ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 595 - 1 ใกล้แค่คืบ
“ท่านข่านใหญ่?!”
คำพูดนี้พอหลุดออกมา ไม่ใช่แค่เกาฉิวที่ตกใจจนอ้าปากกว้าง แม้แต่หลินหว่านหรงเองก็ตาโตอ้าปากค้างด้วยเช่นกัน อวี้เจียกลับเป็นข่านใหญ่ของชาวทูเจวี๋ย?! นี่คงไม่ได้ล้อเล่นกันหรอกนะ!
สถานะของอวี้เจีย เขาคิดถึงความเป็นไปได้จำนวนนับไม่ถ้วน องค์หญิง พระชายา กระทั่งว่าเป็นแม่มดสาวผู้ลี้ลับมากที่สุดบนทุ่งหญ้า ความเป็นไปได้ทั้งหลายต่างคิดมาหมดแล้ว มีแค่ไม่ได้นำนางไปข้องแวะกับเขอข่านเลย บนทุ่งหญ้าอาลาซ่านซึ่งเทิดทูนพลังในการสู้รบ อำนาจของบุรุษเป็นใหญ่ เยวี่ยหยาเอ๋อร์ผู้งดงามกลับเป็นท่านข่านของชาวทูเจวี๋ย นี่ช่างเหมือนพระเจ้ากำลังล้อเขาเล่นอย่างรุนแรงเลยจริงๆ
“เหล่าหู เจ้าไม่ได้ฟังผิดหรอกนะ?” เกาฉิวไม่เชื่อ ลากหูปู้กุยมาถามอีกครั้ง
หูปู้กุยส่ายหน้ายิ้มขื่น ชี้ไปข้างหน้าอย่างเร็วรี่ “ข้าฟังผิดได้หรือ? เจ้าลองดูการกราบกรานที่ชนเผ่านอกด่านพวกนั้นทำกับนางสิ หากไม่ใช่ข่านแล้วใครจะมีเกียรติเท่ากับนางเช่นนี้ได้อีก?”
เบื้องหน้าแน่นขนัดไปหมด ชาวทูเจวี๋ยทั้งหมดต่างหมอบยาวด้วยความเคารพนบนอบอยู่กับพื้น ปากท่องถ้อยคำบางอย่าง กำลังโขกศีรษะให้อวี้เจีย
“บางทีคืนนี้เจ้าอาจทำความดีโดยไม่เจตนา แต่ก็ต้องมีการตอบแทน อวี้เจียสาบานด้วยนามของเทพแห่งทุ่งหญ้า หลังจากทูเจวี๋ยเราบุกโจมตีเมืองต้าหัวของพวกเจ้าจะทำแค่ขับไล่ ไม่เห็นฆ่าสังหารเด็กและสตรีต้าหัวอีก นี่คือการตอบแทนที่มอบให้เจ้า”
ตอนบุกโจมตีดินแดนต๋าหลานจา คำพูดที่อวี้เจียกล่าวด้วยความหยิ่งผยองนี้ยังคงดังก้องอยู่ข้างใบหู
ดาบทองอันงดงาม ลายสักหมาป่าอันลี้ลับ คำใบ้ที่เหมือนจะเปิดเผยตามไม่เปิดเผยของลู่ตงจ้าน เรื่องราวในอดีตแต่ละฉากแต่ละตอนผุดขึ้นตรงหน้าเขาราวกับภาพยนตร์ เชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน สถานะของอวี้เจียเปิดเผยตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยคิดถึงด้านนี้มาก่อนเลย ความคิดที่ยึดติดมันช่างทำร้ายคนเสียจริง! หลินหว่านหรงถอนหายใจอย่างเงียบงัน
เหล่าเกาส่ายหน้าอย่างมีอคติ “ข้ายังไม่เชื่อ บนทุ่งหญ้ามีผู้กล้าตั้งมากมายขนาดนั้น ถูสั่วจั่ว ปาเต๋อหลู่ ลู่ตงจ้าน แต่ละคนก็หาใช่ตะเกียงที่ขาดน้ำมัน แล้วเหตุใดจึงให้อวี้เจียเป็นข่านได้?!”
เรื่องนี้เหล่าหูก็ไม่อาจเข้าใจได้เช่นกัน หลินหว่านหรงเงียบงันอยู่นาน จากนั้นก็หัวเราะพร้อมพูดออกมาทันที “พี่เกา อย่ามองแค่ตัวของอวี้เจียเท่านั้น ท่านอย่าลืมว่าข้างกายนางยังมีข่านน้อยอีก”
เกาฉิวเบ้ปาก “ข่านน้อย ข่านน้อยทำไม?! มันยังไม่ต้องฟังข่านใหญ่อีกหรือ! หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก กฎเกณฑ์ของชนเผ่านอกด่านช่างเลอะเทอะเสียจริง”
หลินหว่านหรงหัวเราะพร้อมส่ายหน้า “ข้ากลับมีความเห็นตรงข้ามกับท่าน พวกมันแต่งตั้งตำแหน่งข่านหนึ่งเล็กหนึ่งใหญ่นี้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเพื่อป้องกันความสับสนวุ่นวาย”
ป้องกันความสับสนวุ่นวาย? หูปู้กุยกับเกาฉิวต่างงุนงง
หลินหว่านหรงผงกศีรษะ “หากข้าเดาไม่ผิด ข่านน้อยอะไรที่ว่าคนนี้น่าจะเป็นทายาทของข่านผีเจียที่ตายไป ลูกชายสืบทอดกิจการจากบิดา สืบทอดตำแหน่งผู้ปกครอง แต่เดิมก็เป็นหลักแห่งฟ้าดินอยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่มีคุณสมบัติมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่เมื่อดูอายุของข่านน้อยก็เกิดปัญหาทันที เด็กอายุห้าหกขวบคนหนึ่ง ปกครองแคว้นอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรแคว้นหนึ่ง ทั้งยังต้องเปิดศึกกับต้าหัวอีก นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะอันยิ่งใหญ่เสียจริง”
มีปัญหาจริงด้วย หูปู้กุยอดผงกศีรษะไม่ได้ “ขุนนางสูงวัยเจ้าผู้ปกครองเด็กน้อย ในประวัติศาสตร์ของแต่ละราชวงศ์ต่างก็เคยมีมาก่อน สิ่งที่สำคัญมากที่สุดนั่นก็คือต้องเลือกขุนนางใหญ่มาช่วยปกครองบ้านเมืองสนับสนุนบุตรกำพร้าก่อนที่ตนเองจะจากไป ข่านผีเจียเป็นถึงเจ้าผู้ปกครองผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีกำลังรบอันกล้าแกร่งผู้หนึ่ง ก่อนมอบตำแหน่งไม่มีทางไม่พิจารณาถึงเรื่องพวกนี้แน่”
“ขุนนางใหญ่มาช่วยปกครองบ้านเมืองสนับสนุนบุตรกำพร้าอะไรที่ว่า อันที่จริงพวกเราหลับตาก็ยังนับออกมาได้” หลินหว่านหรงงอนิ้วนับ พูดออกมาทีละคน “ปาเต๋อหลู่ ถูสั่วจั่ว ลู่ตงจ้าน หนึ่งซ้ายหนึ่งขวาหนึ่งราชครู สองสามคนนี้มีอำนาจกล้าแกร่งมากที่สุดในทูเจวี๋ย ปราศจากพวกมัน ไม่ว่าผู้ใดมาช่วยปกครองก็ไม่ไหว”
สามคนนี้ยังครอบครองดินแดนเกินครึ่งค่อนแคว้นทูเจวี๋ยเสียอีก ข่านผีเจียไม่อาจไม่แยแสได้ เกาฉิวอยู่ในวังมานานหลายปี เข้าใจเรื่องพวกนี้มากที่สุด ดังนั้นจึงรีบผงกศีรษะแล้วพูดว่า “น้องหลินพูดไม่ผิด เจ้าสามคนนี้ต้องเป็นขุนนางใหญ่ที่ช่วยปกครองบ้านเมืองซึ่งมีอำนาจเท่าเทียมกัน ไม่มีใครด้อยกว่าใคร เช่นนี้แล้วถึงจะสร้างความสมดุลพลังอำนาจของแต่ละฝ่ายได้”
“แต่ก็มีปัญหาขึ้นมาอีก” หลินหว่านหรงแบมือพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “อ๋องซ้ายแข็งแกร่งมาก อ๋องขวาแข็งแกร่งมาก ราชครูแข็งแกร่งมาก ในนี้ผู้ที่อ่อนแอและกระจ้อยร่อยมากที่สุดดันเป็นข่านน้อยผู้เยาว์วัยไม่รู้ความ ปราศจากอำนาจที่แท้จริง ข่านผีเจียซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแห่งยุคจะทำร้ายลูกชายตนเองด้วยการป้อนเข้าสู่อ้อมกอดของเสือและหมาป่าได้อย่างไร?!”
เหล่าเกากล่าวด้วยความยินดี “ข้าเข้าใจแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีข่านใหญ่เช่นอวี้เจีย”
“ไม่ผิด” หลินหว่านหรงกล่าวเสียงทุ้มหนัก “ข่านใหญ่น่าจะเป็นสิ่งที่ใช้คานอำนาจของแต่ละฝ่ายให้สมดุล คนผู้นี้ไม่เพียงต้องมีชื่อเสียงและฐานะสูงส่งยิ่งในทูเจวี๋ย แต่ยิ่งต้องมีสติปัญญาและความกล้าอันยิ่งใหญ่อีกด้วย มิหนำซ้ำเพื่อรับประกันว่าจะปราศจากความผิดพลาด ข่านผีเจียต้องเลือกคนที่สนิทกับข่านน้อยมากที่สุด ทั้งยังต้องมอบอำนาจอันยิ่งใหญ่มากที่สุดให้นางอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้นางถึงจะมีความสามารถในการปกป้องข่านน้อย หลังจากข่านน้อยบรรลุนิติภาวะแล้ว นางต้องถอนตัว คืนอำนาจให้เจ้าของเดิม”
“ดังนั้นข่านผีเจียจึงเลือกเยวี่ยหยาเอ๋อร์ เยวี่ยหยาเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ฉลาดหลักแหลม แต่ยิ่งเพราะนางเป็นสตรี ไม่อาจส่งผลต่อทุกคน ทำให้ทุกคนรู้สึกวางใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ ภายใต้สมดุลอันแสนจะแยบคายเยี่ยงนี้ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีมากที่สุด เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ” หูปู้กุยปรบมือด้วยความตื่นเต้น “พูดเช่นนี้แล้วอวี้เจียกับข่านผีเจีย รวมถึงข่านน้อยจะต้องมีความสนิทสนมมากที่สุดเป็นแน่แท้”
“ดาบทอง หมาป่าทอง ข่านใหญ่” หลินหว่านหรงมองเหล่าหูด้วยความชมเชน ผงกศีรษะพร้อมถอนหายใจอย่างเงียบงัน “ที่จริงแล้วไม่ว่าจะด้านสติปัญญา รูปโฉม หรือว่าความกล้าหาญ เยวี่ยหยาเอ๋อร์เป็นสุดยอดในทูเจวี๋ย หากให้นางเป็นข่านทูเจวี๋ย เดิมทีก็ไม่มีอะไรน่าแปลก…สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือนางกลับเกิดมาเป็นสตรี ข้าเดาว่าก่อนข่านผีเจียจะสิ้นลง สิ่งที่รู้สึกเสียดายมากที่สุดก็คงเป็นเรื่องนี้นั่นเอง”
ปากน่าจะพูดว่าเสียดาย คำว่าในใจกลับรู้สึกยินดีอย่างน่าประหลาดอยู่บ้าง ถ้าหากเยวี่ยหยาเอ๋อร์เป็นบุรุษจริงๆ เช่นนั้นการรบระหว่างต้าหัวกับทูเจวี๋ยก็จะทวีความโหดร้ายทารุณและรุนแรงมากยิ่งขึ้น น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่มีคำว่าถ้าหาก!
“เป็นผู้สำเร็จราชการก็ไม่เลวนะ” เหล่าเกาหัวเราะร่วน “ด้วยฝีมือของเยวี่ยหยาเอ๋อร์แล้ว ให้เวลานางอีกสักหลายสิบปี ไม่ว่าจะเป็นอ๋องซ้ายอ๋องขวาหรือราชครูทูเจวี๋ยอะไรต่อมิอะไรก็ตาม จะมีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้นางได้? ถึงเวลาก็ถีบข่านน้อยออกไป ยกผู้สำเร็จราชการขึ้นเป็นใหญ่ ให้นางเป็นข่านสตรีแห่งยุคผู้หนึ่ง จะมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้?!”
เมื่อเอ่ยถึงฝีมือของอวี้เจีย หลินหว่านหรงก็ไม่เคยสงสัยมาก่อน เพียงแต่นางจะทำเช่นนั้นจริงหรือ?
ครั้นทอดสายตามองออกไปไกลๆ ใต้แสงโพล้เพล้ยามวสันต์ ใบหน้าสีทองของข่านใหญ่งดงามสูงสง่า เปล่งประกายเรืองรอง ถึงวิธีการที่นางใช้ออกมาทั้งหมด หลินหว่านหรงก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
“แย่แล้ว!” จู่ๆ หูปู้กุยก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ พูดด้วยใบหน้าเปี่ยมล้นด้วยความหงุดหงิด “จับตัวข่านใหญ่ทูเจวี๋ยได้…แต่พวกเรากลับปล่อยตัวนางไป แล้วนี่จะ…”
เกาฉิวถลึงตามองเขาคราหนึ่ง เหล่าหูถึงรู้สึกตัวว่าพลั้งปากไป แอบเหลือบมองแม่ทัพหลิน ร้องอ๊ะๆ สองครั้งแล้วไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
เมื่อนึกถึงเข็มเล่มนั้นของพี่สาวอัน ชีวิตของข่านใหญ่ทูเจวี๋ยเหลือแค่ไม่กี่เดือนแล้ว จะจับหรือจะปล่อยมีความแตกต่างอะไรกันเล่า? หลินหว่านหรงส่ายหน้า ไม่เอ่ยวาจา
เกาฉิวกลอกตา หัวเราะฮิฮะแล้วพูดว่า “อันที่จริงข้ามีวิธีปรับเปลี่ยนอาวุธให้กลายเป็นหยกงามและผ้าแพร ทำให้ทหารต้าหัวเราไม่ต้องหลั่งโลหิตก็จัดการชาวทูเจวี๋ยได้อยู่นะ”
ยังมีเรื่องดีๆ แบบนี้อยู่ด้วย? หูปู้กุยรีบถาม “วิธีการอะไร น้องเการีบว่ามา”
เกาฉิวตอบด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง “เยวี่ยหยาเอ๋อร์ไม่ใช่ข่านใหญ่ควบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการของทูเจวี๋ยหรอกหรือ? ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาความรู้สึกที่นางมีต่อน้องหลินคิดว่าทุกคนก็คงเห็นแล้วกระมัง ขอเพียงน้องหลินใช้แผนการเพียงเล็กน้อย กุมหัวใจนางมาได้ ด้วยสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดของเยวี่ยหยาเอ๋อร์จะจัดการอ๋องซ้ายขวาก็เหมือนกับการละเล่น เจ้าข่านน้อยนั่นก็ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว ถึงเวลาร่วมมือกับแผนการชั่วร้ายระหว่างน้องหลินกับเยวี่ยหยาเอ๋อร์ อ้อ ไม่ใช่สิ แผนการให้เยวี่ยหยาเอ๋อร์เป็นข่านเพียงหนึ่งเดียวของทูเจวี๋ย การปกครองทุ่งหญ้าให้เป็นหนึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก ต่อจากนั้นน่ะหรือ ฮิฮิ ให้น้องหลินมอบเด็กน้อยอ้วนพีให้ข่านใหญ่ผู้งดงามสักคนหนึ่ง เชื้อพันธุ์บริสุทธิ์จากต้าหัว…มารดามัน! ชาวทูเจวี๋ยชนเผ่านอกด่านอะไรต่อมิอะไรก็จะถูกปกครองโดยชาวต้าหัวจนหมดสิ้น แล้วพวกเราจะไม่ได้ปกครองทุ่งหญ้าแล้วหรอกหรือ?!”
เจ้าคนลามกเหล่าเกาคนนี้นี่ ช่างมีความสามารถมารดามันจริงๆ! นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ที่จะทำอย่างยิ่ง ขอเพียงแม่ทัพหลินผงกศีรษะ ความสำเร็จอย่างน้อยก็มีถึงหกเจ็ดส่วน! หูปู้กุยเบิกตากว้าง น้ำลายหยดแหมะ คิดแต่จะกอดเหล่าเกาสักหลายครั้ง
ลูกชายข้าเป็นข่านทูเจวี๋ย? คำพูดของเกาฉิวทำหลินหว่านหรงตกใจสะดุ้งโหยง แม้คำพูดนั้นจะลามก แต่เหตุผลกลับไม่ลามก เพียงแต่ออกจะต่ำชั้นไปสักหน่อย