หลินคนนั้นยังเคยมอบปืนใหญ่ฟักที่ใหม่ที่สุดของต้าหัวให้ลู่ตงจ้านอีกด้วย เพียงแต่ต่อมาถูกฮ่องเต้เลอะเลือนขัดขวางถึงไม่สำเร็จ ใต้เท้าอ๋องขวา ความคิดที่จะทำร้ายคนอาจไม่จำเป็น แต่ความคิดที่ระวังป้องกันคนนั้นไม่อาจไม่มีได้นะ…”
“ปัง!” กลับเป็นถูสั่วจั่วที่ลุกยืนขึ้น ใช้เท้าถีบแพะอ้วนพีที่อยู่บนแคร่ไม้จนปลิวกระเด็น ชี้จมูกอ๋องน้อยแล้วกล่าวอย่างมีน้ำโหว่า “ปาเต๋อหลู่กับลู่ตงจ้านไม่มีทางต่ำช้าอย่างที่เจ้าคิดเช่นนั้นแน่ ชาวต้าหัว เจ้ายุแยงพวกเราเช่นนี้มีเจตนาอันใดกันแน่?!”
เจ้าคังหนิงรีบกระเด้งขึ้นมา “ใต้เท้าโปรดระงับโทสะ ข้าน้อยเพียงคิดอ่านแทนอ๋องขวาเท่านั้น ปราศจากเจตนายุแยงแม้แต่น้อย”
“ปราศจากการยุแยง?!” ถูสั่วจั่วมองมันพลางยิ้มหยัน “ชาวต้าหัวที่ละโมบโลภมากเช่นพวกเจ้านี้ คำพูดแต่ละประโยคต่างมีวัตถุประสงค์ที่ไม่อาจบอกกล่าวผู้อื่นได้ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
เจ้าคังหนิงกัดฟันกรอด รวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “สิ่งที่คังหนิงกล่าวเมื่อครู่นั้นจริงแท้แน่นอน ขอใต้เท้าโปรดระวังป้องกันมีดที่ไร้รูปลักษณ์ของปาเต๋อหลู่ให้ดี แน่นอนว่าข้าย่อมมีเจตนาส่วนตัว คังหนิงเคยสาบานเอาไว้ หากยังมีชีวิตอยู่จะต้องบุกเข่าฆ่ากลับไปต้าหัว เด็ดหัวสุนัขของหลินซานกับฮ่องเต้เลอะเลือนเพื่อแก้แค้นให้กับท่านพ่อของข้าให้จงได้ ส่วนปาเต๋อหลู่ที่ด้านหนึ่งแอบเล่นลูกไม้กำจัดทั้งฝ่ายตัวเองและศัตรู ส่วนอีกด้านกลับไม่ยอมสู้รบ ไม่ยอมบุกยึดอย่างเต็มกำลัง หนึ่งเดือนกว่าแล้ว แม้แต่เฮ่อหลานซานก็ยังยึดไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการนำทัพเข้าจงหยวน มีเพียงต้องเปลี่ยนตัวปาเต๋อหลู่เท่านั้น ขอใต้เท้าอ๋องขวาโปรดเป็นผู้นำทัพ ทูเจวี๋ยถึงจะได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ ขอเอ่ยคำพูดที่ไม่เหมาะสมอีกสักครา ใต้เท้า หากต้องการขับไล่ปาเต๋อหลู่ ให้อ๋องขวากับคนในตระกูลของท่านเสพสุขกับเกียรติยศที่ไม่อาจมีผู้ใดเทียมทัดได้ในทูเจวี๋ย ยามนี้คือโอกาสอันดีมากที่สุดแล้ว!”
“โอกาสอันดีมากที่สุดอะไรกัน?!” ถูสั่วจั่วดวงตากระจ่างวูบทันที
“ปาเต๋อหลู่พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกเสียงก่นด่าไปทั่วดินแดนมาตั้งนานแล้ว ขอเพียงใต้เท้าอ๋องขวาท่านออกโรงเอ่ยปาก ร่วมมือกับทุกคนต่อว่าปาเต๋อหลู่ต่อหน้าท่านข่าน เรื่องนี้เป็นความจริงและมีหลักฐาน ท่านข่านไม่มีทางปกป้องมันแน่ เมื่อถอนตัวปาเต๋อหลู่ออกไปก็เท่ากับสะกดตระกูลของมัน จากนั้นก็ให้ใต้เท้าท่านนำทัพบุกเข่นฆ่าเข้าสู่จงหยวน แข็งแกร่งไร้เทียมทาน จากการเปรียบเทียบสูงต่ำเช่นนี้ ปาเต๋อหลู่ก็จะปราศจากโอกาสพลิกฟื้นอีกต่อไป นับแต่บัดนี้ทูเจวี๋ยจะเห็นเพียงอ๋องขวาเท่านั้น ปราศจากอ๋องซ้ายอีกต่อไป”
เจ้าคังหนิงไม่เสียทีที่เป็นผู้สืบทอดเชื้อพระวงศ์ต้าหัว เชี่ยวชาญการใช้เล่ห์กลอุบายยิ่งนัก เอาเรื่องพวกนี้มาหลอกลวงชาวทูเจวี๋ย แม้แต่หลินหว่านหรงก็เริ่มนับถือมันแล้วเช่นกัน
ถูสั่วจั่วย่ำเท้าเล็กน้อย ภายในดวงตาสีน้ำเงินเข้มเปล่งประกายวูบไหว คล้ายรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
เจ้าคังหนิงยิ่งได้ใจ รีบเดินไปข้างกายมัน ยิ้มประจบแล้วพูดว่า “ยามนี้โอกาสนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมมากที่สุด ขอเพียงใต้เท้าออกหน้าจะต้องมีคนตอบรับมากมายเป็นแน่ นอกจากนั้นตอนข้าน้อยออกจากต้าหัว บิดาเคยทิ้งสมบัติไว้ให้ คังหนิงยินดีมอบเงินขาวจำนวนห้าแสนตำลึงให้ท่านอ๋องขวาเพื่อแสดงความจริงใจ”
“เงินขาวจำนวนห้าแสนตำลึง?!” ถูสั่วจั่วตกใจทันที ดวงตาสาดประกายรำลึก ทั่วทั้งแคว้นทูเจวี๋ย น่าจะยังไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน
“ใช่แล้ว ห้าแสนตำลึง!” เจ้าคังหนิงชูห้านิ้วด้วยท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง “นอกจากนี้ ขอเพียงใต้เท้ายกทัพลงใต้ ฟื้นความรุ่งเรืองแก่ต้าหัว คังหนิงยินยอมมอบเมืองเป็นบรรณาการให้อีกสิบเมือง ตัดแบ่งเข้าสู่แผนที่ทูเจวี๋ยตลอดกาล ทั้งยังจะลงนามเป็นพันธมิตรกันดีไปทุกยุคทุกสมัยอีกด้วย!”
เอาเงินของข้า แล้วยังให้ชนเผ่านอกด่านมาครองดินแดนของข้า สังหารมาถึงหัวของข้าอีก เจ้าคนมีแม่เป็นสุนัขตัวนี้! หลินหว่านหรงฟังแล้วอกก็แทบจะระเบิด หากไม่ใช่เวลานี้ยังไม่ถึงเวลาลงมือ เขาคงยิงเจ้าคังหนิงให้ตายไปแล้วเป็นแน่
“หอมจังเลย!” สวี่เจิ้นซึ่งหลบซุ่มอยู่ข้างกายเขาพลันจามออกมาเบาๆ เขา รีบดำลงไปในน้ำ ผ่านไปเนิ่นนานถึงจะลอยตัวขึ้นมา
หลินหว่านหรงเบิกตากว้าง “เสี่ยวสวี่ เจ้าก็ได้กลิ่นแล้วหรือ?!”
ระหว่างที่พูดกลิ่นหอมนั้นก็เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ แพร่กระจายเลียบริมทะเลสาบไปทั่วทุกสารทิศอย่างแช่มช้า หลินหว่านหรงมองไปรอบด้าน สายตาไปอยู่ที่กลุ่มเศษหญ้าและเศษดอกไม้ที่ค่อยๆ ลอยเข้ามาใกล้นั้น ใบหน้าประดับรอยยิ้มงามหยาดเยิ้มของอวี้เจียค่อยๆ ผุดอยู่เบื้องหน้าเขา…
ถูสั่วจั่วไม่เอื้อนเอ่ยวาจาอยู่นาน ทว่าสีหน้าหวั่นไหวกลับปรากฏให้เห็นชัดเจน เจ้าคังหนิงกล่าวพลางหัวเราะฮิฮะ “เมื่อมีเงินขาวจำนวนห้าแสนตำลึงนี้ ใต้เท้า ท่านอยากจะทำสิ่งใดก็เพียงพอ หากท่านข่านไม่เชื่อฟัง ท่านก็ปลดได้ทันที ตนเองก็ขึ้นเป็น…”
พูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียง ปัง! กระจ่างชัดขึ้นมาคราหนึ่ง ใบหน้าอ๋องน้อยมีรอยแส้เพิ่มขึ้นมารอยหนึ่งอย่างชัดเจน แดงบวมไปแถบนึง น่าตกใจยิ่งนัก
ถูสั่วจั่วมือถือแส้ม้า โมโหเดือดดาลอย่างยิ่ง “เจ้าเชื้อสุนัขตัวนี้กลับกล้าแสดงความไม่เคารพต่อท่านข่านของเรา! เจ้าเห็นว่าทูเจวี๋ยเราคือต้าหัวเจ้าเช่นนั้นหรือ? ถูสั่วจั่วไม่เคยเชื่อถือชาวต้าหัวที่ตระบัดสัตย์ลืมเลือนคุณธรรม ต่ำช้าไร้ยางอายเช่นพวกเจ้านี้เลย!”
รอยช้ำเข้มรอยหนึ่งประดับอยู่บนใบหน้า ใบหน้าอันหล่อเหลาดูบิดเบี้ยวภายในชั่วพริบตา เจ้าคังหนิงใบหน้าบัดเดี๋ยวซีดบัดเดี๋ยวแดง รีบก้มหน้าลงไป กัดฟันจนได้ยินเสียงดังกรอดกรอด ถึงกระนั้นกลับไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
“คนขี้ขลาดตาขาวชาวต้าหัว!” ถูสั่วจั่วพับแส้ม้า ฟาดมือส่งเสียงดังปังๆ ดวงตาไม่มองเจ้าคังหนิง มันเบือนหน้าไปพร้อมแค่นเสียงอย่างดูแคลน
กลิ่นหอมสะอาดคล้ายเข้มข้นคล้ายเบาบางลอยมาจากผิวน้ำ ค่อยๆ แผ่กระจายเข้าไปในค่าย ถูสั่วจั่วสูดดมเบาๆ หลายครั้ง สีหน้าแปรเปลี่ยนในบัดดล