ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 587 - 1 ลงโทษ?
นางเซียนแย้มยิ้ม ท่าทางมั่นใจเปี่ยมล้น หลินหว่านหรงตกใจจนกะพริบตาปริบๆ “พี่สาว หรือว่าท่านจะใช้วิชาแปลงโฉมเพื่อเปลี่ยนแปลงใบหน้าในตำนานเพื่อแปลงกายเป็นอวี้เจีย? เรื่องนี้ทำไม่ได้ ลูบคลำนางกับลูบคลำท่าน นั่นมันความรู้สึกคนละแบบนะ”
หนิงอวี่ซีหัวเราะพรวด กล่าวด้วยความจนใจออกมาว่า “พูดจาเหลวไหลอะไรกัน บนโลกนี้ไหนเลยจะมีวิชาแปลงโฉม นั่นมันเป็นการละเล่นหลอกลวงคนของพวกใช้วิชาหลอกลวงคนในยุทธภพเท่านั้น สถานะและรูปร่างหน้าตาของอวี้เจียคนนี้ต่างจากข้าโดยสิ้นเชิง แล้วข้าจะปลอมตัวเป็นนางทำไมกัน?”
หลินหว่านหรงจ้องประเมินเรือนร่างนางอยู่นาน จากนั้นจึงผงกศีรษะด้วยท่าทีเคร่งขรึมยิ่งนัก “ไม่อาจปลอมตัวได้จริงด้วย พวกท่าน ต่างกันมาก…จากการคะเนด้วยสายตาของข้า ต่อให้เยวี่ยหยาเอ๋อร์ให้เจริญเติบโตไปอีกสิบปีถึงพอฝืนมีไซส์ได้ครึ่งหนึ่งของพี่สาวเทพเซียน แถมนั่นยังเป็นตอนที่นางสวมยกทรงแล้วด้วย เฮ้อ ความแตกต่างระหว่างคนกับคน เหตุใดมันถึงต่างกันอย่างยิ่ง…ใหญ่ขนาดนี้นะ?!”
ไซส์อะไร ยกทรงอะไร? หนิงอวี่ซีฟังแล้วก็รู้สึกงุนงง เมื่อเห็นสายตาเขาจ้องมองอยู่บนหน้าอกอันอวบอิ่มของตนเขม็งโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักครั้ง นางถึงรู้ทันที รีบร้องออกมาพร้อมหมุนกายไป หน้าแดงสดใส “โจรน้อยเช่นเจ้านี้ถึงกล้าพูดประโยคนี้ได้ ไม่มีความจริงจังเลยสักนิดเดียว!”
“จริงจังๆ จะต้องจริงจัง” หลินหว่านหรงถอนหายใจดังเฮ้อ จับมือนางพร้อมพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “เพียงแต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ขอให้พี่สาวเข้าใจ ข้าคนนี้นิสัยเที่ยงตรง มีหนึ่งก็พูดหนึ่ง รูปร่างของพี่สาวเดิมทีก็ดีกว่าอวี้เจียเป็นร้อยเท่าอยู่แล้ว หรือว่าจะให้ข้าพูดขัดกับความรู้สึกว่าดีกว่านางแค่สิบเท่า?! นี่ไม่ทำให้ข้าลำบากใจหรอกหรือ ข้าไม่ถนัดพูดโกหกเลยนะ!”
หนิงอวี่ซีแม้จะเป็นสตรีผู้เรียบเฉยดั่งนางเซียน แต่เมื่อถูกเจ้าคนหน้าด้านหน้าทนคนนี้พัวพัน ส่งระเบิดความหวานมาให้หลายลูก ก็กลับอดใจเต้นรัวไม่ได้
เหลวไหล! รูปร่างของอวี้เจียผู้นั้นก็ล้ำเลิศของล้ำเลิศเช่นกัน ต่างจากข้าก็แค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้น นางหน้าแดงด้วยความอาย ส่งเสียงอืมเบาๆ ขยับมือจนบังเกิดประกายแสงวูบหนึ่ง
“อย่า…อย่าลงมือนะ!” หลินหว่านหรงตาไว นางเซียนหนิงมือปรากฏแสงสีเงินวูบหนึ่ง เขาจับก้นตามจิตใต้สำนึก รีบกระโดดหนีไป
“ใครใช้ให้เจ้าพูดจาบ้าบอเหล่านี้!” หนิงอวี่ซีมองค้อนเขาด้วยโทสะบางๆ บนดวงหน้ากระจ่างใสคล้ายผัดชาด “ศิษย์น้องอันพูดถูกต้อง กับคนพาลเช่นเจ้าต้องใช้ไม้แข็งก่อนถึงจะควบคุมได้!”
“พี่สาวจิ้งจอกพูดเช่นนี้จริงหรือ?” หลินหว่านหรงเบิกตาโพลง ตบมือหัวเราะทันที “ถูกต้องยิ่งนักๆ แข็งก่อนแล้วค่อยอ่อน ข้าใช้วิธีแบบนี้เช่นกัน นี่คือขั้นตอนตามปกติ ทุกคนต่างไม่อาจหนีพ้น!”
เห็นเขาหัวเราะหน้าชื่นตาบาน นางเซียนก็บังเกิดลางสังหรณ์ไม่รู้ว่าโจรน้อยคนนี้จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีก เพียงแต่หากให้นางเลียนแบบศิษย์น้องอันลงมือสะกดเขาเช่นนั้น ในใจกลับอ่อนยวบ ไม่ยินดียิ่งนัก
“เจ้านี่นะ” หนิงอวี่ซีกุมมือเขา ความอ่อนโยนปรากฏให้เห็นในดวงตารางๆ ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย ความรู้สึกสารพัดสารพัน “…ก็เอาแต่พูดเรื่องจริงจังให้เป็นเรื่องชั่วร้าย แล้วก็ทำให้ชั่วร้ายให้กลายเป็นเรื่องจริงจัง! ผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้ บนโลกนี้มีแค่เจ้าคนเดียว นี่คือการลงโทษจากสวรรค์ที่ข้าไม่ยืนหยัดกับการบำเพ็ญเพียร ต้องให้ข้าเข้าสู่วัฏสงสารทุกภพทุกชาติ รับทัณฑ์ทรมานอันโหดร้ายจากเจ้า! บนโลกมนุษย์ยังมีความทุกข์ที่ยิ่งกว่านี้อีกหรือ?”
นางก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมล้น ปรางแก้มดั่งไฟเผา ทว่าสองตากลับสุกใส อ่อนโยนล้นเหลือดั่งวารี หลินหว่านหรงฟังแล้วก็ใจอ่อนยวบ ไม้อ่อนของพี่สาวเทพเซียนนี้ยังใช้งานได้ดีกว่า สูงส่งยิ่งกว่าการบ้าอำนาจและใช้ไม้แข็งของนางจิ้งจอกอันเสียอีก กลับทำให้ข้าไม่อาจเกิดความคิดโต้แย้งแม้แต่น้อย พวกนางศิษย์พี่ศิษย์น้องสองคน คนหนึ่งอ่อนคนหนึ่งแข็ง กุมชีวิตข้าแล้วจริงๆ
“โจรน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าชอบสิ่งใดบนตัวเจ้ามากที่สุด?” นางเซียนก้มหน้าลง พูดเสียงเบาและอ่อนโยน เมื่อพูดถึงคำว่าชอบใบหน้าก็เหมือนแสงอรุณ ดวงตาคล้ายยินดีคล้ายเอียงอาย
ชอบสิ่งใดบนตัวข้า? หลินหว่านหรงกะพริบตา รีบมองประเมินร่างกาย จากบนลงล่าง จากนั้นก็จากล่างขึ้นบน มองไปมองมาตาก็ลาย ส่วนที่โดดเด่นมากที่สุดบนตัวข้าก็น่าจะมีแค่ตรงนั้น! เพียงแต่นางเซียนรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีข้อดีอันแสนจะโดดเด่นนี้?
“พี่สาว เรื่องนี้ข้ากระดากใจที่จะพูดออกมาจริงๆ นะ!” เขาก้มหน้าลง กล่าวด้วยท่าทางเหนียมอาย
“เช่นนั้นข้าพูดก็แล้วกัน” หนิงอวี่ซีผงกศีรษะเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “สิ่งที่ข้าชอบมากที่สุดก็คือความจริงใจของเจ้านั่นเอง”
ที่แท้ก็เรื่องนี้! หลินหว่านหรงก้มหน้าลงด้วยความละอายใจจริงนัก นางเซียนจับมือเขา ริมฝีปากสีชาดขยับเล็กน้อย “อันที่จริงนับตั้งแต่รู้จักกับเจ้ามา ข้ารู้สึกมาตลอดว่าเจ้าเป็นบุรุษที่มีความจริงใจมากที่สุดในโลก แม้เจ้าจะปลิ้นปล้อน เจ้าเล่ห์ ละโมบ บ้ากาม หน้าตาก็ไม่ได้นับว่าหล่อเหลา…”
“พี่สาว เหตุใดท่านถึงชอบพูดย้อนกลับมานะ? คราวนี้ก็ดีเลย ข้อดีของข้าถูกเปิดโปงออกมาจนหมดสิ้นแล้ว” หลินหว่านหรงหัวเราะร่วน
หนิงอวี่ซียิ่งรู้สึกอบอุ่นใจ แม้วันๆ โจรน้อยจะเอาแต่สรวลเสเฮฮาไม่จริงจัง ถึงกระนั้นกลับมีหนทางเปลี่ยนความหนักอึ้งให้กลายเป็นผ่อนคลายได้ แม้แต่การพูดจาไม่ดีสักสองสามประโยค เขาก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องดีได้ ใช้จิตใจเช่นนี้มาหลอกสตรีให้ดีใจ เขาคือดาวข่มของสตรีอย่างแท้จริง
นางเซียนลูบไล้ใบหน้าเขาอย่างแช่มช้า อ่อนโยนดั่งวารี “นิสัยไร้ยางอายของมนุษย์บนโลกเหล่านี้เมื่อมาอยู่บนตัวเจ้าแล้วกลับล้ำค่ามากที่สุด เพราะเจ้าเป็นคนที่จริงใจมากที่สุด ปลิ้นปล้อนบ้ากามแล้วจะทำไม? บนโลกนี้มีสักกี่คนที่ไม่ใช่เช่นนี้? ไม่ต้องปิดบังและเติมแต่ง อยากร้องไห้ก็ร้องไห้ อยากหัวเราะก็หัวเราะ ความรักกับความแค้นต่างร้อนแรงเช่นกัน ซื่อสัตย์จริงใจ บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่มีจิตใจเช่นเจ้า?”
ที่แท้ข้ากลับมีข้อดีมากขนาดนี้จริงด้วย? ดูท่าว่าก่อนหน้านี้ข้าดูถูกตัวเองแล้วจริงๆ วันหลังยังต้องแสดงข้อดีให้มากกว่านี้สักหน่อยถึงจะถูก หลินหว่านหรงหัวเราะฮ่าๆ สองครา ก้มหน้าลงด้วยความเอียงอาย
“พี่สาว ข้าไม่ได้ดีอย่างที่ท่านพูด…อันที่จริงยังขาดเรื่องการถ่อมตนไปอีกเรื่องหนึ่งนะ!”
“ถ่อมตนมากจริงๆ!” นางเซียนหนิงผงกศีรษะ มองค้อนเขาอย่างขบขันหลายครา
หลินหว่านหรงส่งเสียงอืมคราหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยความประหลาดใจขึ้นมาทันที “เอ๊ะ พี่สาวเทพเซียน อยู่ดีไม่ว่าดีท่านมาพูดเรื่องพวกนี้กับข้าทำไม หรือว่า…จะหลอกอะไร?!”
“หลอกอะไรกันเล่า?!” หนิงอวี่ซีตำหนิเบาๆ “ข้าต้องการเตือนสติเจ้า เรื่องของอวี้เจีย เจ้าห้ามเลอะเลือนเด็ดขาด”
“เลอะเลือน?!” หลินหว่านหรงเบิกตาโพลง พูดด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่ง “เปล่านะ ข้ารู้สึกว่าข้าฉลาดมากเลยนา!”
นางเซียนส่งเสียงอืมเบาๆ “ฉลาดอะไรกัน? ก็แค่หลอกลวงตัวเองเท่านั้นเอง เจ้านึกว่าเอาเองว่าวิธีการที่ใช้กับอวี้เจียคือตาต่อตาฟันต่อฟัน เลยรู้สึกภาคภูมิใจกับตัวเอง หารู้ไม่สังหารศัตรูสามพัน ตนเองสูญเสียแปดร้อยคนเมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่างเป็นเหมือนตัวหมาก อวี้เจียผู้นั้นยากจะไถ่ถอนตัวแล้ว หรือว่าเจ้าจะไม่แปดเปื้อนได้?”
นางเซียนหนิงสมกับที่มีดวงตาแหลมคมเสียจริง พูดเพียงประโยคเดียวก็ตรงเป้า จุดสำคัญหลินหว่านหรงหัวเราะฮิฮะแห้งๆ หลายครั้ง ฝืนพูดออกมาว่า “นี่ก็…ลองดูก็รู้แล้ว!”
หนิงอวี่ซีเหล่มองเขาหลายครั้ง “นี่ยังต้องลองอีกหรือ?! จนถึงวันนี้ข้าถึงเข้าใจความลำบากและความพากเพียรพยายามของศิษย์น้องอันแล้ว! หากเอ่ยถึงสายตาอันลึกซึ้งกว้างไกล ความฉลาดปราดเปรื่องในการมองคน ไม่มีผู้ใดเทียบนางได้”
หลินหว่านหรงรีบพูดขึ้นมาว่า “เหตุใดถึงเกี่ยวกับพี่สาวจิ้งจอกอีกแล้ว? นางเซียน ท่านพูดให้ชัดเจนสักหน่อยได้หรือไม่ ข้าฟังไม่ค่อยเข้าใจ”
นางเซียนส่ายหน้าเบาๆ “นี่มีอะไรให้เข้าใจยากกัน…ไม่ว่าอวี้เจียผู้นั้นจะขัดขืนเช่นไร ชะตาของนางก็ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แม้ตอนนี้เจ้าจะปล่อยนางไปก็ไม่มีอะไรให้กังวล อีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้นางก็ไม่อาจหนีรอดการบุปผาโรยราหยกแหลกสลายได้อยู่ดี หากให้นางไปปรากฏตัวที่งานแข่งขันชิงแพะก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่วิธีการต่างกันก็เท่านั้นเอง”
“วิธีการอะไร?” หลินหว่านหรงถามด้วยความตกใจ
“เจ้าอย่าเพิ่งถามก่อน” หนิงอวี่ซีถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “พูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าก็เพราะต้องการแก้ความกลัดกลุ้มใจให้เจ้า ชีวิตของอวี้เจียผู้นั้นไม่ได้อยู่ในเงื้อมมือนางมาตั้งนานแล้ว ยังจะมีจุดจบอะไรที่ดีไปกว่านี้อีก? เหตุใดเจ้าถึงระมัดระวังนาง ทั้งยังมัดแขนขานางอีกด้วย?”
นางเซียนหนิงพูดชัดเจนมากแล้ว ไม่ว่าจะมองจากด้านใด อวี้เจียล้วนตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ เมื่อดูจากการลุ่มหลงสาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นี้ของถัวสั่วจั่ว หากอวี้เจียปรากฏตัวอยู่ที่งานแข่งขันชิงแพะ ถูสั่วจั่วย่อมไปแน่นอน เมื่อมีอ๋องขวาเข้าร่วมงานแข่งขันชิงแพะ บวกกับสาวน้อยผู้งดงามมากที่สุดบนทุ่งหญ้า มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าข่านทูเจวี๋ยจะปรากฏตัวด้วย นี่ช่างเป็นโอกาสอันดีอันหาได้ยากยิ่งเสียจริง
หลินหว่านหรงครุ่นคิดเล็กน้อย บีบกำปั้นทันที “ได้ เช่นนั้นข้าจะไปเดินเที่ยวงานแข่งขันชิงแพะดู”
นางเซียนส่งเสียงอืมเบาๆ ยิ้มอย่างเงียบงัน ดวงหน้าอันงดงามกลับเผยความเหนื่อยล้าออกมาหลายส่วน