ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 622 - 1 เพลิงรัก
มีนางกำนัลทูเจวี๋ยนางหนึ่งออกมาจากรถม้า หน้าตาหมดจดเยาว์วัย ใช้มือแตะหน้าอกพร้อมแสดงการคารวะต่อเขาด้วยความเคารพ “คารวะใต้เท้าใบ้!”
ใต้เท้าใบ้? หลินหว่านหรงนิ่งอึ้ง ชื่อนี้กลับมีเอกลักษณ์มาก!
ภาษาต้าหัวของสาวน้อยทูเจวี๋ยผู้นั้นแข็งกระด้างอยู่บ้าง เมื่อเขามองอย่างถ้วนถี่หลายคราก็ต้องกล่าวด้วยความตกใจออกมาทันที “เอ๊ะ เป็นเจ้า?!”
สวีจื่อฉิงขยี้เท้าเขาเบาๆ ด้วยความหงุดหงิดโมโห “บอกมาตามตรง ตอนเจ้าอยู่ทูเจวี๋ยไปรู้จักสาวน้อยมากเท่าใดกันแน่?!”
“คุณหนูสวีเข้าใจผิดแล้ว!” เขาหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ที่ข้าจำพี่สาวน้อยคนนี้ได้ก็เพราะตอนที่อยู่ในวังทูเจวี๋ยวันนั้น นางปรนนิบัติข้าล้าง…อ้อ ล้างมือ! นางยังชมข้าอีกด้วย ‘ผู้กล้า ท่านช่างกล้ามากจริง ๆ นะเจ้าคะ’ ข้าได้ยินแล้วก็ดีใจมาก! ใช่แบบนี้หรือไม่ พี่สาวน้อย?”
มีคุณหนูสวีอยู่ด้านข้าง เขาไม่กล้าพูดว่าผู้อื่นเคยปรนนิบัติเขาชำระล้างร่างกายมาก่อน! นี่คือหนึ่งในนางกำนัลสองคนที่เป็นหัวหน้านางกำนัลในวังหลังของข่านดาบทอง วันนั้นพวกนางรับคำสั่งให้รับตัวเจ้าใบ้เข้าวัง ทั้งยังชุดเขาชำระล้างร่างกายผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตัวเองอีกด้วย ความยวนเย้าที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นมีตั้งมากมาย! คิดไม่ถึงว่าอวี้เจียจะพาพวกนางมาด้วย ถือว่าคนรู้จักได้กลับมาพบกันอีกครั้งจริงๆ เลยนะ!
นางกำนัลน้อยทูเจวี๋ยใบหน้าแดงระเรื่อ ก้มหน้าพร้อมกล่าวด้วยความเอียงอาย “ใต้เท้าใบ้ยังจำพวกเราได้หรือเจ้าคะ?! ตอนนั้นท่านไม่พูดกับพวกเรา พวกเรายังนึกว่าท่านหูหนวกเป็นใบ้จริงเสียด้วยซ้ำ!”
“อ้อ อาการใบ้ของข้ารักษาหายแล้ว แถมยังกล้ามากขึ้นอีกด้วยนะ!” หลินหว่านหรงหัวเราะร่วน มองสำรวจด้านหน้าด้านหลังรถหลายครั้งเห็นว่าผู้ที่มาจากทางฝั่งนั้นมีนางกำนัลน้อยเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น มีสาวน้อยที่กำลังเอ่ยวาจาผู้นี้เป็นหัวหน้า แสดงความเคารพเขาพร้อมเพรียงกัน ถึงกระนั้นกลับไม่เห็นเงาของบุรุษแม้แต่ครึ่งคน!
เขากะพริบตา แล้วถามด้วยความประหลาดใจ “พี่สาวน้อยผู้นี้ เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใดหรือ?”
สาวน้อยทูเจวี๋ยตอบด้วยความเคารพนบนอบ “ข้ารับพระบัญชาจากท่านข่านใหญ่มาส่งน้ำสุคนธ์[1] สำหรับชำระล้างร่างกายให้ใต้เท้าใบ้เจ้าค่ะ!”
น้ำสุคนธ์สำหรับชำระล้างร่างกาย? น้ำที่ใช้อาบน้ำ? หลินหว่านหรงประหลาดใจยิ่งนัก!
สาวน้อยปรบมือเบาๆ เหล่านางกำนัลทูเจวี๋ยนำไม้กั้นรอบรถม้าออกไป เผยให้เห็นถังไม้ขนาดยักษ์สูงเท่าครึ่งตัวคนหลายถัง ไอร้อนค่อยๆ ลอยอ้อยอิ่งขึ้นมา ในถังน้ำพรมด้วยกลีบดอกกุหลาบจำนวนนับไม่ถ้วน กำลังลอยล่องอยู่บนผิวน้ำ สีแดงเพลิงสดใส กลิ่นหอมกรุ่นลอยเตะจมูก!
แหล่งน้ำในทะเลทรายมีค่ามากเพียงใด และมีแค่ข่านดาบทองผู้สูงศักดิ์เท่านั้นถึงชำระล้างร่างกายในทะเลทรายได้! เมื่อเทียบกับกระโจมสีเหลืองทอง แสงโคมสว่างไสว นางกำนัลและบ่าวไพร่มากมายเต็มไปหมดของอวี้เจีย ชาวต้าหัวดูอนาถามากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตอนออกมานอกจากม้าศึก กระโจมค้างแรมและอาหารแห้งแล้ว ของที่หยิบติดมือมาได้ก็แทบจะไม่มี! นี่คือความแตกต่างระหว่างเจ้าผู้ปกครองกับสามัญชน!
หลินหว่านหรงแค่นเสียง โบกมือด้วยความหงุดหงิดโมโห “ข้าไม่ชอบอาบน้ำ พวกเจ้ายกกลับไปดีกว่า!”
“ใต้เท้า!” สาวน้อยตกใจจนหน้าถอดสี คุกเข่ากราบกรานลงกับพื้นเสียงดังตึงพร้อมหมอบกราบ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก บรรดานางกำนัลที่อยู่ข้างหลังนางต่างโขกศีรษะด้วยความหวดกลัวและลนลาน!
“ลุกขึ้น ลุกขึ้นให้หมด นี่พวกเจ้าเป็นอะไรไป?!” หลินหว่านหรงตกใจสะดุ้งโหยง รีบยกมือประคองนาง
สาวน้อยเงยหน้าขึ้น พูดเสียงสั่นด้วยความตกใจ “ใต้เท้าใบ้ ขอท่านโปรดรับน้ำสุคนธ์นี้ให้ได้เจ้าค่ะ! ท่านข่านใหญ่ตรัสว่าหากพวกเราไม่อาจส่งมอบน้ำสุคนธ์นี้ให้ท่านด้วยตนเองได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลับไปตลอดกาล!”
ทรราชย์ ทรราชย์สุดๆ! หลินหว่านหรงกัดฟันกรอดแค่นเสียงฮึ่มๆ หลายครั้ง ประคองเหล่าสาวน้อยให้ลุกขึ้นมาด้วยความจนใจ จากนั้นก็มองสวีจื่อฉิงอีกครา หัวเราะพร้อมพูดว่า “น้ำสุคนธ์นี้ให้กุนซือใช้ดีกว่า! ข้าหนังหยาบกระด้าง ไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น! คุณหนูสวีสวยขนาดนี้ หากชำระล้างผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นั่นจะยิ่งจันทร์หลบบุปผาอาย ข้าชอบมากเลย!”
สวีจื่อฉิงแค่นเสียงด้วยความอายและหงุดหงิด เบะปากแล้วพูดว่า “น้ำสุคนธ์นี้ผู้อื่นมอบให้เจ้า ข้าไม่ต้องการ!”
นางกำนัลทูเจวี๋ยที่เป็นหัวหน้าป้องปากพร้อมหัวเราะเบาๆ “ขอบังอาจเรียนถามว่าท่านผู้นี้คือคุณหนูสวีใช่หรือไม่? ข่านใหญ่ของเราทรงเตรียมน้ำสุคนธ์ให้ท่านเช่นกัน!”
“ให้ข้า?!” สวีจื่อฉิงตกใจ ดวงตาอดเผยแววตื่นเต้นยินดีไม่ได้
ความฉลาดหลักแหลมของอวี้เจียนั้นไม่ต้องสงสัย สำหรับสตรีผู้งดงามและรักความสะอาดเช่นสวีจื่อฉิงนี้หากได้ชำระล้างร่างกายผลัดเปลี่ยนอาภรณ์กลางทะเลทราย ถือเป็นสิ่งยวนใจอันหาใดเปรียบได้จริงๆ
สาวน้อยส่งเสียงอืมพร้อมปรบมือเบาๆ เหล่านางกำนัลยกถังไม้ขนาดยักษ์ลงมาอีกถังหนึ่ง เหมือนที่มอบให้หลินหว่านหรงทุกประการ กลีบดอกกุหลาบลอยกระเพื่อมเล็กน้อย ไอน้ำลอยเอื่อย กลิ่นหอมปะทะจมูก!
เยวี่ยหยาเอ๋อร์ผู้นี้ช่างน่ารักเสียจริง! คุณหนูสวีถอนหายใจเบาๆ อย่างเงียบงัน เมื่อนึกถึงฝ่ามือที่มอบให้นางวันนี้กลับรู้สึกผิดอยู่บ้าง!
“ท่านข่านใหญ่ตรัสว่ามีผู้งดงามและฉลาดหลักแหลมเช่นคุณหนูสวีมาแสดงความห่วงใยและดูแลใต้เท้าใบ้เช่นนี้ ทำให้เขาไม่ถูกรังแก พระองค์ทรงยินดีมาก จะทรงซาบซึ้งในบุญคุณของคุณหนูสวีไปตลอดกาล!”
นี่มันคำพูดอะไรกัน?! ข้าตบเจ้า เจ้ากลับมาซาบซึ้งข้า! จิตใจของอวี้เจียกระจ่างใสดั่งน้ำแข็งและหิมะ มองแยกแยะอย่างชัดเจน แม้แต่คุณหนูสวีก็ยังอดจมูกร้าวระบมไม่ได้! นางหยิกเอวหลินหว่านหรงอย่างแรง กล่าวสะอึกสะอื้น “เหตุใดเจ้าทำกับนางเยี่ยงนั้น? เจ้ามันคนจิตใจโหดเ**้ยม!”
หลินหว่านหรงส่ายหน้าถอนหายใจ สองตาเปีกชื้น เงียบงันไม่เอ่ยวาจา
เกาฉิวเดินวนอยู่ข้างรถม้าด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน ประชิดเบื้องหน้านางกำนัลชนเผ่านอกด่านที่ยืนนิ่งอยู่นางหนึ่ง ฝืนหน้าด้านแล้วเอ่ยถามเบาๆ ว่า “พี่สาวน้อยคนนี้ ขอถามว่ามีคนเตรียมน้ำสุคนธ์ให้ข้าหรือไม่?”
นางกำนัลชนเผ่านอกด่านมองเขาแล้วพูดด้วยภาษาจีนอันแข็งกระด้าง “เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าชื่อเกาฉิว ข่านใหญ่ของพวกเจ้าต้องรู้จักข้าแน่! นางกับน้องหลิน…อ้อ เรื่องมงคลของนางกับใต้เท้าใบ้เกิดจากข้าส่วนหนึ่งนะ!”
“เกาฉิว?” นางกำนัลน้อยขมวดคิ้วพร้อมส่ายหน้าอย่างแช่มช้า “ไม่เคยได้ยิน! เจ้าหน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ ต้องการน้ำสุคนธ์ไปทำอะไร อาบทรายไม่ดีกว่าหรือ!”
ตู้ซิวหยวนกับหูปู้กุยสองคนนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นก็ทุบท้องเปล่งเสียงหัวเราะดังลั่นพร้อมกัน
น้ำใจอันยิ่งใหญ่ของอวี้เจียไม่อาจปฏิเสธได้ สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้เป็นหัวหน้าสั่งการให้ทุกคนย้ายน้ำสุคนธ์เข้าไปในกระโจม หลินหว่านหรงหันหน้าไป เมื่อเห็นเกาฉิวกำลังกระโดดโลดเต้นวนรอบแม่นางน้อยที่อยู่ข้างรถม้าก็อดหัวเราะฮิออกมาไม่ได้ “เจ้าเหล่าเกาคนนี้นี่ เหตุใดแม้แต่แม่นางน้อยทูเจวี๋ยก็ยังไม่ละเว้น?”
มองดูไอน้ำที่ลอยเอื่อยอยู่ในกระโจม คุณหนูสวีอดรู้สึกยินดีปรีดาไม่ได้ ขณะที่เร่งฝีเท้ากลับยังไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดไว้อีกหลายประโยค “แล้วเจ้าละเว้นหรือ? ยังมีหน้ามาว่าผู้อื่นอีก!”
หลินหว่านหรงฉีกปากยิ้ม ไม่เอื้อนเอ่ยวาจาอย่างว่าง่าย
สวีจื่อฉิงเดินไปถึงทางเข้ากระโจม จู่ๆ ก็หันหน้ากลับมา นางหน้าแดงแค่นเสียงพูดออกมาว่า “ขอเตือนเจ้า ห้ามแอบดู!”
“ข้าสงสัยว่าเจ้ากำลังเตือนให้ข้าตั้งใจแอบดู!” หลินหว่านหรงหัวเราะร่วน “แต่ว่านะ เรื่องลามกเช่นการแอบดูพรรค์นี้ข้าจะทำลงได้อย่างไร ดูอย่างโจ่งแจ้งก็ได้นี่นา! คราวหน้าต้องบอกเยวี่ยหยาเอ๋อร์ว่าให้น้ำพวกเราสองคนแค่ถังเดียวก็พอ ไม่ต้องสิ้นเปลืองน้ำ!”
“พรืด” สาวน้อยทูเจวี๋ยผู้เป็นหัวหน้าซึ่งตามอยู่ด้านหลังทั้งสองคนส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เล็กน้อย คุณหนูสวีมองค้อนเขาด้วยความอายและหงุดหงิด หมุนกายแล้วเดินเข้าไปในกระโจม จากนั้นก็รวบมัดปิดผ้าม่านอย่างแรง!
เมื่อเข้ามาในกระโจมของตนเอง ไอน้ำและกลิ่นหอมของบุปผาลอยเต็มห้อง เขาบิดขี้เกียจยาวๆ จากนั้นจึงหันกลับไปมองคราหนึ่ง ทว่ากลับต้องตกใจสะดุ้งโหยง “พี่สาวน้อย เจ้า เจ้าทำอะไร?”
อาภรณ์ที่อยู่บนร่างของสาวน้อยปลดออกไปกว่าครึ่ง เผยให้เห็นหน้าอกและต้นขาขาวสะอ้านออกมาให้เห็น นางก้มหน้าลงด้วยความเอียงอาย ท่านข่านใหญ่ทรงกำชับข้าว่าให้ปรนนิบัติใต้เท้าใบ้ชำระล้างผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เจ้าค่ะ!”
“ไม่ต้องๆ” ไหน้ำส้มนั้นอยู่ติดกันนะ หลินหว่านหรงตกใจจนขวัญหายแล้ว รีบกดมือนางไว้ สายตาไปอยู่ที่หน้าอกนาง “ข้าอาบเอง เจ้าวางใจเถิด ข้าต้องอาบให้ขาวสะอาด ขาวยิ่งกว่าตรงนี้ของเจ้าอีก! พี่สาวน้อย รบกวนเจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าคนนี้เป็นคนขี้อาย!”
“เพราะเหตุใดเจ้าคะ? คราวก่อนตอนอยู่ในวังไม่ใช่พวกเราปรนนิบัติใต้เท้าท่านหรอกหรือ…”
หลินหว่านหรงรีบปิดปากนาง เบิกตาโพลงพร้อมพูดออกมาเบาๆ “ยามนี้ เวลานี้เจ้าอย่าพูดเหลวไหลนะ หากให้คนได้ยินเข้า ชื่อเสียงของข้าจะถูกทำลาย! ข้าเป็นคนขี้อายเหมือนเจ้า เข้าใจหรือไม่?”
“ที่แท้ท่านก็กลัวคุณหนูสวีนี่เอง!” สาวน้อยทูเจวี๋ยแอบหัวเราะด้วยความเขินอาย ก้มหน้าลงไปอย่างแช่มช้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะรอตรงทางเข้าก็ได้เจ้าค่ะ!”
นางทับอาภรณ์ ถอยออกไปที่ทางเข้ากระโจม ปล่อยผ้าม่านลงแล้วนั่งคุกเข่า หลินหว่านหรงตบอก ราวกับยกภาระอันหนักอึ้งออกไป!
กลีบบุปผาอันงดงามลอยกระเพื่อมไหวเบาๆ อยู่บนผิวน้ำทีละกลีบ ติดอยู่บนหน้าอกและแผ่นหลังเขาอย่างแช่มช้า กลิ่นหอมเบาบางชำแรกเข้าจมูก สีแดงเพลิงนั้นย้อมกระโจมให้เป็นสีแดงไปครึ่งหนึ่ง
ความชุ่มชื่นของน้ำร้อนชำแรกเข้าทุกรูขุมขน อบอุ่นสุขสบายราวกับอาบไล้สายลมยามวสันต์ ทั่วทั้งสรรพางค์กายตั้งแต่บนจรดล่างต่างมีกระแสอบอุ่นไหลผ่าน เขานอนอย่างเกียจคร้านอยู่ในถังไม้ พิงขอบไม้อันแข็งแรงนั้นพร้อมตีผิวน้ำเบาๆ หยดน้ำกระจ่างใสกระเซ็นไปรอบด้าน สาดลงบนเส้นผม ใบหน้าและลำคอ ถึงกระนั้นเขากลับรู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นสุข สายตาไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด
เยวี่ยหยาเอ๋อร์กำลังทำอะไรอยู่นะ? ยังแค้นข้าอยู่หรือเปล่า ถ้าแค้นข้า แล้วนางเอาน้ำสุคนธ์มาให้ข้าทำไม? ถ้าไม่แค้นข้า…ไอ้ความเป็นไปได้นี้มีไม่ค่อยมาก!
จิตใจของเขาสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า “พี่สาวน้อย เคยเห็นเจ้ามาก็หลายครั้งขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้ามีชื่อว่าอะไรหรือ”
สาวน้อยที่อยู่นอกกระโจมตอบเบาๆ ว่า “ข้าชื่อเซียงเสวี่ย พี่สาวที่ร่วมปรนนิบัติท่านเพื่อล้าง…ล้างมือร่วมกับข้าชื่อว่าน่าหลาน พวกเราปรนนิบัติท่านข่านใหญ่มาตั้งแต่เด็กแล้วเจ้าค่ะ!”
“น่าหลาน เซียงเสวี่ย อวี้เจีย แต่ละชื่อต่างดีขึ้นเรื่อยๆ” หลินหว่านหรงส่งเสียงอืม กล่าวชมเชยไม่ขาดปาก
เซียงเสวี่ยเม้มปากหัวเราะแล้วพูดว่า “ชื่อของใต้เท้าใบ้ก็เพราะมากนะเจ้าคะ อัวเหล่ากง อัวเหล่ากง…”
“เอ่อ ชื่อของข้ามีแต่คนพิเศษเท่านั้นถึงจะเรียกได้!” หลินหว่านหรงหัวเราะด้วยความกระอักกระอ่วนหลายครั้ง “พี่สาวน้อยเซียงเสวี่ย เจ้ารู้ชื่อข้ามาจากที่ไหนหรือ?”
“ในห้องของท่านข่านใหญ่ข้าเห็นป้าย…อ้อ ไม่ใช่ ข้าเดาเอาน่ะเจ้าค่ะ!” สาวน้อยทูเจวี๋ยรีบก้มหน้าลงไป
หลินหว่านหรงกล่าวด้วยท่าทีขมขื่น “ป้ายวิญญาณของข้าล่ะสิท่า? ไม่เป็นไรหรอก เดิมทีข้าก็เป็นคนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง! ใช่แล้วล่ะ พี่สาวน้อย เหตุใดข่านใหญ่ถึงต้องส่งน้ำมาให้ข้าอาบด้วยล่ะ”
“ส่งน้ำสุคนธ์ยังมีเหตุผลด้วยหรือเจ้าคะ? ท่านข่านใหญ่ไม่ได้ตรัสไว้!” เซียงเสวี่ยขมวดคิ้ว ตอบด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติและรวดเร็ว ไม่เหมือนกำลังปิดบังอะไร
คำถามนี้ของข้ามันช่างซื่อบื้อเสียจริงนะ ส่งน้ำอาบมาให้ยังจะมีเหตุผลอะไรมากมายขนาดนั้นอีกเล่า? เขาส่ายหน้าพร้อมหัวเราะเยาะตัวเอง “เช่นนั้นตอนเจ้าออกมา ท่านข่านใหญ่กำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
สาวน้อยหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า “เหมือนท่านเจ้าค่ะ เพียงแต่เร็วกว่าท่านไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นเอง!”
เหมือนข้า? เช่นนั้นไม่ใช่ว่านางกำลังอาบน้ำเหมือนกันหรอกหรือ? เดิมทีมาเข้าร่วมการเจรจา ตอนนี้ดีเลย กลายเป็นงานอาบน้ำไปแล้ว!
สนทนากับเซียงเสวี่ยไปหลายประโยคก็ไม่ได้อะไรกลับมาสักเท่าไหร่ เขารู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ผุดลุกขึ้นเสียงดังขวับ สาวน้อยทูเจวี๋ยเมื่อได้ยินเสียงน้ำจึงรีบเอ่ยออกมาว่า “ใต้เท้าใบ้ ท่านชำระเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ ข้าจะเข้าไปส่งอาภรณ์ให้ท่านเจ้าค่ะ!”
หลินหว่านหรงส่งเสียงอืม เซียงเสวี่ยเลิกผ้าม่านเดินเข้ามาด้วยท่าทีระแวดระวัง สองมือประคองอาภรณ์สีเหลืองทองหลายชิ้น ใบหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา “ใต้เท้าใบ้ นี่คืออาภรณ์ที่ท่านข่านใหญ่ทรงตัดให้ท่านเจ้าค่ะ!”
ชุดที่อวี้เจียตัดให้ข้า? นางที่เป็นสตรีชนเผ่านอกด่านคนหนึ่งกลับตัดชุดเป็นด้วย? เขานิ่งอึ้ง รับอาภรณ์มาอย่างเหม่อลอย
อาภรณ์ชุดนี้มีหลากหลายสารพัดสิ่ง จากข้างนอกถึงข้างใน มีครบทุกสิ่งอย่าง! กลิ่นหอมสะอาดจางๆ ลอยปะทะจมูก แต่ละฝีเข็มมองเห็นอย่างชัดเจน เป็นร่องรอยของการทำด้วยมือ ฝีเข็มแน่นขนัด ประณีตและเป็นระเบียบ สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดก็คือเสื้อตัวยาวด้านนอกซึ่งเป็นสีเหลืองทองทั้งตัวกอปรด้วยความสูงศักดิ์เย็นเยียบ ทว่าเมื่อสัมผัสด้วยมือกลับอ่อนนุ่มเรียบลื่น เบาจนแทบไม่รู้สึก ราวกับปีกจักจั่นที่แสนจะบางเบา
หลินหว่านหรงลูบไล้เสื้อคลุมยาวสีเหลืองทองตัวนี้ รักใคร่จนไม่อยากจะวางมือ ถึงกระนั้นกลับอดทอดถอนด้วยความตกใจออกมาไม่ได้ “นะ…นี่ออกจะเตะตาเกิดไปแล้วกระมัง! เพียงแต่เนื้อผ้ายังถือว่าไม่เลวนะ!”
“นี่คือสิ่งที่ท่านข่านใหญ่ทรงทำให้ท่านโดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้คลุมอยู่บนป้ายวิญญาณของท่านเจ้าค่ะ!” เซียงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมา เมื่อสายตากวาดไปเห็นหน้าอกเปลือยของเขา กลับต้องร้องอ๊ะแล้วนิ่งงันไป
“ไม่ต้องกลัว นี่คือหลักฐานที่ข้าไม่ตาย” หลินหว่านหรงตบบ่านาง
“ใต้เท้าใบ้ ท่านแค้นท่านข่านใหญ่มากหรือไม่เจ้าคะ?”
แค้นหรือ? เขายิ้มขื่นคราหนึ่ง จากนั้นก็ออกแรงผงกศีรษะ
“ใต้เท้าใบ้ ขอท่านโปรดอย่าแค้นพระองค์เลย” เซียงเสวี่ยกล่าวด้วยความตกใจและเศร้าโศก “ท่านเคยเห็นผู้ที่ทุกคืนต้องกอดป้ายวิญญาณถึงจะหลับสนิทหรือไม่? ตอนที่ท่านตาย ท่านข่านใหญ่ก็สิ้นชีวิตตามท่านไปด้วยเจ้าค่ะ!”
“ข้าแค้นที่ธนูดอกนี้ของนางเบาเกินไป! หากข้าตายไปจริง เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มสิ่งใดทั้งสิ้นแล้ว!”
คำพูดประโยคนี้ทั้งขื่นขมและร้าวรอน แม้แต่นางกำนัลน้อยชนเผ่านอกด่านที่เป็นคนนอกก็ยังอดร้าวรอนใจไม่ได้
ฝีมือของเยวี่ยหยาเอ๋อร์ถือเป็นหนึ่งในใต้หล้าจริงๆ! แม้จะทำโดยอาศัยเงาในความทรงจำ แต่ชุดนี้เมื่อสวมบนร่างเขากลับเหมือนตัดตามแบบออกมา เพิ่มส่วนหนึ่งก็จะยาว ลดทอนส่วนหนึ่งก็จะสั้น สนิทแนบแน่นพอดิบพอดี ขนาดไม่ขาดไม่เกิน มิน่าเล่านางถึงยิงธนูสามดอกต่อเนื่องได้อย่างเลิศภพจบแดน!
——
[1] น้ำสุคนธ์ คือน้ำร้อนที่ผสมด้วยส่วนผสมที่มีกลิ่นหอมต่างๆ เพื่อใช้แช่อาบน้ำ