ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 584 - 2 แข่งขันชิงแพะ
เมื่อปีนขึ้นฝั่งก็เรียกรวมพลแล้วนับให้ครบถ้วนรอบหนึ่ง จัดตั้งเวรยามลับเรียบร้อย จากนั้นถึงกลับไปอย่างรีบร้อน
พวกของหูปู้กุยเกาฉิวและหลี่อู่หลิงรอคอยจนหงุดหงิดใจมาตั้งนานแล้ว ครั้นเห็นเขากลับมาก็เข้ามาล้อมด้วยความยินดีทันที “แม่ทัพหลิน เบื้องหน้ามีข่าวหรือไม่ขอรับ?!”
หลินหว่านหรงผงกศีรษะ เล่าสิ่งที่พบสิ่งที่เห็นในทะเลสาบออกไปรอบหนึ่ง ทุกคนฟังจนตาโตอ้าปากค้าง แค่เจ้าคังหนิงคนเดียวก็แย่แล้ว ยิ่งเพิ่มอ๋องขวาทูเจวี๋ยถูสั่วจั่วที่มีขุมกำลังเต็มที่อีก แม่ทัพหลินออกโรง ช่างให้ผลเกินคาดเสียจริง
“เจ้าสุนัขที่ขายบรรพชนเพื่อลาภยศตัวนี้นี่!” เกาฉิวด่าทออย่างเดือดดาล ที่ด่าทอก็คือเจ้าคังหนิงทายาทเฉิงอ๋องในกาลก่อน
หูปู้กุยหัวเราะแล้วพูดว่า “ยุแยงอ๋องซ้ายขวาทูเจวี๋ย กระทั่งยังโน้มน้าวให้ถูสั่วจั่วปลดข่านแล้วเป็นเอง อ๋องน้อยช่างขวัญกล้าอยู่บ้างจริงๆ นะ!”
หลินหว่านหรงถอนหายใจ “เจ้าคังหนิงน่ะไม่ต้องพูดถึงแล้ว ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมีคนกำจัดมัน ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าถูสั่วจั่วคนนี้กลับอายุน้อยเช่นนี้ อายุยังไม่ถึงสามสิบก็เป็นอ๋องขวาทูเจวี๋ยที่มีผลงานศึกอันยิ่งใหญ่!”
หูปู้กุยกล่าวเสียงทุ้มหนัก “ถูสั่วจั่วคนนี้ไม่อาจดูแคลนได้เลย มันรับช่วงต่อจากบิดาตอนอายุสิบสาม ไม่ถึงยี่สิบก็ดูแลชนเผ่าของตนเองจนกลายเป็นดินแดนขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของทูเจวี๋ย ระหว่างนั้นบุกใต้ขึ้นเหนือ กำราบเถี่ยเล่อเก้าตระกูล กลายเป็นขุนนางที่มีผลงานใหญ่มากที่สุดในการรวบรวมทุ่งใหญ่ให้เป็นหนึ่งของทูเจวี๋ย คนผู้นี้มีความเ**้ยมหาญยิ่งนัก บวกกับมีปณิธานแน่วแน่ หล่อเหลาสง่างาม มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในทูเจวี๋ย อายุยังไม่เกินสามสิบก็มีชื่อเสียงเคียงบ่าเคียงไหล่กับปาเต๋อหลู่แล้ว แม้ข้าน้อยจะไม่เคยประมือกับมันโดยตรง แต่ชื่อเสียงของอ๋องขวาทูเจวี๋ยกลับเหมือนดั่งเสียงอสุนีบาตกรอกใบหูมาตั้งแต่แรกขอรับ”
ที่แท้เจ้าถูสั่วจั่วคนนี้ก็รบมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เป็นยี่สิบเท่าของข้าได้ น่าละอายๆ หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ หลายครั้ง “ในเมื่อถูสั่วจั่วกล้าแกร่งเพียงนี้ เช่นนั้นเหตุใดภารกิจใหญ่เช่นการบุกโจมตีเฮ่อหลานซานถึงไปอยู่ที่ปาเต๋อหลู่ได้เล่า?”
“เรื่องนี้ก็สมกับคำว่าขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดขอรับ ดินแดนของปาเต๋อหลู่ถือเป็นดินแดนอันดับหนึ่งของทูเจวี๋ย แม้แต่ลู่ตงจ้านเองก็ถือกำเนิดจากที่นี่ แล้วพวกมันจะปล่อยให้อำนาจกองทัพตกอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่นได้หรือ? เพื่อบุกโจมตีต้าหัว ทูเจวี๋ยรวบรวมกำลังพลที่มีอยู่ทั้งหมด ถูสั่วจั่วต้องมอบผู้กล้าที่เชื่อใจมากที่สุดในดินแดนให้ปาเต๋อหลู่ควบคุม ท่านว่าใจมันจะทนได้หรือขอรับ? เรื่องที่อ๋องซ้ายและอ๋องขวาทูเจวี๋ยประหัตประหารซึ่งกันและกันนั้นว่ากันว่าเริ่มตั้งแต่บิดาของถูสั่วจั่วแล้ว”
มิน่าเจ้าคังหนิงถึงกล้าบังอาจยุแยงตะแคงรั่ว ที่แท้ในนี้ยังมีอะไรแอบแฝงอยู่อีกมากนี่เอง ถูสั่วจั่วไม่ได้รับความเป็นธรรมจิรงด้วย หลินหว่านหรงส่งเสียงอืมคราหนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “พี่หู เช่นนั้นท่านเคยพบข่านทูเจวี๋ยหรือไม่?!”
หูปู้กุยส่ายหน้า ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ข่านทูเจวี๋ยอยู่ไกลถึงเค่อจือเอ่อร์ ส่วนพวกเราก่อนหน้านี้ไม่เคยแม้แต่จะได้เข้าทุ่งหญ้า แล้วจะเคยเห็นข่านทูเจวี๋ยได้อย่างไรล่ะขอรับ? ไม่ใช่แค่ข้า แม้แต่ท่านจอมทัพหลี่ไท่ ท่านรบกับชนเผ่านอกด่านมาทั้งชาติก็ยังไม่เคยเห็นว่าข่านทูเจวี๋ยมีหน้าตาเช่นไร พูดไปแล้วในทูเจวี๋ยเองจะมีสักกี่คนที่เคยเห็นว่าฮ่องเต้ของเราทรงมีพระพักตร์เช่นไรบ้าง?”
เหล่าหูเปรียบเทียบเช่นนี้กลับน่าสนใจยิ่งนัก หลินหว่านหรงผงกศีรษะพลางยิ้มแย้ม “พูดเช่นนี้ มีความเป็นได้อย่างยิ่งว่าพวกเราจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้เห็นข่านทูเจวี๋ยของต้าหัวแล้วล่ะสิ?!”
คนทั้งหลายต่างเปล่งหัวเราะเสียงดัง แอบมีความคาดหวังเล็กน้อยอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่การพูดเล่น ขอเพียงยึดเค่อจือเอ่อร์ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเห็นหน้าตาข่านทูเจวี๋ย แม้แต่เอาชีวิตมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ทูเจวี๋ยเคยส่งลู่ตงจ้านมาเป็นราชทูต มาต้าหัวเพื่อสู่ขอองค์หญิงหนีฉาง ข่านของพวกมันคิดว่าก็คงมีอายุราวสี่ห้าสิบปีกระมัง หลินหว่านหรงส่ายหน้า กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “จากการสนทนาของถูสั่วจั่วกับเจ้าคังหนิง ทัพใหญ่นับแสนที่อยู่รอบนอกเค่อจือเอ่อร์พรุ่งนี้ก็จะไปช่วยแนวหน้าแล้ว เช่นนั้นลู่ตงจ้านจะทิ้งไพร่พลไว้ที่ราชธานีทูเจวี๋ยเท่าไหร่?!”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน คำถามนี้เกรงว่าคงมีแค่ลู่ตงจ้านที่ตอบได้แล้ว หูปู้กุยคุ้นเคยกับนิสัยชาวทูเจวี๋ยมากที่สุด เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเสียงเบาออกมาว่า “เค่อจือเอ่อร์ไม่เหมือนที่อื่น เป็นถึงราชธานีของทูเจวี๋ย เป็นสถานที่สำคัญที่ยิ่งกว่าสำคัญที่ชนเผ่านอกด่านต้องเฝ้ารักษา แม้จะบอกว่าอยู่ใกล้ปราการธรรมชาติอย่างภูเขาอาเอ่อร์ไท่ ไม่เคยถูกลอบโจมตีมาก่อนก็ตาม แต่ต่อให้ชนเผ่านอกด่านวางใจ ก็ไม่มีทางผ่อนคลายเกินไปแน่นอน ตามการคาดเดาของข้าน้อย ลู่ตงจ้านต้องทิ้งทหารม้าชั้นยอดไว้อย่างน้อยหนึ่งหมื่นโดยประมาณ เผื่อเกิดเหตุจำเป็น บวกกับกองกำลังรักษาเมือง เค่อจือเอ่อร์น่าจะมีไพร่พลราวสองหมื่นกระมังขอรับ”
การคาดเดาของหูปู้กุยมีเหตุผล บนทุ่งหญ้า ทหารม้าทูเจวี๋ยจำนวนหนึ่งหมื่นถือเป็นกองกำลังที่ไม่อาจต้านทานได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกองกำลังรักษาเมืองอีก เมื่อรวมกับชายฉกรรจ์ที่อยู่ในเมือง ผู้ที่เฝ้ารักษาราชธานีทูเจวี๋ยต้องไม่ต่ำกว่าสองหมื่นคนแน่นอน
ใช้ไพร่พลห้าพันไปสู้แลกกับชาวทูเจวี๋ยสองหมื่น ซ้ำเป็นศึกโจมตีเมืองอีกด้วย แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าเรื่องนี้ยากนัก ต่อให้คิดสู้ตายก็ไม่อาจไปตายเสียเที่ยวเปล่าเช่นนี้กระมัง หลินหว่านหรงขมวดคิ้วมุ่นทันที
ศึกเค่อจือเอ่อร์อาจเป็นศึกสุดท้ายของเขาแล้ว และมันต้องเป็นการต่อสู้ที่ถูกบันทึกลงไปในประวัติศาสตร์แน่นอน ไม่ว่าผลแพ้ชนะจะเป็นเช่นไร ทหารห้าพันนายนี้ต่างมีชื่อจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำทัพ การจ่ายค่าตอบแทนที่ต่ำที่สุดเพื่อแลกกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่มากที่สุดคือหน้าที่ของเขา
ทุกคนค่อยๆ สงบลง มองหลินหว่านหรงอย่างเงียบงัน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ทุกการตัดสินใจของเขาจะตัดสินชะตาทหารทั้งห้าพัน
บรรยากาศเงียบสงัดจนกดดันเล็กน้อย หลินหว่านหรงย่ำเท้าแช่มช้าไปหลายก้าว ทันใดนั้นก็หยุดเดิน เงยหน้าถามอย่างรวดเร็ว “พี่หู ท่านเคยได้ยินการแข่งขันชิงแพะหรือไม่?!”
แข่งขันชิงแพะ? ทุกคนนิ่งงันไปพร้อมกัน หูปู้กุยรีบผงกศีรษะแล้วตอบว่า “เคยได้ยินๆ นี่คืองานใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดบนทุ่งหญ้าแล้วขอรับ”
“อ้อ?” หลินหว่านหรงกล่าวด้วยความสนใจยิ่งนัก “เจ้าแพะนี่มันมีวิธีจับอย่างไรกันแน่?”
“แข่งขันชิงแพะบนทุ่งหญ้า พูดไปแล้วก็ไม่ต่างจากการประลองยุทธ์เลือกคู่ของต้าหัวเราสักเท่าไหร่ขอรับ!”
“ประลองยุทธ์เลือกคู่?! ข้าชอบฟังเรื่องนี้” เกาฉิวดวงตาเป็นประกายทันที รู้สึกคึกคักขึ้นมา “ชิงแพะกับหาคู่มันเกี่ยวกันได้อย่างไร เหล่าหู รีบว่ามา”
เหล่าหูผงกศีรษะ หัวเราะแล้วพูดว่า “ประเพณีหาคู่ของชนเผ่านอกด่านต่างจากของต้าหัวเรา พวกเราเน้นคำสั่งบุพการี ถ้อยคำของแม่สื่อ แต่สำหรับชนเผ่านอกด่านนั้น พวกมันให้ความสำคัญต่อการคบหาอย่างอิสระ ชายหญิงพบกันรักกันนั้นล้วนเกิดตามธรรมชาติ”
“นี่กลับไม่เลว” หลี่อู่หลิงรีบปรบมือ “เหมาะกับพี่หลินพอดี เขาหาคู่หนึ่งร้อยจะกลายเป็นหนึ่งร้อยเอ็ดคน”
หลินหว่านหรงกลอกตาค้อนรอบหนึ่ง ทุกคนต่างหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
“การรักกันอย่างอิสระนี้เดิมทีเป็นเรื่องดี ทว่าในแต่ละชนเผ่าของทูเจวี๋ยมีชายหญิงไม่สมดุลกัน ทั้งยังอยู่กันคนละแห่งบนทุ่งหญ้า พบหน้าไม่สะดวก ด้วยเหตุนี้งานชิงแพะซึ่งแต่เดิมใช้เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวจึงเปลี่ยนมาจัดในฤดูใบไม้ผลิ เปลี่ยนเป็นงานหาคู่ของชนเผ่านอกด่าน ถึงเวลาสตรีที่ยังมิได้ตบแต่งจากแต่ละชนเผ่าบนทุ่งหญ้าก็จะไปชมงานชิงแพะเพื่อเลือกเฟ้นผู้ที่ตนถูกใจ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์หรือว่าสามัญชนคนธรรมดาก็เข้าร่วมการแข่งขันชิงแพะนี้ได้ เพื่อความยุติธรรมและป้องกันการประหัตประหารซึ่งจะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง เหล่าผู้กล้าที่เข้าร่วมการชิงแพะต้องใช้ผ้าดำปกปิดใบหน้า ทำสัญลักษณ์เอาไว้ ผู้ที่นำแพะไปถึงที่หมายได้ก่อนก็จะเป็นผู้กล้าแห่งทุ่งหญ้าของงานนั้น ส่วนสตรีผู้มีสถานะสูงส่งมากที่สุดก็จะเลือกผู้กล้าที่ร้ายกาจมากที่สุดมาเป็นเขยขวัญขอรับ”
ปิดหน้าชิงแพะ?! เรื่องนี้มันช่างน่าตื่นเต้นเสียจริงนะ! หลินหว่านหรงหัวเราะร่าพร้อมพูดว่า “ชาวทูเจวี๋ยมีความคิดสร้างสรรค์เสียจริง นี่มันชิงแพะที่ไหนกัน เห็นชัดว่าชิงคนรักนี่นา”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสรวลเสเฮฮากันอยู่นั้น หูปู้กุยก็ตกใจทันที เอ่ยถามด้วยความยินดีอย่างยิ่งขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านจะใช้ประโยชน์จากการแข่งขันชิงแพะครั้งนี้ขอรับ?!”