ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 593 - 2 ข่านทูเจวี๋ย
ถูสั่วจั่วกับเหล่าราชนิกุลทูเจวี๋ยขี่ม้าอย่างแช่มช้ามายังปะรำพิธียาวท่ามกลางการห้อมล้อมของฝูงชน เมื่อเห็นอ๋องขวาผู้หล่อเหลาและหนุ่มแน่นมายืนอยู่ตรงหน้าตนเอง บรรดาสาวน้อยทูเจวี๋ยก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นออกมาทันที
ถูสั่วจั่วเดินเข้าไปในปะรำพิธียาว ดวงตาทั้งคู่ประดุจสายฟ้า สายตากวาดสำรวจฝูงชนไม่หยุด เหล่าสาวน้อยยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น ตะโกนกู่ร้องชื่อของมัน เบียดเข้าหาตัวปะรำพิธียาว เมื่อหาเป้าหมายไม่พบ ถูสั่วจั่วมีสีหน้าผิดหวังอยู่บ้าง มันยกมือให้ฝูงชนเล็กน้อย ใบหน้าผุดรอยยิ้มมั่นใจ
นักบวชทูเจวี๋ยผู้หนึ่งค่อยๆ เดินขึ้นเวที มือถือผ้าผืนหนึ่ง จากนั้นก็ท่องออกมาเสียงดัง หลินหว่านหรงแทบจะไม่รู้ภาษาทูเจวี๋ย โชคยังดีที่เหล่าหูมีความสามารถเพียงพอ ดังนั้นจึงฟังเขาพูดแปลออกมา
ตำแหน่งของนักบวชทูเจวี๋ยในราชสำนักชนเผ่านอกด่านเทียบได้กับรองเสนาบดีประจำกรมพิธีการ ขอเพียงเป็นพิธีใหญ่ อย่างเช่นการสักการบูชา การออกรบ ชาวทูเจวี๋ยก็จะมีพิธีบูชาฟ้า เรื่องนี้ไม่ต่างจากต้าหัว
นักบวชสูงวัยผู้นั้นพร่ำบ่นอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นการขอพรจากฟ้า สีหน้าของชนเผ่านอกด่านทุกคนต่างเคร่งขรึม ฟังคำสั่งสอนของมัน บนเวทีสูงเบื้องหน้าปะรำพิธียาวแขวนแพะอ้วนพีที่แช่น้ำเรียบร้อยแล้วอยู่เต็มไปหมด ส่องประกายน้ำมันสีทองแวววาวใต้แสงอาทิตย์
“เฮ!” หลินหว่านหรงกำลังสะลึมสะลือ เสียงโห่ร้องยินดีของชนเผ่านอกด่านก็ทำให้เขาตกใจจนได้สติ เมื่อเงยหน้ามองไป ที่แท้นักบวชคนนี้ก็ท่องจบแล้ว แต่ละดินแดนต่างทยอยกันแยกย้าย งานชิงแพะกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ถูสั่วจั่วเดินเยื้องย่างขึ้นเวทีสูงเวทีหนึ่ง กำลังโบกมือทักทายคนในเผ่า ดูท่าว่าคนที่ตัดเชือกเส้นแรกจะเป็นมันแล้ว
งานใหญ่ขนาดนี้ หากเกิดขึ้นที่ต้าหัว ฮ่องเต้ต้องเสด็จด้วยพระองค์เองแน่ แต่ข่านทูเจวี๋ยผู้นั้นกลับทำตัวมีเอกลักษณ์ ไม่มางานด้วยตัวเอง ช่างยากจะเข้าใจยิ่งนัก
“น้องหลิน รอบนี้พวกเราจะเข้าร่วมหรือไม่?!” เมื่อเห็นว่างานแข่งขันชิงแพะกำลังจะเกิดขึ้น เกาฉิวจึงถูไม้ถูมือด้วยความตื่นเต้น หากต้องการเข้าเค่อจือเอ่อร์ก็ต้องเอาชนะการชิงแพะอย่างน้อยสามรอบ เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดี
หลินหว่านหรงส่ายหน้า “รอก่อนเถอะ ดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากัน”
งานแข่งขันชิงแพะของชนเผ่านอกด่าน ขั้นแรกจะให้สามดินแดนชิงแพะพร้อมกัน ผู้ที่ไปถึงเป้าหมายก่อนจะเป็นผู้ชนะ แต่ละดินแดนเข้าร่วมได้ทุกเมื่อ แต่หากพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวก็จะหมดสิทธิ์ในการแข่งขันต่อไป
การแข่งขันชิงแพะกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เหล่าผู้กล้าจากสามดินแดนยืนเป็นรูปสามเส้า อยู่ห่างจากใจกลางทุ่งหญ้าเท่ากัน เหล่าสาวน้อยทูเจวี๋ยที่มาเลือกคู่ครองไม่กะพริบตา ด้วยกลัวว่าจะพลาดโอกาสในการเลือกผู้กล้าที่เก่งกาจมากที่สุดไป
“ปู๊น!” เสียงแตรสัญญาณสั้นกระชั้นดังขึ้น ถูสั่วจั่วสะบัดดาบเงินที่อยู่ในมือ ร่างแพะแช่น้ำร่วงลงพื้นหญ้าอย่างแรง
ฝูงชนระเบิดเสียงคำรามโห่ร้องสะเทือนเลื่อนลั่น ผู้กล้าปิดบังใบหน้าจากสามดินแดนเร่งม้าเร็วที่อยู่ใต้ร่างราวกับบ้าคลั่ง ห้อตะบึงไปยังบริเวณที่แพะร่วงหล่นโดยพร้อมเพรียง ทุ่งหญ้าฝุ่นคละคลุ้งขึ้นมาทันที
อยู่ห่างแค่ไม่กี่ร้อยจั้ง เพียงพริบตาก็ถึงแล้ว ชาวทูเจวี๋ยซึ่งบุกตะลุยอยู่เบื้องหน้าสุด โน้มตัวอยู่บนม้าเร็วซึ่งกำลังวิ่งห้อตะบึงอยู่ใต้ร่าง สองมือหยิบตัวแพะซึ่งชุ่มโชกด้วยโลหิตขึ้นมาแล้วชูขึ้นฟ้า คนในเผ่าของมันยังไม่ทันได้โห่ร้องยินดีก็ได้ยินเสียงทึบๆ ดังขึ้นมาคราหนึ่ง ศีรษะของผู้กล้าที่เก็บแพะได้คนนั้นรับดาบอย่างหนักหน่วงคราหนึ่งจนเอนข้างล้มกลิ้งลงไป โลหิตสดๆ สาดกระจาย
“เฮ!” ครั้นเห็นประกายโลหิต ชั่วพริบตานั้นชาวทูเจวี๋ยที่อยู่บนทุ่งหญ้าก็เริ่มบ้าคลั่งพวกมันขู่ร้องคำราม ทั้งกระโดดโลดเต้น สองตาสาดประกายตื่นเต้น ออกแรงแกว่งโบกแขนอย่างเต็มที่ ปากตะโกนถ้อยคำแปลกประหลาด
ตัวแพะที่มีโลหิตไหลรินตกอยู่ในเงื้อมมือของอีกดินแดนหนึ่งตั้งนานแล้ว พวกมันทิ้งคนไว้ห้าหกคน พยายามกวัดแกว่งดาบโค้งอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อขัดขวางการเคลื่อนที่ไล่ตามของศัตรู จากนั้นก็ห้อตะบึงไปยังเป้าหมาย
สองดินแดนที่ทิ้งท้ายสองตาแดงก่ำเสียสติทันที ทหารม้าราวยี่สิบคนบุกเข้าไปราวกับเสียสติ เพียงชั่วพริตาก็ฟันคู่ต่อสู้ตกลงจากหลังม้า เหยียบย่ำร่างพวกมันโดยปราศจากความลังเลแม้แต่น้อย พยายามไล่ตามอย่างเต็มที่
ประกายโลหิตสาดกระจายบนต้นหญ้าเขียวขจีไปตลอดทาง ถึงกระนั้นกลับไม่มีผู้ใดแยแสสิ่งเหล่านี้ เสียงกรีดร้องของสาวน้อย เสียงโห่ร้องยินดีของบุรุษ บรรยากาศในสนามร้อนแรงจนแทบจะคว่ำฟ้าลงมา
ท่ามกลางความบ้าคลั่งที่ไม่รู้จักจบสิ้นนี้ เหล่าผู้กล้าจากดินแดนทั้งสามโรมรันพันตูกัน ม้าไม่อาจรุกคืบ ไม่ว่าจะเป็นการฉุดกระชาก การสกัดขัดขวาง การเคลื่อนย้ายเบี่ยงเบน กลยุทธ์ซึ่งกำหนดเป็นมั่นเป็นเหมาะไว้ตั้งแต่แรกต่างไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง มีเพียงเหยียบย่ำร่างของคู่ต่อสู้เท่านั้น พวกมันถึงมุ่งหน้าต่อไปได้
แพะที่ชุ่มโชกโลหิตไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปกี่มือ เหล่าผู้กล้าระเบิดพลังทั่วทั้งสรรพางค์กาย ฟาดฟันเข่นฆ่ากันและกันด้วยดวงตาที่แดงก่ำราวกับโลหิต เลือดเนื้อสาดกระจายอย่างต่อเนื่อง มีคนพลิกล้มจากหลังม้าอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเสียงร้องโอดโอย ชาวทูเจวี๋ยซึ่งกำลังชมการสู้รบต่างตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจอย่างบ้าคลั่ง เสียงดังทรงพลังเปี่ยมล้น หาได้เหลือบแลสหายร่วมชนชาติของตนซึ่งล้มอยู่กับพื้นแม้แต่น้อย สาวน้อยชนเผ่านอกด่านต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น
ดาบทื่อก็คือดาบอยู่ดี ความโหดเ**้ยมในการลงมือของชนเผ่านอกด่านไม่ต่างจากการรบอย่างเอาเป็นเอาตายแม้แต่น้อย ขาหักเอวหัก ชาวทูเจวี๋ยที่หล่นจากม้าพวกนั้นเกรงว่าชาตินี้คงปีนขึ้นหลังม้าไม่ได้แล้ว ช่วงนี้เวลานี้ ต่อให้ศัตรูเป็นญาติตัวเอง ผู้กล้าเหล่านี้ก็จะลงมือเช่นกัน ความบ้าเลือดของชนเผ่านอกด่านฝึกฝนด้วยวิธีการเช่นนี้ หลินหว่านหรงส่ายหน้าไม่เอ่ยวาจา ส่วนเกาฉิวก็ลอบเบะปาก
ถูสั่วจั่วชินชากับงานชิงแพะอันโหดเ**้ยมอำมหิตเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว สีหน้าของเขาสงบนิ่ง กระทั่งว่าบางครั้งยังยิ้มเพื่อสร้างกำลังใจให้เหล่าผู้กล้าอีกด้วย
การแข่งรอบนี้สิ้นสุดลง ในผู้กล้าจำนวนสี่สิบกว่าคนที่ยังขี่ม้าได้เหลือแค่สามคนเท่านั้น พวกมันชูแพะที่แย่งมาได้เหนือศีรษะ พุ่งไปยังจุดหมายด้วยความตื่นเต้นยินดี ชนเผ่านอกด่านกรูเข้าหาพวกมัน สาวน้อยทูเจวี๋ยนางหนึ่งพุ่งไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ นำมาลัยดอกไม้ที่ถักด้วยตนเองแขวนลงบนคอของผู้กล้าคนหนึ่ง จากนั้นก็หมุนกายจากไปด้วยความเขินอาย
ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องยินดี นี่หมายความว่ามีสาวน้อยคนหนึ่งที่หาคนที่ต้องใจได้แล้ว แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นแม้แต่รูปโฉมของมันมาก่อนก็ตาม…ความเทิดทูนต่อฝีมือการต่อสู้ของชาวทูเจวี๋ยปรากฏให้เห็นเด่นชัด
เหล่าผู้กล้าที่ปิดหน้าปิดตาเหล่านั้นจากไปด้วยความยินดีปรีดา ตามกฎแล้วดินแดนของพวกมันมีคุณสมบัติในการสู้รอบต่อไป หากเอาชนะต่อเนื่องได้สามรอบ พวกมันก็จะเข้าเมืองเพื่อเข้าเฝ้าท่านข่านได้ สิ่งนี้ถือเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของทั่วทั้งดินแดนการปกครอง
เมื่อชมการต่อสู้ก็พอเข้าใจงานแช่งขันชิงแพะนี้บ้างแล้ว หลินหว่านหรงผงกศีรษะ “ฉวยโอกาสช่วงที่ถูสั่วจั่วยังไม่เข้าร่วมแข่งขัน พี่เกา รอบหน้า พวกเราบุก!”
ไม่ว่าการระวังป้องกันเมืองของชนเผ่านอกด่านจะเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นไรก็จำเป็นต้องมีคนปะปนเข้าไปในราชธานีทูเจวี๋ยเพื่อประสานงาน และการเอาชนะการแข่งขันชิงแพะสามรอบก็คือหนทางที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากเจอถูสั่วจั่ว ศึกนั้นก็ยากที่จะสู้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะลงมือก่อน
“ใช่แล้ว บุก บุก!” เหล่าเกาพูดหน้าตาระรื่น “ขอเพียงปิดบังใบหน้า พวกเราฟันชนเผ่านอกด่าน แต่ชนเผ่านอกด่านกลับยังต้องโห่ร้องยินดีให้พวกเราอีกด้วย โอกาสเช่นนี้พันปีก็ยากจะได้พบเจอสักครั้ง ทุกคนไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันล่ะ”
ทุกคนต่างหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง แม้ชาวต้าหัวจะมีรูปลักษณ์ภายนอกต่างจากชาวทูเจวี๋ย แต่ขอเพียงปกปิดใบหน้า ไม่ว่าใครก็แยกไม่ออกว่าฝ่ายตรงข้ามคือผู้ใด มิหนำซ้ำชนเผ่านอกด่านอยู่ที่แจ้ง พวกเขาอยู่ที่ลับ ศึกครั้งนี้ได้เปรียบครั้งยิ่งใหญ่
หูปู้กุยเดินส่ายอาดๆ ไปหยิบฉลากมา ฉลากที่ชนเผ่านอกด่านทำขึ้นมานั้นง่ายดายยิ่งนัก ก็แค่วาดภาพสัตว์ลงบนหนังแพะเท่านั้น เกาฉิวมองอยู่หลายครั้ง “เอ๊ะ นี่เหมือนจะเป็นเป็ดป่า เคยเห็นที่ทะเลสาบอูซูปู้นั่วเอ่อร์”
หูปู้กุยหัวเราะพลางผงกศีรษะ “น้องเกาความจำดีมาก เจ้าพูดไม่ผิด พวกเราถูกจัดให้เจอกับกลุ่มเป็ด”
“พรืด” หลินหว่านหรงซึ่งกำลังหยิบถุงน้ำออกมาดื่มอึกๆ พ่นน้ำออกมาทันที ตกใจจนแทบหายใจติดขัด กลุ่มไก่กลุ่มเป็ดอะไรกัน เครื่องหมายของชาวทูเจวี๋ยเหตุใดมันถึงไร้การศึกษาขนาดนี้
เหล่าหูกลับเข้าใจ ภาษาทูเจวี๋ยไม่มีหนึ่งสองสามสี่ แต่ใช้การจดบันทึกง่ายๆ โดยใช้รูปของสัตว์ อีกทั้งยังเหมาะกับนิสัยของพวกมันอีกด้วย
พี่น้องราวยี่สิบคนที่เข้าร่วมการแข่งขันชิงแพะต่างถูกเหล่าหูเลือกเฟ้นมาอย่างดี ไม่เพียงมีวรยุทธ์ดี อีกทั้งยังพูดภาษาทูเจวี๋ยได้หลายประโยค ดังนั้นหากพูดกันอย่างจริงจังแล้ว ภายในกลุ่มนี้ในปัจจุบัน ผู้ที่ภาษาทูเจวี๋ยย่ำแย่มากที่สุดคงไม่พ้นหลินหว่านหรงแล้ว แม้แต่เหล่าเกาก็ยังเก่งกว่าเขา
สามกลุ่มภายในกลุ่มเป็ด นอกจากธงเสือแล้วกลับเห็นเงาร่างของกลุ่มนกไป่หลิงด้วย ประโยคพูดเล่นในวันนั้น คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นจริงขึ้นมาได้ เหล่าเกาหัวเราะด้วยความสนุกสนานยิ่งนัก