ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 618 - 1 พานพบ
ตลอดทั้งคืนไม่ว่าจะทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ใบหน้าอันงดงามของคุณหนูใหญ่ อวี้ซวง เฉี่ยวเฉี่ยว เซียนเอ๋อร์ ผุดขึ้นตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง ยังมีคุณหนูเซียวที่ใกล้จะคลอดอีก นางแอ่นท้องโย้แย้มยิ้มให้ตนเอง รัศมีของมารดาอันอ่อนโยนอบอุ่นจิตใจคนราวแสงตะวันยามวสันต์
ผ่านไปสักพักกลับนึกถึงอวี้เจียซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามห่างออกไปเป็นร้อยลี้ผู้นั้นอีก ดวงหน้างามพิลาสดั่งบุปผา สีขาวสะอาดบริเวณจอนผมนั้น ราวกับสลักเสลามาจากหยกและน้ำแข็ง ทำให้คนยากลืนเลือนไปตลอดกาล
พลิกตัวกลับไปกลับมา ยากจะข่มตาหลับได้จริงๆ ไม่สู้ตื่นแต่เช้ามืดไปเลยจะดีกว่า ภายในค่ายทหารเงียบสงัด ทหารลาดตระเวนเยื้องย่างด้วยฝีเท้าอันแผ่วเบาและแช่มช้า เมื่อเห็นเขาเดินเยื้องย่างออกมาก็รีบค้อมกายแสดงความคารวะ นัยน์ตาเปี่ยมล้นด้วยความเคารพเทิดทูน
ทิศบูรพาปรากฏแสงเงินแรกอรุณรำไร เป็นเวลายามห้าแล้ว ร่องรอยเผาไหม้จากศึกใหญ่ที่อู่หยวนซึ่งอยู่ไม่ไกลนักยังคงหลงเหลืออยู่ ซากศพและกระดูกของชนเผ่านอกด่านกับดวงวิญญาณผู้กล้าชาวต้าหัวจำนวนนับไม่ถ้วนถูกทรายกลบจนหมดสิ้น มีเพียงดาบใหญ่ที่ปักอยู่บนดินเท่านั้นที่ยังพอให้เห็นความรุนแรงของการศึกในวันวานได้รางๆ
ทัพใหญ่สองแสนตั้งค่ายอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ เผชิญหน้าไกลๆ กับชนเผ่านอกด่านที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ ทุกคนต่างกำลังรอคอย รอคอยผลการเจรจาของทั้งสองฝ่าย จะรบหรือสงบศึก สุดท้ายก็ต้องรู้ผลที่แน่ชัด
ชะเง้อมองไปทิศอุดร ท่ามกลางทรายสีเงินอันกว้างใหญ่ไพศาล ทุ่งหญ้าและทะเลทรายประสาน เส้นแบ่งเขตพร่าเลือนไปตั้งแต่แรก มองไม่เห็นกระโจมของชนเผ่านอกด่าน ยิ่งไม่รู้ว่าอวี้เจียอยู่ที่ใด และนางกำลังทำอะไรอยู่
“เหตุใดถึงไม่นอนให้มากสักหน่อย?!” เสียงห่วงใยของคุณหนูสวีดังมาจากข้างหลัง กลิ่นหอมจางๆ ลอยเข้ามา นางยืนข้างกายหลินหว่านหรงอย่างเงียบงัน
“นอนไม่หลับน่ะสิ!” เขาถอนหายใจ เบือนหน้ามาเหลือบมองคราหนึ่ง ถึงกระนั้นกลับต้องนิ่งงันไป คุณหนูสวีสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูทั้งร่าง ในความสูงยาวอรชนอ้อนแอ้นแฝงด้วยโครงร่างอันงดงาม ขับเน้นส่วนโค้งส่วนเว้าและรูปร่างอันอวบอิ่มของนางจนหมดสิ้น เรือนผมงามดั่งเมฆาเกล้าขึ้นสูง เสียบปิ่นหยกยาว ให้ความรู้สึกแปกใหม่และสูงสง่า นัยน์ตางดงามเปล่งประกายวับวาว ขนตาเรียวยาวกระเพื่อมไหวเล็กน้อย ใบหูขาวกระจ่างใสงดงามดั่งหยก ดวงหน้าผุดผ่องงดงามยวนเย้าสดใสดั่งผัดแป้งเติมชาด
กุนซือหญิงที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างพิถีพพิถัน ปลดชุดเกราะเปลี่ยนเป็นสวมชุดกระโปรง สมกับคำที่ว่ามีความงามควบคู่สติปัญญาเสียจริง ความอ่อนโยนและแข็งกร้าวอยู่ร่วมกัน ช่างให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ เขามองจนต้องอ้าปากกว้าง พูดไม่ออกอยู่นาน
“มองอะไร? ตาทึ่ม!”
“ชุดนี้สวมให้ข้าดูเป็นพิเศษหรือ?!” เขาเบิกตาโพลงจ้องตาไม่กะพริบ สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ผงกศีรษะด้วยความยินดีอย่างต่อเนื่อง “งดงาม งดงามจริงๆ! คุณหนูสวี ข้าชอบเจ้าสวมชุดกระโปรงมากที่สุด รูปร่างดีจะแย่แล้ว! ชุดเกราะเย็นเฉียบพวกนั้นไม่ควรสวมอยู่บนตัวเจ้า”
“ไม่ได้สวมเพื่อเจ้าเสียหน่อย!” คุณหนูสวีเบือนหน้าไป ใบหน้าร้อนลวก เห็นชัดว่าพูดปากไม่ตรงกับใจอยู่บ้าง
เลือกสวมชุดสตรีที่ไม่ได้เห็นมานาน แต่งตัวเสียใหม่ในวันที่อวี้เจียเจรจากับหลินซาน เห็นชัดว่าต้องการประชันสูงต่ำกับข่านดาบทองคนนั้น ต่อให้คุณหนูสวีจะแข็งกร้าวอีกสักเพียงใดแต่ก็เป็นผู้หญิง ความคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้หญิงควรมีย่อมไม่ขาดนางไปคนหนึ่งแน่
หลินหว่านหรงรู้อยู่เต็มอก เขาหัวเราะร่าพร้อมจับมือนาง “ไม่ได้สวมให้ข้าดู เช่นนั้นสวมให้ผู้อื่นดูหรือ น่าเสียดาย หญิงงามอันดับต้นๆ ของแผ่นดินกลับไม่ไว้หน้าข้า!”
คุณหนูสวีส่งเสียงหึคราหนึ่ง เบือนหน้าไปด้วยโทสะบางๆ มือน้อยขยับบิด เพียงแต่มีคนจับไว้แน่นเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะทำเช่นไรนางก็ไม่อาจดิ้นหลุดออกไปได้
ขณะที่กำลังแง่งอนกันอย่างมีความสุขนั้น ที่ด้านหลังกลับมีเสียงหัวเราะกระจ่างชัดดังแว่วเข้ามาเสียงหนึ่ง “หลินซาน จื่อเอ๋อร์ พวกเจ้าอยู่ตรงนี้นี่เองนะ! อย่างนั้นก็ดีเลย!”
สวีจื่อฉิงร้องอ๊ะ รีบชักมือกลับ ใบหูร้อน ใบหน้าดั่งแต้มชาด ค้อมเอวลงพร้อมเอ่ยเบาๆ “ท่านจอมทัพ ท่านหาพวกเราหรือเจ้าคะ?!”
จอมทัพหัวเราะพร้อมผงกศีรษะ เดินไม่เร็วไม่ช้าเข้ามาหา พวกเหล่าหูตู้ซิวหยวนติดตามอยู่ข้างหลังเขา ยักคิ้วหลิ่วตาให้หลินหว่านหรง สีหน้าคลุมเครืออย่างบอกไม่ถูก คล้ายกำลังแอบหัวเราะเยาะที่เขาแอบลักกินแล้วถูกจับได้
หลี่ไท่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขา มองสำรวจหลินหว่านหรงอย่างเงียบๆ สีหน้าจริงจังอย่างหาที่เปรียบมิได้ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดถึงถอนหายใจหนักๆ ออกมา “รบกับชาวทูเจวี๋ยมานานหลายปีขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ขอเจรจากับพวกเรา! จะหลั่งโลหิตท่วมแผ่นดินหรือว่าเก็บอาวุธเข้าคลัง หลินซาน ทุกอย่างต้องดูที่เจ้าแล้วล่ะ”
ความหวังของหลี่ไท่ค่อนข้างสูงมาก หลินหว่านหรงพลันรู้สึกว่าภาระที่อยู่บนร่างหนักอึ้งขึ้นอีกหลายส่วน บางทีจิตใจของอวี้เจียก็คงเป็นเช่นนี้ด้วยกระมัง!
เขายิ้มขื่นพร้อมผงกศีรษะ “ท่านจอมทัพวางใจเถอะขอรับ จะเจรจาได้ดีสักเพียงใดข้าไม่กล้าบอก เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ข้ามั่นใจว่าทำได้ รับรองว่าต้าหัวเราไม่มีวันเสียเปรียบขอรับ!”
พ่อค้าหน้าเลือดเช่นหลินซานพูดว่าไม่มีวันเสียเปรียบ นั่นแสดงว่าต้องได้กำไรแน่นอน คนใต้หล้าต่างรู้หลักการนี้ หลี่ไท่หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังอย่างมีความสุข “ได้ยินว่าเจ้าทำการค้ายังไม่เคยขาดทุนมาก่อน มีคำพูดนี้ของเจ้า ข้าก็วางใจอย่างยิ่งแล้ว!”
เจ้าน่ะวางใจ แต่ข้ากลับกังวลใจ! เขาถอนหายใจดังเฮ้อ ส่ายหน้าอย่างเงียบงัน
เมื่อเห็นสวีจื่อฉิงที่ใบหน้าดั่งแต้มชาด กระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุข หลี่ไท่ก็พลันยิ้มแย้ม “จื่อเอ๋อร์ เจ้ามานี่!”
คุณหนูสวีใจเต้นรัวเสียงดังตึกตัก รีบส่งเสียงอืมเบาๆ พร้อมเยื้องย่างเข้าไปหาอย่างแช่มช้า จอมทัพจับมือนางพลางถอนหายใจยาว “สตรีผู้อ่อนแอคนหนึ่งต้องใช้พลังกายและมันสมองอย่างเต็มที่เพื่อสู้รบอยู่บนสนามรบถือว่าไม่ง่ายดายเลย แต่ตระกูลหลี่ของข้าก็ยังทำให้เจ้าต้องเสียช่วงเวลาวัยสาวสะพรั่งจนเจ้าต้องอับแสง ข้ารู้สึกละอายใจเสียจริง”
“ท่านจอมทัพ!” สวีจื่อฉิงร้องด้วยความตกใจ ร่ำไห้พลางล้มลงกราบกราน
หลี่ไท่ส่ายศีรษะ ตวาดเสียงทุ้มหนัก “หลินซาน เจ้ามานี่!”
“อ้อ!” หลินหว่านหรงรีบรับคำ กระโดดก้าวย่างอย่างเร็วรี่ไปเบื้องหน้าเขา
“ก่อนออกจากเมืองหลวงข้าปรึกษากับสวีเว่ยแล้วว่าต้องทำให้ความปรารถนาของจื่อเอ๋อร์เป็นจริง หาสามีที่ถูกใจนางให้จงได้”
หลี่ไท่มองเขาคราหนึ่ง ส่งมือคุณหนูสวีไปที่มือเขาช้าๆ “ตอนนี้ข้ามอบจื่อเอ๋อร์ให้เจ้าแล้ว! นางอายุมากกว่าเจ้าสองปี เจ้าต้องดูแลนางให้ดีนะ!”
หลินหว่านหรงนิ่งอึ้ง ท่านจอมทัพ ไอ้เหตุผลนี้ของท่านมันดูเหมือนจะย้อนศรนะ?!
หลี่ไท่ถลึงตาโต “อึ้งอะไร? เจ้ากล้าไม่ยอมหรือ!”
“มิได้ๆ” เขารีบกุมมือกุนซือหญิงแน่น หัวเราะร่าแล้วเอ่ยว่า “ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะไปวางของหมั้นหมายที่บ้านคุณหนูสวีเมื่อใด ดังนั้นถึงได้ใจลอยไปชั่วขณะขอรับ ขออภัย ขออภัย”
สวีจื่อฉิงเอียงอายและยินดีระคนกัน เกาฝ่ามือเขาเบาๆ คราหนึ่ง ความรู้สึกนุ่มนิ่มชาวูบวาบนั้นกวักวิญญาณเขาไปจนหมดสิ้น
“ยากนักที่เจ้าจะมีความคิดเหล่านี้” หลี่ไท่หัวเราะพร้อมผงกศีรษะ “นี่ก็ต้องดูความจริงใจของเจ้าแล้ว! เจ้าจงวางใจได้ องค์หญิงชูอวิ๋นทางนั้นให้ข้ากับสวีเว่ยไปบอกกล่าว องค์หญิงน่าจะไว้หน้าตาเฒ่าอย่างพวกเราสองคนบ้างกระมัง!”
ชิงเสวียนไม่ได้ไม่เห็นชอบกับคุณสมบัติของสวีจื่อฉิง เพียงแต่เป็นห่วงว่านิสัยของนางออกจะหยิ่งผยองเกินไป วันหลังหากทุกคนเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมาจะวุ่นวายจนไม่อาจลงรอยกัน ทำให้ครอบครัวไม่สมานฉันท์!
สุดท้ายความกังวลที่มีอยู่ภายในใจก็ยากจะหลีกเลี่ยง มองกุนซือหญิงซึ่งกำลังเขินอายและยินดีแวบหนึ่ง จากนั้นเขาจึงอดเอ่ยปากอย่างระแวดระวังไม่ได้ “คุณหนูสวี หากเจ้าแต่งเข้าบ้านไปแล้วจะทะเลาะกับชิงเสวียนของข้าหรือไม่?!”
นี่พูดอะไรกัน?! สวีจื่อฉิงข่วนฝ่ามือเขาด้วยความหงุดหงิดโมโห แค่นเสียงแล้วเอ่ยว่า “ข้าเป็นหญิงปากร้ายอย่างนั้นหรือ? หากนางไม่ทำร้ายข้า ข้าจะทำร้ายนางได้หรือ วันหลังข้าไม่ทำร้ายนางก็จะทำร้ายเจ้าโดยเฉพาะ ใครใช้ให้เจ้าไปทำตัวเจ้าชู้สำรวยอยู่ข้างนอก!!”
พรืด! ทุกคนต่างเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่น ที่แท้ด้วยความหงุดหงิดโมโห คุณหนูสวีกลับพูดเสียงดังไปสักหน่อย คำพูดตำหนิติเตียนภายในครอบครัวเช่นนี้กลับเข้าหูทุกคนครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว แล้วนั่นยังจะไม่หัวร่องอหายอีกหรือ? แม้แต่หลี่ไท่เองก็ยังอดหัวเราะพรวดออกมาไม่ได้
สวีจื่อฉิงส่งเสียงร้องคราหนึ่งพร้อมใช้สองมือปิดบังใบหน้า ไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นมาอีก หลินหว่านหรงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร หัวเราะฮ่าๆ แห้งๆ สองครั้งพร้อมประสานมือคารวะไปรอบทิศ “น่าขัน น่าขันแล้ว!”
เมื่อเห็นแสงอรุณโผล่พ้นขอบฟ้าอยู่รำไร ดวงตะวันใกล้ปรากฏ สุดท้ายก็เป็นหลี่ไท่ที่ช่วยแก้สถานการณ์ให้พวกเขาสองคน “เอาล่ะ สายแล้ว เจ้ากับจื่อเอ๋อร์ก็รีบออกเดินทางให้เร็วสักหน่อยเถอะ!”
เหล่านายทหารเตรียมม้าเรียบร้อยตั้งแต่แรก หลินหว่านหรงกับสวีจื่อฉิงพลิกตัวขึ้นม้า ประสานมือคารวะให้แม่ทัพชรา จากนั้นจึงหมุนกายแล้วจากไป พวกของหูปู้กุยตู้ซิวหยวนควบม้าตามอยู่ข้างหลังพวกเขา