ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 590 - 2 ดาบทองและดาบเงิน
ขณะที่คนทั้งหลายกำลังสนทนากันอยู่นั้น ทางนั้นก็พลันบังเกิดเสียงโห่ร้องยินดีแว่วเข้ามา ชนเผ่านอกด่านไม่รู้ว่าหยุดการร้องรำทำเพลงไปตั้งแต่เมื่อใด ต่างถอยแหวกออกไปรอบทิศทาง เหลือพื้นที่ว่างอันกว้างใหญ่ยิ่งนักไว้บริเวณหนึ่ง
ถูสั่วจั่วซึ่งยืนอยู่กึ่งกลางมีท่าทีสงบนิ่ง ฝั่งตรงข้ามของมันกลับเป็นผู้กล้าชาวทูเจวี๋ยเอวหนาแขนกลมจำนวนยี่สิบคนได้ เหล่าสาวน้อยชนเผ่านอกด่านที่เริ่มรวมตัวกันยืนอยู่ข้างหลังถูสั่วจั่ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ชูแขนโห่ร้องยินดี สายตาเคารพเทิดทูนจ้องมองอ๋องขวาเขม็ง แต่ละดินแดนที่อยู่รอบนอกรวมถึงทหารม้าที่ถูสั่วจั่วพามาต่างล้อมเป็นวงกลมขนาดใหญ่
หลินหว่านหรงแม้ฟังไม่เข้าใจว่าพวกนางกำลังตะโกนว่าอะไร แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพวกนางก็รู้ว่ากำลังกู่ร้องตะโกนสร้างบารมีให้อ๋องขวาอยู่ ถูสั่วจั่วถอดเสื้อคลุมตัวยาวออกไปอย่างแช่มช้า ไม่เห็นชุดสั้นอันประณีต เรือนร่างแข็งแกร่งสมดุล ก่อให้เกิดเสียงขอร้องกรีดร้องของเหล่าสาวน้อยขึ้นมาทันที มันควักของอย่างหนึ่งออกมาจากอกแล้วมอบให้ผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลัง เปล่งประกายสีเงินระยิบระยับ หลินหว่านหรงสายตาดียิ่งนัก เพียงชั่วพริบตาที่มองเห็นของสิ่งนั้นอย่างชัดเจนก็อดร้องเอ๊ะด้วยความตกใจออกมาไม่ได้
“นั่นคืออะไร?!” เห็นชัดว่าเหล่าหูก็สังเกตเห็นความผิดปกติได้เช่นกัน ดังนั้นจึงรีบเลยถาม
เกาฉิวเบิกตาโตมองอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นจึงพูดด้วยความสงสัย “เหมือนจะเป็นดาบเล็กเล่มหนึ่ง สีเงิน อ๊ะ ข้า นึกออกแล้ว อวี้เจียก็มีแบบนี้เหมือนกันนี่นา”
สิ่งที่ถูสั่วจั่วกุมอยู่ในมือก็คือดาบโค้งเล่มหนึ่ง รูปแบบ ขนาด แม้กระทั่งความประณีตก็เหมือนดาบทองของอวี้เจียไม่ผิดเพี้ยน สิ่งที่ต่างกันเพียงสิ่งเดียวก็คือดาบของถูสั่วจั่วเล่มนี้ทำมาจากเงินบริสุทธิ์ งดงามด้อยกว่าดาบทองของอวี้เจียเล็กน้อย
ดาบทองกับดาบเงิน เดิมทีน่าจะคู่กัน หรือว่าถูสั่วจั่วกับอวี้เจียจะถูกหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก? มองดูดาบเงินที่อยู่ในมือของอ๋องขวา หลินหว่านหรงก็รู้สึกประหลาดใจจนยากจะสรรหาถ้อยคำมาสาธยายได้
ถูสั่วจั่วส่งดาบโค้งที่อยู่ในมือให้ผู้ติดตาม จากนั้นก็ตบแขนเสื้อและข้อมือเบาๆ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ซุกซ่อนอาวุธไว้ในตัว จากนั้นก็โบกมือ ผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลังก็ส่งที่ปิดหน้าสีดำจำนวนหลายสิบผืนให้ผู้กล้าทูเจวี๋ยที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ที่ปิดหน้านี้ทำมาจากผ้าสีดำสนิท เมื่อสวมลงบนศีรษะจะเผยให้เห็นเพียงดวงตาสองข้างเท่านั้น หูปู้กุยรีบพูดขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพ น้องเกา พวกท่านจงดูให้ดี นี่ก็คือหน้ากากที่ใช้ในการแข่งขันชิงแพะ”
นี่ก็ไม่ต่างจากที่ปิดหน้าตอนปล้นชิงทรัพย์สักเท่าไหร่ หลินหว่านหรงหัวเราะแล้วพูดว่า “นี่พวกมันกำลังจะทำอะไร? วันนี้ก็ไม่ใช่งานชิงแพะเสียหน่อย เหตุใดยังต้องปิดหน้ากันด้วย”
“เหมือนว่าอ๋องขวาต้องการจะแข่งกับดินแดนใดสักดินแดนหนึ่งขอรับ” หูปู้กุยมองอย่างถ้วนถี่คราหนึ่ง “การสวมที่ปิดหน้าก็เผื่อไม่ให้อ๋องขวาเห็นใบหน้าชัดเจน ไม่ต้องกังวลว่าจะมีการแก้แค้น เมื่อเป็นเช่นนี้ถึงจะทำให้คู่ต่อสู้โจมตีอย่างวางใจ ไม่ต่างจากหลักการในการชิงแพะเท่าใดนักขอรับ”
เพิ่งพูดจบเสียงแตรสัญญาณก็ถูกเป่าดังขึ้นมาจากทางนั้น เสียงตะโกนอย่างสุดกำลังของสาวน้อยกับเสียงโห่ร้องของเหล่าผู้กล้าดังไปทั่วทุ่งหญ้า ตอนนี้ฝูงชนมารวมตัวกันบดบังสายตามากขึ้นเรื่อยๆ พวกของหลินหว่านหรงรีบหาเนินเขาสูงแล้วมองลงไปข้างล่าง
กึ่งกลางสนามนั้นตอกเสาไม้อวบใหญ่ลงไปต้นหนึ่ง ถูสั่วจั่วเปลี่ยนเป็นม้าธรรมดาตัวหนึ่งแล้ว อยู่ห่างจากเสาไม้ต้นนั้นราวสี่สิบลี้ ฝั่งตรงข้ามของมันก็คือผู้กล้าที่ชนเผ่านอกด่านเลือกเฟ้นมาอย่างดี มีถึงยี่สิบคน อยู่ห่างจากเสาไม้เท่ากับถูสั่วจั่ว
หลินหว่านหรงมองเพียงแวบเดียวก็เข้าใจ นี่ชนเผ่านอกด่านกำลังเล่นชิงช้าเสาไม้กันอยู่ ถูสั่วจั่วคนเดียวท้าทายคนจำนวนยี่สิบคน ปล่อยม้าเหงื่อโลหิตไปไม่ขี่ อีกทั้งยังจงใจเปลี่ยนเป็นม้าทูเจวี๋ยธรรมดาตัวหนึ่งอีกด้วย นี่คือต้องการสร้างบารมี หากแบบนี้ก็ชนะได้ เช่นนั้นในงานแข่งขันชิงแพะ ยังจะมีผู้ใดกล้ามาแย่งชิงกับเขาอีก
“ปู๊น!” เสียงแตรสัญญาณกระจ่างชัดและเร่งเร้าเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทันที การชิงเสาเริ่มขึ้นแล้ว
“เพียะ!” ถูสั่วจั่วมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมากที่สุด หวดแส้ฟาดลงบนก้นม้า ม้าทูเจวี๋ยชักฝีเท้าวิ่งห้อตะบึง พุ่งปราดออกไปราวกับเกาทัณฑ์ ทหารม้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็ไม่ชักช้า ม้าเร็วจำนวนยี่สิบตัวพุ่งกราดเข้ามาราวกับสายลมที่พัดเมฆาจนกระจัดกระจาย ทั้งสองฝ่ายต่างควบเข้าหาเสาไม้ที่อยู่กึ่งกลางด้วยความรวดเร็วยิ่งนักพร้อมกัน
เสียงกรีดร้องของเหล่าสาวน้อยทูเจวี๋ยกรีดผ่านท้องนภายามราตรี ฝูงชนที่ชมการต่อสู้โห่ร้องไม่หยุด มีที่กู่ร้องตะโกนเพื่ออ๋องขวา ก็ย่อมมีที่ช่วยสร้างบารมีให้คู่ต่อสู้เป็นธรรมดา ทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้เสาไม้ต้นนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นดินฟุ้งกระจายปกคลุมใบหน้าอันหล่อเหลาของถูสั่วจั่ว เพียงช่วงเวลาเท่ากับประกายไฟ อ๋องขวาร่างอยู่บนม้า พลันใช้เท้าเหยียบที่พักเท้าทั้งสองข้าง เหยียดแขนทั้งสองข้างออกไปในบัดดล ขณะที่ม้าควบผ่านมันก็รวมกำลังของมือทั้งสองข้าง กอดเสาต้นนั้นแน่น
ทหารม้ายี่สิบคนของฝั่งตรงข้ามอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่จั้ง เมื่อเห็นอ๋องขวาเหยียดมือออกไป ม้าหลายสิบตัวก็กรูกันเข้ามาราวกับเสียสติ ถ้ามือเหล็กที่อยู่ข้างหน้าสุดจำนวนหลายข้างมาพร้อมเสียงลมหวีดหวิว กระแทกถูสั่วจั่วโดยไม่ไว้ไมตรี
“ฮ่า!” ถูสั่วจั่วตวาดเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำ เสาไม้ซึ่งถูกตอกลงไปในดินลึกกว่าหนึ่งฉื่อต้นนั้นกลับยกขึ้นมาตามเสียงตะโกน เศษดินร่วงหล่นดังซ่าๆ ถูกอ๋องขวาอุ้มพาดขวางอยู่ในมือ
กำลังวังชาอันรุนแรงมหาศาลเช่นนี้ทำให้ชนเผ่านอกด่านที่มุงดูอยู่ต่างตกตะลึงพรึงเพริด ผ่านไปครู่หนึ่งก็เกิดเสียงลั่นฟ้าสะเทือนดิน เสียงปรบมือดังขึ้นนานไม่หยุด
หลินหว่านหรงเห็นแล้วก็อ้าปากหุบไม่ลง เสาไม้ที่หุบใหญ่ขนาดนั้น ตอกลงไปในพื้นลึกตั้งหลายฉื่อ มันขี่อยู่บนหลังม้าก็ดึงขวับออกมาได้แล้ว ตายังไม่ทันกะพริบสักครั้งหนึ่ง ที่แท้เจ้านี่มันกินอะไรโตมากันแน่? หรือว่าจะเป็นมนุษย์วานรที่ลงมาจากไท่ซาน?
ขณะที่ถูสั่วจั่วถอนเสาไม้มาอยู่ในมือ ทหารม้าฝ่ายตรงข้ามก็เข้ามาดั่งสายลม ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน อ๋องขวาไม่ร้อนรนและไม่ตกใจ วางขวางเสาไม้ที่อยู่ในมือ แล้วกวาดฟาดไปยังศัตรู
“อ๊า!” ท่ามกลางเสียงร้องโอดโอย ผู้กล้าสามคนที่อยู่ตรงหน้าถูกฟาดตรงท้องและเอวจนร่วงหล่นจากม้า การหยุดชะงักครั้งนี้กลับสร้างเวลาให้กับพวกที่อยู่ข้างหลัง ทหารม้าสิบกว่าคนที่เหลืออยู่เข้ามาใกล้ถูสั่วจั่วภายในชั่วพริบตา คนจำนวนสองถึงสามคนกระโดดขึ้นออกจากหลังม้าพุ่งตรงมาที่มัน นี่คือวิธีการเล่นมวยปล้ำของชาวทูเจวี๋ย หากอ๋องขวาถูกพุ่งเข้าใส่จนล้มลงกับพื้น คนจำนวนสิบกว่าคนก็จะเข้ามากด ต่อให้มันมีเรี่ยวแรงมหาศาลอีกสักเพียงใดก็ไม่อาจใช้งานได้
เห็นได้ชัดว่าถูสั่วจั่วดูเจตนาของคู่ต่อสู้ออก มันหัวเราะฮิฮะคราหนึ่ง ท่อนไม้กรีดผ่านราวกับสายลม การโจมตีครั้งนี้พลังมหาศาลยิ่งนัก ผู้กล้าสามคนร่วงลงพื้น ไม่ได้ส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว
“ฮี้!” อาชาที่อยู่ใต้ร่างอ๋องขวาพลันยกขาหน้ากู่ร้องทันที ร่างยวบลงไป จากนั้นก็ค่อยๆ ล้มลง
หลินหว่านหรงมองเห็นอย่างชัดเจน ชนเผ่านอกด่านสามคนที่โผนำหน้าเข้าไปเพียงทำหน้าที่ปิดบังเท่านั้น ชั่วพริบตาที่พวกมันร่วงลงพื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ชนเผ่านอกด่านอีกสองคนก็กระโดดลงจากหลังม้า กำปั้นทั้งสองประดุจสายลม โจมตีไปที่มาของอ๋องขวาจากทั้งสองข้างพร้อมกัน ถูกดวงตาของม้าเข้าพอดี ม้าทูเจวี๋ยตัวนั้นร้องด้วยความเจ็บปวดครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ล้มอ่อนยวบลงไป
เสียบลูกตาก็ได้ด้วย? เป็นอย่างที่เหล่าหูว่าไว้จริง ใช้ได้ทุกวิธีการ หลินหว่านหรงเห็นแล้วก็ตื่นตระหนกยิ่งนัก รู้จักการแข่งขันชิงแพะนี้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
ต่อให้ถูสั่วจั่วจะห้าวหาญชาญชัยอีกสักเพียงใดก็มีแค่สองมือสองเท้า ไม่อาจจัดการได้รอบด้าน มันมีประสบการณ์รบมานับไม่ถ้วน ชั่วพริบตาที่ม้าซึ่งขี่อยู่ใต้ร่างล้มลง มันกลับกระเด้งร่างออกไปราวกับสายลม ขณะที่ร่อนลงพื้นก็ฟาดกระแทกไปที่ท้ายทอยของผู้กล้าที่แอบลอบโจมตีอย่างรุนแรง
แม้จะอยู่ห่างไกลยิ่งนัก แต่หลินหว่านหรงก็ยังได้ยินเสียงกระดูกแตกอย่างชัดเจน ผู้กล้าคนนั้นตัวอ่อนปวกเปียกล้มลงบนพื้น ดิ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย
“ช่างทรงพลังเสียง ช่างเ**้ยมโหดเสียจริง!” แม้แต่เกาฉิวก็ยังอดสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่ได้ เห็นอ๋องขวาทูเจวี๋ยลงมือก็รู้ว่ามันปีนป่ายขึ้นมาจากกองซากศพ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามันเกิดมาก็มีพละกำลังอันน่าอัศจรรย์ แค่ความโหดเ**้ยมที่ถึงแก่ความตายนั้นก็เพียงพอทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนแล้ว
“หูโหยว (เยี่ยม) หูโหยว (เยี่ยม)!” เหล่าบุรุษและสตรีชาวทูเจวี๋ยกลับไม่มีผู้ใดแยแสความเป็นความตายของคนร่วมชนชาติ สถานการณ์อันดุเดือดน่าตื่นเต้นเช่นนี้ทำให้พวกมันอารมณ์พลุ่งพล่านเหลือล้น เสียงกู่ร้องยินดีดังขึ้นสลับไปมา
เหล่าผู้กล้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นคล้ายจ่ายค่าตอบแทนออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่การบีบคั้นให้อ๋องขวาลงจากม้าได้ สิ่งนี้ก็ถือเป็นความสำเร็จของพวกมันแล้ว ด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น สิบกว่าคนที่เหลืออยู่จึงควบม้าห้อตะบึง พุ่งกระแทกมาเบื้องหน้าถูสั่วจั่ว
อ๋องขวาทูเจวี๋ยขยับวูบไหวอย่างรวดเร็ว หวดท่อนไม้ออกไปโดยปราศจากความลังเลแม้แต่น้อย กระแทกลงบนหลังม้าเข้าพอดี ทั้งม้าทั้งคนจึงร่างขยับวูบลงไปพร้อมกัน
เสียงดัง “เพียะ!” แผ่นหลังถูสั่วจั่วถูกแส้ฟาดอย่างหนักคราหนึ่ง มันไม่แม้แต่จะหันไปมอง หมุนกายแล้วอัดกำปั้นไปหมัดหนึ่ง ม้าที่อยู่ข้างหลังลอยกระเด็นออกไป
เคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้งก็จัดการคนไปแล้วหลายคน เหลือเพียงเจ็ดแปดคนเท่านั้น ความล้มเหลวอย่างรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่ากระตุ้นโทสะของเหล่าผู้กล้า พวกมันกระโดดลงจากม้า ล้อมถูสั่วจั่วอยู่กึ่งกลาง ขณะกำลังจะใช้วิธีการต่อสู้แบบมวยปล้ำเข้าไปกอดขาทั้งสองข้างของมันไว้ อ๋องขวากลับพุ่งปราดออกไปราวกับสายลม ไหล่ซ้ายขวาโจมตีต่อเนื่องอย่างรุนแรงสองครั้ง กระแทกคางของฝ่ายตรงข้ามพอดี และขณะเดียวกัน ท่อนไม้ที่อยู่ในมือก็ฟาดออกไปกระแทกขาของคนอีกผู้หนึ่ง
ด้วยพละกำลังของมัน ศัตรูไหนเลยจะได้เปรียบ การล้อมโจมตีถูกทำลายลงภายในชั่วพริบตา กระทั่งว่าถูสั่วจั่วไม่ต้องขี่ม้าเสียด้วยซ้ำ แค่เดินเยื้องย่างไปที่จุดหมายปลายทางเท่านั้น ชั่วพริบตาที่บรรลุถึงเป้าหมายมันก็ชูเสาไม้ที่ชิงมาอยู่ในมือถือขึ้นสูง ใบหน้ารอยยิ้มยิ่งผยองอย่างยิ่ง
“เฮ! เฮ!” เสียงโห่ร้องของชนเผ่านอกด่านนับหมื่นผสมด้วยเสียงกรีดร้องของสาวน้อยจำนวนนับไม่ถ้วน คลื่นเสียงอันร้อนแรงนั้นทำให้ท้องฟ้าของทุ่งหญ้าแห่งนี้เกือบจะถล่มลงมา
อ๋องขวาทูเจวี๋ยชื่อเสียงสมคำร่ำลือ ทุกการโจมตีของมันต่างเกิดจากการฝึกซ้อมระหว่างรบพุ่งมานานแรมปี ล้วนถึงจุดตาย
ขณะเดียวกับที่ชาวทูเจวี๋ยโห่ร้องแสดงความยินดีให้กับถูสั่วจั่วนั้น กลับหามีผู้ใดแยแสผู้กล้าที่นอนกับพื้นเหล่านั้นแม้แต่น้อย ชนเผ่านอกด่านยี่สิบคนที่อยู่บนพื้นซึ่งสามารถขยับพลิกตัวได้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเช่นกัน ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงร้องโอดโอยเสียด้วยซ้ำ
หลินหว่านหรงสีหน้าหนักอึ้ง หน้าดำราวกับถ่าน พูดไม่ออกอยู่นาน