ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 597 - 1 นางจะทำอะไร?
เสียงลมดังหวีดหวิวอยู่ข้างใบหู ทั่วทั้งสนามมีแต่เสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งราวกับเป็นฮิสทีเรีย (โรคฮิสทีเรียเป็นอาการของคนที่ชอบเรียกร้องความสนใจ จัดเป็นโรคบุคลิกภาพแปรปรวนอันเป็นผลมาจากความผิดปกติของสุขภาพจิตใจ ไม่ใช่โรคขาดผู้ชายไม่ได้อย่างที่เข้าใจกัน) ของชาวทูเจวี๋ย หลินหว่านหรงฟังไม่ออกเลยว่าพวกมันกำลังตะโกนว่าอะไร
อวี้เจียจับมือซ่าเอ่อร์มู่ สายตาไปอยู่ที่สามดินแดนซึ่งกำลังวิ่งห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งบนสนาม นิ้วมือเรียวยาวทำท่าทางไม่หยุด แย้มยิ้มพลางกล่าวอธิบายซ่าเอ่อร์มู่ ข่านน้อยผงกศีรษะอย่างต่อเนื่อง โบกมือให้กับเหล่าผู้กล้าที่กำลังวิ่งห้อตะบึงอยู่
มีข่านสองคนมาถึงสถานที่ตัวเอง บวกกับอวี้เจียผู้งดงามและมีสติปัญญามากที่สุดบนทุ่งหญ้านำดาบทองออกมาเพื่อแสดงว่าต้องการเลือกท่านข่านเพื่อให้นางพึ่งพาไปตลอดชีวิตจากเหล่าผู้กล้าที่ได้รับชัยชนะในครานี้เมื่ออยู่เบื้องหน้าการสนับสนุนและการล่อลวงอันแสนจะยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงเหล่าผู้กล้าซึ่งกำลังชิงแพะอยู่ในสนาม แม้แต่ชนเผ่านอกด่านที่ชมดูอยู่ด้านข้างก็ยังเลือดลมร้อนระอุพลุ่งพล่าน กำลังในการสู้รบเพิ่มพูนขึ้นนับไม่ถ้วนภายในชั่วพริบตา เพื่อโอกาสที่หาได้ยากในรอบพันปี ต่อให้ต้องสละชีวิต พวกมันก็ไม่มีวันเสียใจ
ความรู้สึกนี้ส่งต่อไปทั่วงานแข่งขันชิงแพะอย่างรวดเร็ว สองดินแดนซึ่งออกเดินทางพร้อมกับเยวี่ยซื่อจากอีกสองทิศทาง ม้าเร็วอันห้าวหาญชาญชัยกวาดม้วนฝุ่นดิน ชนเผ่านอกด่านวิ่งตัดผ่านทุ่งหญ้าราวกับเสียสติ ทำให้เศษใบไม้ใบหญ้าฟุ้งกระจายนับไม่ถ้วน
เมื่อมองจากที่ไกลๆ กีบเท้าม้าของพวกมันรวดเร็วจนเหมือนไม่ติดพื้นหญ้า เหล่าผู้กล้าทูเจวี๋ยหวดแส้ไม่หยุด นัยน์ตาสาดประกายตื่นเต้นและโหดเ**้ยม ใช้ฝีมือการขี่ม้าจนถึงขีดสุด พยายามห้อตะบึงไปยังสถานที่ที่ร่างแพะร่วงหล่น
หากบอกว่าการได้รับชัยชนะในศึกครั้งที่แล้วง่ายดาย ปราศจากแรงกดดัน คู่ต่อสู้คราวนี้กลับยิ่งเ**้ยมหาญดุดัน ยิ่งเอาเป็นเอาตายมากกว่า สถานการณ์รุนแรงกว่ามากนัก และเนื่องจากอ๋องขวาไม่ได้เข้าร่วม นี่จึงแทบเป็นโอกาสที่สวรรค์ประทานให้ ทุกคนต่างต้องการชนะ
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หลินหว่านหรงจงใจให้เหล่าเกากับหูปู้กุยอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน เพื่อใช้ประโยชน์จากการต่อสู้อันดุดันและความรวดเร็วของพวกเขาเข้าไปแล้วบุกทะลวงศัตรู หากเอ่ยถึงคุณสมบัติทางกายภาพและความสามารถในการต่อสู้เดี่ยวของแต่ละคน สองคนนี้เหนือกว่าชาวทูเจวี๋ยลิบลับ
การเปลี่ยนกระบวนเช่นนี้ส่งผลอย่างน่าประหลาดจริงด้วย นี่ไม่จำเป็นต้องให้พูดมากความแม้แต่น้อย เกาฉิวขี่ม้าบุกเดี่ยวอยู่ข้างหน้าสุด พุ่งพรวดเข้าไปในกระบวนของศัตรูราวกับเทพสังหาร แม้แต่แพะอยู่ที่ใดหรืออยู่ในมือใครเขาก็ยังเห็นไม่ชัด กวัดแกว่งดาบใหญ่ขึ้นแล้วฟันใส่หัวของศัตรูอย่างหนักหน่วง ท่าทางเช่นนั้นคล้ายไม่ได้มาชิงแพะ เหมือนมาชิงชีวิตมากกว่า
ชนเผ่านอกด่านจากสองดินแดนคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัด ดินแดนเยวี่ยซื่อที่อ่อนแอมากที่สุดบนทุ่งหญ้ากลับไม่ต้องการแม้แต่แพะ บุกเข้ามาก็จะแลกชีวิตกับพวกมัน
นักขี่ม้าซึ่งบุกอยู่เบื้องหน้าสุดของสองดินแดนแทบจะเป็นกำลังอันยอดเยี่ยมที่สุดของดินแดนตนแล้ว เดิมทีความสามารถในการต้านทานการโจมตีถือว่าแกร่งกล้า เพียงแต่โชคร้ายที่พวกมันบังเอิญเจอหัวหน้าราชองครักษ์ฝ่ายในของต้าหัวผู้ปิดบังหน้าตา ต่อให้ชนเผ่านอกด่านแกร่งกล้าอีกสักเพียงใด แต่หากเอ่ยถึงความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิด ยังมีใครที่เป็นคู่ต่อกรเกาฉิวได้?!
นักขี่ม้าหลายคนนั้นเพิ่งชิงร่างแพะอันเปียกชุ่มมาไว้อยู่ในมือ ยังไม่ทันได้กะพริบตาก็ถูกดาบทื่อของเกาฉิวกวาดวาดผ่านเข้ามา หัวแตกเป็นรอย
วิธีการต่อสู้อันโหดเ**้ยมดุดันซึ่งเห็นคู่ต่อสู้เป็นศัตรูคู่แค้น เข้ามาก็ฟัน ไม่สนใจเหตุผลเช่นนี้ เพียงชั่วพริบตาก็บุกทะลวงแนวหน้าชนเผ่านอกด่านจนปั่นป่วน
ฉวยโอกาสขณะที่เหล่าเกาบุกเดี่ยวเพียงลำพัง ศัตรูแตกกระจายไม่ทันระวังป้องกัน หูปู้กุยหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังพร้อมบุกเข้าหาราวกับสายลม ค้อมกายลงแล้วเก็บแพะชุ่มที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วพุ่งขวับไปข้างหน้า
ศึกเปิดนี้กลับถูก ‘เยวี่ยซื่อ’ ที่อ่อนแอที่สุดบนทุ่งหญ้าชิงโอกาสไปครอง ทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่อ
ชนเผ่านอกด่านสองดินแดนได้สติกลับมา พวกมันถูกโจมตีจนเพลิงโทสะลุกโชน ส่งเสียงขู่คำรามดังแฮ่ๆ อ้อมผ่านเหล่าเกาที่ไม่อาจตอแย ตบม้าแล้วไล่ตามหูปู้กุยที่อยู่ข้างหน้า
ฝีมือการขี่ม้าของชาวทูเจวี๋ยเป็นหนึ่งไม่มีสองในแผ่นดิน เหล่าหูแบกแพะ เมื่อเห็นว่าอยู่ใกล้ชนเผ่านอกด่านมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังจะไล่ตามทัน จู่ๆ เขาก็คำรามเสียงดังฮ่าคราหนึ่ง สองมือคว้าแพะที่เปียกชุ่ม จากนั้นก็เขวี้ยงทแยงมุมออกไป
ร่างแพะตัวนั้นราวกับมีดวงตางอกเงย มุ่งตรงไปยังคนในเผ่าเยวี่ยซื่อซึ่งกำลังรอคอยห่างออกไปสามจั้งข้างหน้า
การเขวี้ยงของหูปู้กุยครั้งนี้ใช้กำลังไม่เบา คนเผ่าเยวี่ยซื่อผู้นั้นยื่นแขนออกมา ยากเย็นนักกว่าจะโอบตัวแพะเปียกชุ่มนั้นได้ เสียงดัง ‘ปัง’ คราหนึ่ง น้ำแพะเหม็นคาวกระเด็นใส่หน้าทันที
มารดามัน! เป็นอาหารฉลากเขียว[1]จริงด้วย กลิ่นไม่เหมือนใคร! หลินหว่านหรงถุยๆ สองครั้ง พยายามถ่มพ่นน้ำลายออกมาจากปาก จากนั้นก็ควบม้าวิ่งห้อตะบึงออกไป
เมื่อแพะเปลี่ยนมือ ชาวทูเจวี๋ยจึงเลิกไล่ตามหูปู้กุยทันที หันมาโอบล้อมโจมตีหลินหว่านหรงอย่างสุดกำลัง วิ่งมาได้ระยะทางหนึ่ง พวกมันก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่มหน้าและหลัง ชนเผ่านอกด่านซึ่งมีฝีมือในการขี่ม้ายอดเยี่ยมที่สุดและมีม้าดีมากที่สุดบุกอยู่ด้านหน้าสุด
เสียงลมดังฟิ้วๆ ข้างใบหู เสียงฝีเท้าม้าดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ข้างหลัง ทักษะในการขี่ม้าอาชาและคนรวมเป็นหนึ่งของชนเผ่านอกด่านแทบจะถึงขั้นพิสดารแล้ว
เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้ทีละคืบทีละครึ่ง ลมหายใจร้อนระอุของอาชาทูเจวี๋ย สายตาชั่วร้ายของชนเผ่านอกด่านค่อยๆ เห็นอย่างชัดเจน
“ให้ข้า!” หูปู้กุยตะโกนเสียงดังด้วยภาษาทูเจวี๋ย เขาไล่ตามจนมาอยู่เคียงข้างหลินหว่านหรงแล้ว
สองมือยื่นออกไปพร้อมตะโกนเสียงดัง ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองห่างถึงสามจั้งได้
“ฮึบ!” เมื่อเห็นผู้ช่วยชีวิตมาแล้ว หลินหว่านหรงก็ยินดียิ่งนัก ตวาดเสียงดังลั่นขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยกตัวแพะแล้วเขวี้ยงออกไป
“ปัง!” แพะอ้วนพีที่มีน้ำหยาดหยดร่วงลงพื้นหญ้าอย่างหนัก ทำให้ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย ส่วนเหล่าทหารต้าหัวกลับนิ่งอึ้ง
ครั้งนี้แม่ทัพหลินอ่อนแอเกินไปแล้ว! ตัวแพะโยนออกไปแค่หนึ่งจั้งเท่านั้น อาจมีแค่นี้ก็ช่างมันเถอะ ทิศทางนั้นกลับยังตรงข้ามโดยสิ้นเชิงอีกด้วย ตรงเผงไม่เบี่ยงเบน ตกอยู่ใต้เท้าชนเผ่านอกด่านที่ไล่ตามมาพอดี ยังไม่ยอมเสียกว่าใช้ไม้บรรทัดมาวัดเสียอีก ชนเผ่านอกด่านฝ่ายตรงข้ามอดเพิ่มความเร็วม้าไม่ได้ ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ชาวทูเจวี๋ยที่ชมดูการศึกอยู่รอบด้านตะลึงงันก่อนเป็นอันดับแรก ต่อมาก็หัวเราะงอหายเสียงดังลั่น ดินแดนเล็กก็คือดินแดนเล็ก กำลังแขนกำลังข้อมือเช่นนี้ก็ยังกล้าเพ้อฝันเรียกขานตัวเองว่าผู้กล้าอีก? ยังกล้ามาชิงแพะอีก? ช่างทำให้คนในทุ่งหญ้าเสียหน้าเสียจริง!
อวี้เจียและข่านน้อยซึ่งชมการต่อสู้อยู่บนเวทีอดส่ายหน้าเบาๆ พร้อมหัวเราะด้วยความขบขันอย่างยิ่งไม่ได้
โชคร่วงหล่นลงจากฟ้า?! เมื่อเห็นแพะอ้วนพีตกอยู่ข้างขาม้า ชาวทูเจวี๋ยที่ไล่ตามมาไม่กล้าเชื่อว่านี่คือความจริง
โชคยังดีที่พวกมันต่างเป็นผู้กล้าชั้นยอดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี อึ้งเพียงเล็กน้อยก็ได้สติกลับมา ความเร็วของม้าไม่ลดทอนลง คว้าร่างแพะขึ้นมาจากข้างล่างเสียงดังขวับ เร่งแส้ควบมาอย่างเร็วรี่ วิ่งห้อตะบึงไปข้างหน้า เพิ่งจะไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าผิดปกติ เมื่อเงยหน้ามองระหว่างเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตกใจจนขวัญหายทันที
เจ้าคนในเผ่าเยวี่ยซื่อผู้อ่อนแอโยนแพะไม่ไหวผู้นั้นไม่รู้เอาม้าขวางตั้งแต่เมื่อใด ขวางอยู่หน้าเส้นทางที่จะมุ่งไปข้างหน้าพอดี สายตามันเปล่งประกายเย็นเยียบ มองก็ไม่มอง ดาบใหญ่ที่ลับคมออกในมือกรีดเป็นประกายเย็นเฉียบสายหนึ่งพร้อมเสียงลมเร็วรี่ ฟันลงมาที่หัว
แต่เดิมทั้งสองฝ่ายก็อยู่ห่างกันไม่กี่จั้งอยู่แล้ว ต่อให้ผู้กล้าชนเผ่านอกด่านจะมีฝีมือในการขี่ม้าดีอีกสักเพียงใด ระยะห่างเพียงแค่นี้จะรับกระบวนท่าไหวได้อย่างไร? เมื่อเห็นว่ากำลังจะปะทะกับสันดาบ ชาวทูเจวี๋ยซึ่งเป็นหัวหน้าผู้นั้นก็รีบหักหัวม้า อาชาทูเจวี๋ยแหงนหน้าส่งเสียงร้อง สองขาตะกุยขึ้นข้างหน้า หมุนวนอย่างรวดเร็ว ฝืนหลบสันดาบไปได้ ทว่าสภาพก็ย่ำแย่ทุลักทุเล
ชนเผ่านอกด่านที่นำหน้ามีอยู่ห้าหกคน อยู่ห่างกันแค่คืบ จากเหตุการณ์นี้พวกมันจึงลดความเร็วอย่างรวดเร็ว กระบวนสับสนอลหม่าน ไม่รู้เมื่อใดที่ชนเผ่าเยวี่ยซื่อซึ่งเดิมทีเหมือนเม็ดทรายที่กระจัดกระจายกลับควบม้าล้อมพวกมันจนหมด ราวกับฝูงหมาป่าที่หิวกระหาย ดวงตาสาดประกายดุร้ายอำมหิตอย่างยิ่ง
“ฟัน!” หลินหว่านหรงตวาดเสียงต่ำคราหนึ่ง ดาบใหญ่ที่อยู่ในมือเหล่าเกาเหล่าหูเปล่งประกายเย็นเยียบพร้อมกัน ฟันสองคนตกลงจากหลังม้า ชนเผ่าเยวี่ยซื่อล้อมเป็นวงกลม หากไม่ใช่ฟันหัวคนก็ฟันขาม้า รูปกระบวนฝึกฝนมาเป็นอย่างดียิ่งนัก พวกเขาดุร้ายโหดเ**้ยมราวกับหมาป่า แต่ละดาบไม่มีพลาด ประกายโลหิตสาดกระจายไปทั่ว เพียงชั่วพริบตาก็กลืนกินผู้กล้าแกร่งหลายคนจนหมดสิ้น
ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตรงหน้า ชนเผ่านอกด่านที่ตามหลังมาพุ่งเข้าหาราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน ถึงกระนั้นเรื่องราวกับไม่อาจชดเชยได้อีกแล้ว ผู้กล้าชั้นยอดหลายคนนั้นร่วงลงจากม้าตั้งแต่แรก ถูกฝูงดาบของดินแดนเยวี่ยซื่อกระหน่ำฟัน เท้าม้าเหยียบย่ำ ที่ยังหายใจได้มีไม่กี่คนแล้ว
——
[1] อาหารฉลากเขียว (Green foods) อาหารที่ได้รับใบรับรองอาหารสีเขียวในประเทศจีนจะต้องกระทำดังนี้ 1. ท้องที่ที่ใช้ในการเพาะปลูกต้องมีสภาพอากาศ ได้มาตรฐานสูงสุดของประเทศจีน 2. จะต้องควบคุมโลหะหนักตกค้างในดินและน้ำชลประทาน 3. น้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตต้องได้มาตรฐาน 4. การใช้สารเคมีต้องอยู่ในการควบคุมดูแล