ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 599 - 1 ชิงท่านข่าน
ขณะนี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุด ถูสั่วจั่วกวาดล้างทั้งทุ่งหญ้า กำลังมหาศาลไร้เทียมทาน เอาชนะดินแดนที่มีคุณสมบัติท้าประลองที่มีอยู่ทั้งหมด สมญานามผู้กล้าอันดับหนึ่งต้องเป็นของมันแน่นอน หากข่านใหญ่พึงพอใจมัน ก็จะปล่อยให้มันเอาดาบทองไป ถูสั่วจั่วได้รับทั้งชื่อเสียงและหญิงงาม นับแต่นี้จะเป็นท่านข่านผู้เป็นหนึ่งไม่มีสองบนทุ่งหญ้า
ช่วงเวลานี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ร่างอวี้เจีย ขอเพียงนางผงกศีรษะเบาๆ ประวัติศาสตร์ของทุ่งหญ้าและแคว้นข่านถูกเจวี๋ยก็จะถูกเขียนขึ้นใหม่ ตัวของถูสั่วจั่วจึงยิ่งตาไม่กะพริบ เนตรพยัคฆ์จ้องมองเงาร่างอันงดงามน่าลุ่มหลงนั้นเขม็ง
“ซ่าเอ่อร์มู่ เจ้ายินดีให้ถูสั่วจั่วเป็นสามีของข้าหรือไม่?!” เสียงสตรีดังไพเราะเสนาะหูกวาดผ่านทุ่งหญ้าราวสายลมยาววสันต์ เข้าสู่ใบหูของทุกคน อ่อนโยนและอบอุ่น อวี้เจียยิ้มแย้มพลางเอ่ยถามข่านน้อยที่อยู่ข้างกาย ดวงหน้าประดุจหยกของนางเปล่งประกายสีทองเจิดจรัสท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง แม้จะให้ข่านใหญ่กุมอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือทว่าอนาคตของทุ่งหญ้านั้นเป็นของซ่าเอ่อร์มู่ คำถามนี้เป็นการให้เกียรติเจ้าแห่งทุ่งหญ้าในอนาคต
ข่านน้อยคิดแล้วคิดอีก ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “อ๋องขวากำลังวังชาไร้ขีดจำกัด เป็นผู้กล้าผู้มีชื่อเสียงในทุ่งหญ้า ร้ายกาจมาก เพียงแต่ด้านการยิงธนูกลับยอดเยี่ยมสู้ท่านข่านใหญ่ไม่ได้!”
เสียงเด็กน้อยอันกระจ่างชัดของเขาแฝงความเยาว์วัยดังก้องไปทั่วทุ่งหญ้าในน้ำเสียงแฝงความเสียดายอยู่บางๆ ความหมายแฝงในประโยคสุดท้ายไม่ว่าใครก็ฟังออก
ชาวทูเจวี๋ยที่อยู่รอบด้านเริ่มกระซิบกระซาบ ข่านน้อยพูดไม่ผิด อ๋องขวาอาจสยบทุกดินแดนได้ แต่มันไม่ได้สยบอวี้เจีย อย่างน้อยด้านการยิงธนูก็ไม่อาจสยบนางได้
หากอวี้เจียสตรีทูเจวี๋ยเป็นสตรีสามัญชนก็ช่างมันเถอะ แต่นางดันเป็นข่านใหญ่ดาบทอง เป็นผู้ปกครองอันแสนจะโดดเด่นซึ่งทั้งงดงาม มีสติปัญญา และมีความสามารถในการรบ เป็นยอดคนที่ร้อยปีพันปีถึงจะมีสักคนหนึ่ง ผู้กล้าทั่วทั้งทุ่งหญ้าไม่มีผู้ใดไม่เคารพเทิดทูนนางรักใคร่นาง? อ๋องขวาดาบเงินนางจากใช้กำลังกล้าแกร่งเอาชนะนาง ไม่ว่าเรื่องสติปัญญาหรือว่าฝีมือการยิงธนูต่างอ่อนด้อยกว่าข่านใหญ่ยิ่งนัก ให้ข่านใหญ่ดาบทองผู้งามพิลาสนางนี้ตบแต่งกับบุรุษที่ไม่อาจสยบนางได้ นี่เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาการออก เป็นการหมิ่นเกียรติผู้กล้าทูเจวี๋ย
คำพูดของซ่าเอ่อร์มู่ไม่หนักไม่เบา แต่กลับทำให้สภาพจิตใจของชาวทูเจวี๋ยเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอย่างน่าอัศจรรย์ทันที เลือกผู้กล้าที่ร้ายกาจที่สุดในทูเจวี๋ยเพื่อไปเด็ดดอกนุ่นอันสูงศักดิ์ที่สุด เรื่องนี้เดิมทีควรเป็นเรื่องเล่าขานที่แพร่หลายไปนานนับพันปีบนทุ่งหญ้าเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องมาถึงตอนนี้ จู่ๆ ชาวทูเจวี๋ยกลับพบว่าถูสั่วจั่วผู้กล้าที่ร้ายกาจที่สุดอะไรที่ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าดอกนุ่นผู้สูงศักดิ์ของตนกลับมีแต่จุดบกพร่องทั่วร่าง ไม่อาจหยิบยกเอ่ยถึงเคียงคู่ได้เลย ความคิดเช่นนี้ทำให้ชาวทูเจวี๋ยหมดอารมณ์ทันที ความเคารพเทิดทูนที่มีต่ออ๋องขวาก็ลดลงไปมากเช่นกัน
คำพูดของข่านน้อยสะกิดบาดแผล ความหงุดหงิดโมโหของถูสั่วจั่วเอ่ยถึงก็รู้ได้ เพียงแต่ซ่าเอ่อร์มู่อายุยังน้อย ทั้งยังกล่าวความจริงอีก อ๋องขวาไม่อาจแสดงโทสะออกมาได้ มันแค่นเสียง ควบม้าไปข้างหน้าอย่างเร็วรี่ มุ่งไปยังดาบทองที่อยู่กลางสนาม ดูจากท่าทางนั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการบีบให้อวี้เจียแสดงท่าทีแล้ว
“น้องหลิน เจ้าคนแซ่ถูคนนี้ยังต่ำช้ามากกว่าเจ้าเสียอีกนะ!” เกาฉิวทนดูไม่ได้จริงๆ ส่งเสียงด่าทออย่างมีน้ำโห
ข้าต่ำช้ามากเลยหรือ?! แม่ทัพหลินกลอกตาค้อน หงุดหงิดและอายจนกลายเป็นโทสะ
ข่านน้อยหงุดหงิดบ้างแล้วเช่นกัน การกระทำเช่นนี้ของอ๋องขวาเป็นการดูแคลนอำนาจของเขาเป็นยิ่งนัก เขาจับมือพี่สาวแน่น หน้าตาบึ้งตึง พูดเสียงดังออกมาว่า “ถูสั่วจั่ว ลองดูรายชื่อเสียก่อน เจ้านึกว่าตนเองสยบดินแดนทั้งหมดได้แล้วหรือ?!”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา หลินหว่านหรงก็อึ้งเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ปรบมือฉาดอย่างเร็วรี่ สีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ “แย่แล้ว!”
หูปู้กุยถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านแม่ทัพ อะไรแย่หรือขอรับ?!”
หลินหว่านหรงส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด “พี่หู ในดินแดนที่ชนะสามครั้งต่อเนื่องขึ้นไปทั้งหมด เหลือแค่พวกเราที่ไม่ได้ประมือกับถูสั่วจั่วใช่หรือไม่?!”
“น่าจะใช่ขอรับ!” หูปู้กุยคิดแล้วคิดอีก สีหน้าค่อยๆ แปรเปลี่ยน กล่าวด้วยความตกใจอย่างยิ่ง “ท่านแม่ทัพ ท่านหมายความว่าพวกเราเอาชนะสามรอบ แต่กลับไม่ได้ไปแข่งกับถูสั่วจั่วเลยมีคนสังเกตเห็นพวกเราแล้ว?!”
ช่างรอบคอบร้อยละเลยเพียงหนึ่งเสียจริง! หลินหว่านหรงหงุดหงิดเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เอาชนะสามรอบก็เข้าเมืองได้ เดิมทีเป็นเรื่องปราศจากพิรุธ แต่พวกเขากลับไม่ได้ลงสนามอีก เรื่องนี้หากอยู่ในสายตาชาวทูเจวี๋ยทั่วไปบางทีอาจไม่เป็นอะไร แต่อวี้เจียผู้นั้นเป็นใครกัน? ในเมื่อนางแขวนดาบทอง ทั้งยังลอบระวังป้องกันถูสั่วจั่ว กับสถานการณ์ในสนามแห่งนี้ย่อมรู้ดีราวกับนิ้วมือตัวเอง เยวี่ยซื่อที่ไม่เคยพ่ายแพ้กลับไม่ออกรบอีก นี่จะไม่สร้างความสงสัยให้นางได้อย่างไร?
เดิมทีคิดจะเป็นดินแดนที่ไม่มีใครสนใจมากที่สุด ตอนนี้กลับดีเลย กลายเป็นจุดศูนย์รวมที่มีแต่คนสนใจ ความหงุดหงิดเสียใจของเขาไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว หากรู้ตั้งแต่แรกก็จะสู้อีกสักรอบ สู้ให้มันแพ้ไปเลย!
เกาฉิวรู้สึกถึงปัญหาที่แฝงอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้จัดการง่าย ก็บอกว่าพวกเราสู้อ๋องขวาไม่ได้ ยอมแพ้ทันทีก็ไม่จบเรื่องแล้วหรือ?!”
“ไม่ได้” หูปู้กุยส่ายหน้าอย่างแรง “น้องเกา เจ้าไม่เข้าใจนิสัยชาวทูเจวี๋ย ชนเผ่านอกด่านเคารพเทิดทูนความสามารถในการรบ ไม่ว่าดินแดนใหญ่เล็กแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ไม่มีดินแดนใดที่เลือกยอมแพ้โดยไม่รบ เจ้าก็เห็นแล้ว ถูสั่วจั่วมีกำลังกล้าแกร่งมากขนาดนั้น แต่ก็ยังมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนไปท้าประลองมัน นี่ก็คือทุ่งหญ้า หากพวกเราบุ่มบ่ามยอมแพ้ กลับจะสร้างความน่าสงสัย”
“เช่นนั้นไม่สู้ก็ไม่ได้แล้วสิ?” เกาฉิวพูดอย่างไม่แยแส “เช่นนั้นพวกเราก็จงใจแพ้ระหว่างสู้ตัดสินให้ถูสั่วจั่วก็ได้ ไม่เหมือนกันหรอกหรือ!”
จงใจแพ้ให้ถูสั่วจั่วอะไรกัน? ต่อให้ไม่จงใจ เจ้าสู้ผู้อื่นเขาได้หรือ?
เหล่าหูเหลือบมองเกาฉิวด้วยความขบขันหลายครั้ง กล่าวกับหลินหว่านหรงว่า “น้องเกากล่าวมีเหตุผล พวกเราไม่อาจยอมแพ้โดยตรง แต่ก็เลือกแพ้ระหว่างสู้ตัดสินได้”
“ต่อให้คิดจะแพ้ก็ไม่ใช่ข้าพูดแล้วจบเรื่อง ตอนนี้พวกเราเป็นหมากที่อยู่ในมือของผู้อื่นแล้ว” หลินหว่านหรงยิ้มขื่นพลางส่ายหน้า ความหงุดหงิดปรากฏให้เห็นโดยไม่ต้องเอ่ย
แพ้ก็ไม่ได้? นี่มันเหตุผลอะไรกัน แล้วพวกเราเป็นหมากของใคร? เหล่าเกากับเหล่าหูต่างสบตากันด้วยความสงสัยหลายครั้ง
หลินหว่านหรงถอนหายใจ “ข้าควรคิดได้ตั้งแต่แรก หลังจากดินแดนของปาเต๋อหลู่พ่ายแพ้ อวี้เจียต้องคิดหาวิธีการใหม่ เยวี่ยซื่อชนะต่อเนื่องสามรอบแต่ไม่ออกรบอีก ต้องหนีไม่พ้นสายตานางแน่นอน ผู้ชนะก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกถูสั่วจั่วโจมตีพ่ายแพ้ไปแล้ว ตอนนี้นางไม่ต้องเลือกแล้ว”
“แต่ต่อให้พวกเราลงสนามก็ไม่แน่ว่าจะชนะนะขอรับ!” หูปู้กุยพูดพึมพำ
“พวกเราไม่แน่ว่าจะชนะ แต่อวี้เจียต้องไม่แพ้แน่! พวกเราไม่รู้ว่านางจะใช้วิธีการใด สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ก็คือ ครั้งนี้พวกเรากลายเป็นแพะรับบาปตัวโตในการสู้ตัดสินกับอ๋องขวา!” หลินหว่านหรงส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิดเหลือล้น
เกาฉิวกลับปลงตก กล่าวระคนหัวเราะออกมา “สู้ตัดสินก็สู้ตัดสินสิ ฉวยโอกาสลากถูสั่วจั่วลงจากม้า ให้น้องหลินเจ้าไปเป็นสามีของเยวี่ยหยาเอ๋อร์ คลอดลูกชายสักสิบกว่าคน เลือกคนหนึ่งเป็นท่านข่าน พวกเราปกครองทุ่งหญ้าอย่างสงบสุข!”
หูปู้กุยหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง เห็นชัดว่าเห็นด้วยกับความคิดของเหล่าเกา เพียงแต่พวกเขากลับลืมไป ต่อให้ได้รับชัยชนะจริง งานเลี้ยงใหญ่คืนนี้ อวี้เจียจะเปิดผ้าคลุมหน้าของพวกเขาต่อหน้าทุกคน ถึงเวลาจะเกิดการเข่นฆ่ากันอย่างไรบ้างก็ไม่ยากที่จะจินตนาการ
หลินหว่านหรงยิ้มขื่น “เอาชนะก็เป็นเรื่องดีแล้วหรือ นั่นมันก็แค่ทำงานให้เยวี่ยหยาเอ๋อร์โดยไม่ได้อะไรกลับมาเสียมากกว่า ถึงตอนนั้นถูสั่วจั่วเกลียดพวกเราเข้ากระดูกดำ แต่อวี้เจียกลับป่าวประกาศออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ได้ว่านางไม่ถูกใจผู้กล้าที่ได้รับชัยชนะคนไหนเลย ทำให้ถูสั่วจั่วซาบซึ้งน้ำหูน้ำตาไหล เรื่องอ๋องขวาบีบให้แต่งงานย่อมเลิกแล้วกันไป”
แพ้ก็ไม่ได้ ชนะก็ยาก ศึกครั้งนี้ช่างสู้ยากจริงๆ หูปู้กุยกับเกาฉิวต่างมองหน้ากัน ไม่คิดว่าเดินผิดไปก้าวเดียวกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้
“ช่างเถอะ พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ถึงเวลาค่อยทำตามสถานการณ์ก็แล้วกัน ที่ควรสู้ก็สู้ ที่ควรหนีก็หนี สรุปแล้วไม่อาจเปิดเผยสถานะของพวกเราได้ และไม่อาจให้เหล่าพี่น้องเสียเปรียบด้วยเช่นกัน!” แม่ทัพหลินกัดฟันกรอด พูดตัดสินใจหนักแน่น