จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 130 ฐานะถูกเปิดเผย / ตอนที่ 131 ผู้คุมตายแล้ว
ตอนที่ 130 ฐานะถูกเปิดเผย
ถังเฉียนเพิ่งฟื้น แล้วให้อาห่าวพยุงจะออกจากห้องซูซินเหลียนกลับไปห้องของตน ได้ยินว่าเทพมังกรบาดเจ็บสาหัส แต่อาจารย์รู้ว่านางพยายามเต็มที่แล้วจึงไม่ได้ตำหนินาง
ได้ยินว่าครั้งนี้นิกายเทพมังกรต้องการชิงเทพมังกรจึงลงมือจึงทำให้เกิดความเสียหายรุนแรง ถังเฉียนสังหารอินทรีดำ ทำให้แผนของคนพวกนี้ล้มเหลว ใต้เท้าหลี่เคียดแค้นมาก จึงเลือกที่จะฆ่าถังเฉียนเพื่อโอกาสรอดชีวิต
คนพวกนี้ใช้ฐานะของหมอปราบผีเพื่อเข้าหาซูซินเหลียน จากนั้นจึงใส่แมลงพิษไว้ในห้องนาง จนถึงเวลาที่แน่นอนก็เอาดวงวิญญาณนางถวายแก่เทพมังกรของนิกายเทพมังกร หวังให้เทพมังกรมาปรากฏตัว แล้วสิงร่างใต้เท้าหลี่ กลายเป็นคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเฉียนได้รู้ว่าเดิมทีนิกายเทพมังกรเป็นสาขาหนึ่งของเผ่าหมอผี แต่คนพวกนี้ใช้คาถาอาคมที่โหดเ**้ยม เผ่าหมอผีไม่อาจรับได้ จึงถูกขับออกจากเผ่า ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงต้องการชิงมารดาแห่งเทพมังกรซึ่งเป็นของศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมอผี หากแต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีการอารักขาอย่างเข้มงวด คนเหล่านี้จึงไม่มีโอกาส แต่ครั้งนี้พวกเขารู้ว่าเทพมังกรมาปรากฏตัวที่หล่งชวนจึงระดมกำลังมาทำเรื่องเหล่านี้
เถิงเสวี่ยคาดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะดำเนินมาถึงขั้นนี้ ยังดีที่ขณะนั้นถังเฉียนอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเทพมังกรคงถูกชิงไปแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นสิ่งที่พวกตนเตรียมการอย่างยากลำบากก็จะสูญเปล่า
“ยังดีที่คราวนี้ไม่มีอะไรเสียหาย”
ถังเฉียนฟังอาห่าวอธิบาย ทำให้คลายความกังวลลง นับว่านางไม่ได้ทำผิดพลาด แม้ว่าเทพมังกรจะได้รับบาดเจ็บ แต่อาจารย์บอกว่าถ้าดูแลอย่างดีระยะหนึ่งก็สามารถฟื้นฟูได้ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ถังเฉียนจึงตั้งชื่อให้เทพมังกร เมื่อเผชิญเคราะห์กรรมครั้งใหญ่แล้วไม่ตายย่อมจะมีโชคลาภในภายหลัง ถังเฉียนจึงเรียกมันว่า “ต้าฝู”
“เจ้านาย ท่านคงไม่รู้ พอเจ้านายเก่ารู้ว่าท่านบาดเจ็บ ก็เกือบจะจับอินทรีเงินของเผ่าอินทรีเงินบินมาช่วยท่านให้ได้ น่าเสียดายที่ครั้งนี้เขาทำไม่สำเร็จ ถูกหัวหน้าเผ่าจับได้ ขังไว้ในกรงเหล็กเพื่อให้สำนึกผิด ลำบากแทบแย่กว่าจะติดสินบนคนเฝ้าประตู เขาจึงส่งข่าวมาให้ท่าน บอกให้ท่านพักฟื้นให้ดี”
ครั้งนี้ถังเฉียนป่วยหลายวัน สีหน้าซูบเซียวมาก เวลานี้เสียเลือดมากไป ไม่อาจถ่ายเลือดได้แล้ว อาจารย์เห็นผิวนางเหลืองซีดมาก วิตกว่าถ้าถ่ายเลือดอีกก็อาจเสียชีวิต จึงเพียงกำชับให้นางกินอาหารบำรุงยกใหญ่ ยังบอกให้ต้องตากแดดมากหน่อย หน้ากากอันนั้นเสียหายแล้ว พอดีเปลี่ยนเป็นหน้ากากบุปผาทองสองดอกให้นาง เพราะนางสามารถควบคุมถาดดาวได้แล้ว เป็นการเลื่อนขั้นขึ้น
สองวันนี้ถังเฉียนจึอาบแดดอยู่ในสวนดอกไม้ของเรือนฮั่นต้าน พร้อมกับรอให้แผลที่อกทุเลาลงบ้างแล้วค่อยเคลื่อนไหว อาห่าวไปส่งของให้ฮวาหวน จึงกำชับให้หวังหลงเฝ้าอยู่ข้างนอก บังเอิญคนไม่พอ จึงย้ายผู้คุมที่ครั้งนั้นควบคุมถังเฉียนมาที่เรือนฮั่นต้าน
ผู้คุมผู้นี้ได้รับคำสั่งจากเจิ้งจยาเฉิงก่อนแล้ว อยากเปิดเผยฐานะของถังเฉียน จึงคอยหาโอกาสเพื่อเข้าใกล้ตัวถังเฉียน ถึงตอนนี้นับว่าเจอโอกาสแล้ว
“ท่านหมอ น้ำแกงไก่ของท่านขอรับ”
ถังเฉียนฟังเสียงแล้วรู้สึกไม่คุ้น แต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่โบกมือ ยังคงนั่งหลับตาอยู่ในสวน ผู้คุมเห็นถังเฉียนนิ่งเฉยก็ใจกล้าขึ้น เดินอ้อมมาข้างหน้านาง แล้วเพ่งดูใบหน้านางอย่างละเอียด
“ถังเฉียน?”
ถังเฉียนได้ยินคนร้องเรียกชื่อนาง นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาอยู่ในจวนอ๋องที่มีคนเรียกนางเช่นนี้ นางลืมตาขึ้น เห็นคนตรงหน้า เป็นใบหน้าที่นางไม่อาจลืมชั่วชีวิต
“แย่แล้ว…”
คำพูดนี้ผุดขึ้นในใจถังเฉียน ความลับทั้งหมดของนางจะถูกเปิดโปงแล้ว
ตอนที่ 131 ผู้คุมตายแล้ว
ถังเฉียนคิดว่าตนเองต้องตายแน่แล้ว เสี่ยวจินเหมือนรู้สึกถึงอารมณ์ปรวนแปรอย่างรุนแรงของนาง จึงบินออกมาจากกล่องหยก จ้องมองผู้คุมคนนี้อย่างมุ่งร้าย ผู้คุมอยู่ในจวนอ๋องมาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมรู้ถึงความร้ายกาจของเสี่ยวจินดี จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบชักเท้าวิ่งหนีไปทันที
ไม่เปิดโอกาสให้ถังเฉียนอธิบายหรือแสดงตัวแม้แต่น้อย
เสี่ยวจินทำท่าจะตามไปฆ่าปิดปาก ถังเฉียนจึงรีบขังมันไว้ในกล่องทันที
“ช่างเถอะ ถ้าถูกเปิดเผยจริงๆ ก็ถือว่าเป็นโชคชะตาของข้า”
ถังเฉียนบอกเสี่ยวจินเช่นนี้ แต่นางไม่สามารถทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยได้ ที่นางต้องโกหกท่านอ๋องทุกวันก็เหนื่อยมากแล้ว สู้ยอมแพ้แต่โดยดี อย่างมากก็ถูกโยนกลับไปที่ค่ายกักกันทาสต้องโทษเท่านั้นเอง
แต่ถังเฉียนไม่อยากกลับไปที่นั่น
ถังเฉียนปวดร้าวในใจเป็นระลอก พอคิดถึงตรงนี้นางก็ไม่อาจปล่อยให้เรื่องเป็นต่อไปเช่นนี้ได้ จะอย่างไรนางก็ไม่คิดว่าจะง่ายดายเช่นนั้น ถังเฉียนเริ่มเก็บข้าวของ เตรียมออกเดินทาง เตรียมไปจากที่นี่ก่อนที่ท่านอ๋องจะรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวนาง หน้ากากบุปผาทองสองดอกหรือห้าดอกอะไรนั่น ไม่สำคัญอีกแล้ว นางเพียงแต่ไม่อยากกลับไปยังค่ายกักกันทาสต้องโทษที่แสนมืดมน
ขณะที่ถังเฉียนกำลังเก็บข้าวของ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ฮว่าเหยียนเข้ามาในห้องแล้วถอดหน้ากากออก มองดูถังเฉียนแล้วพูดว่า
“ที่แท้ก็เป็นบ่าวไพร่ชั้นต่ำ พอเกิดเรื่องก็คิดแต่จะหนี”
ถังเฉียนฟังน้ำเสียงนางแล้วก็รู้ว่านางน่าจะรู้เรื่องแล้ว มุมปากถังเฉียนเชิดขึ้น ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าน่าหัวเราะ แต่เพราะรู้สึกว่าถูกโชคชะตาล้อเล่น ฮว่าเหยียนรู้ดีไปเสียหมดไม่ว่าเรื่องอะไร
“ฐานะของข้าถูกเปิดเผย เจ้าก็คิดว่าเจ้ากลายเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าก็เป็นแค่คนหลอกลวงเหมือนข้า! ข้าขอเตือนเจ้า รีบไปเตรียมตัวเถอะ ไม่เช่นนั้นครอบครัวใหญ่และความละโมบที่ใหญ่ด้วยของเจ้าจะเดือดร้อน อย่าให้พอถึงเวลาแล้วจะลืมเอาของติดตัวไปแล้วกัน”
ฮว่าเหยียนวางหน้ากากตัวเองลงบนโต๊ะ แล้วพูดว่า
“เก่งนี่ วางใจเถอะ ผู้คุมนั่นคิดจะไปหาเจิ้งจยาเฉิงเพื่อเอาหน้า แต่ข้าเจอเขาก่อน ตอนนี้ถูกข้าจัดการไปแล้ว เจ้าไม่ต้องหนีหรอก”
ถังเฉียนตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ แล้วอดถามไม่ได้
“จัดการ หมายความว่าอย่างไร เจ้าทำอะไรลงไป”
ฮว่าเหยียนเหยียดยิ้มอย่างเ**้ยมเกรียม เลิกคิ้วขึ้นพลางพูดว่า
“ทางที่ดีเจ้าไม่ต้องรู้หรอก เพราะข้าใช้วิธีของหมอผี ง่ายและตรง”
ถังเฉียนฟังที่นางพูด เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของฮว่าเหยียนก็เข้าใจทันทีว่านางหมายถึงอะไร เมื่อครู่ผู้คุมรู้ความลับของถังเฉียนแล้ว นางตกตะลึง แต่ฮว่าเหยียนไม่ นางซ่อนอยู่ในสวนดอกไม้นอกเรือน แล้วขวางผู้คุมไว้ แกล้งบอกว่าจะให้เงินติดสินบนเขา แล้วพาไปที่ลับตาคน ใช้น้ำพุถังหมิงฆ่าเขาทำให้ร่างสลายไป ไม่เหลือร่องรอยทิ้งไว้แม้แต่น้อย
ถังเฉียนจ้องมองฮว่าเหยียน ได้กลิ่นเหม็นเน่าเฉพาะตัวของน้ำพุถังหมิงบนตัวนาง รู้สึกเหมือนอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ถังเฉียนทนไม่ไหวต้องหลบมาข้างๆ แล้วอาเจียน
“ขี้ขลาดจริงนะ เจ้าเป็นอย่างนี้ยังคิดจะคลุกคลีในแวดวงหมอผี ไม่แปลกที่ถูกรังแกอยู่เรื่อยไป”
ถังเฉียนเช็ดปากแล้วพูดว่า
“เจ้าไม่ต้องมาสั่งสอนข้า ข้าไม่อยากเรียนวิชาหมอผีโสโครกของเจ้าหรอก”
“โสโครก? ต่อให้โสโครกอย่างไร ถ้าใช้ได้ก็ดีไม่ใช่หรือ ดูเจ้าสิ ใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวน ถ้าไม่ใช่เพราะข้าช่วยแก้ไขแทนเจ้า ไม่รู้ตอนนี้เจ้าจะพบจุดจบอย่างไร อย่ามาแสร้งทำตัวเป็นแม่พระเลย คงแอบดีใจใช่หรือไม่ล่ะ”
ถังเฉียนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี บางทีนางคงจะไม่ใช่คนดีอะไร มีแวบหนึ่งที่นางแอบดีใจจริง ผู้คุมที่ข่มเหงนางตายแล้ว นางไม่ต้องกังวลเรื่องตัวตนของตนเองอีกแล้ว