จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 132 ซูซินเหลียนฟื้นชีพ / ตอนที่ 133 โลกที่ต่างออกไป
ตอนที่ 132 ซูซินเหลียนฟื้นชีพ
โลกนี้ไม่มีความลับอะไรที่ปกปิดได้ ต้องมีสักวันที่ทุกคนจะล่วงรู้ความลับ แต่ถังเฉียนยิ่งเข้าใจเหตุผลข้อหนึ่งมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างการพูดความจริง ณ เวลานี้กับการพูดความจริงในวันหน้า อยู่ที่นางจะแบกรับได้หรือไม่
ถังเฉียนก้มหน้าลง ตอนนี้นางไม่สามารถพูดอะไรได้ ในเมื่อนางไม่สามารถที่จะรับการถูกเปิดเผยตัวตน ก็จำเป็นต้องพยายามประกันว่าความลับจะไม่ถูกเปิดเผย
“ท่านหมอ ซูซินเหลียนฟื้นแล้วขอรับ”
ถังเฉียนยังไม่ทันได้สติขึ้นจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ก็ได้ยินหวังหลงมาแจ้งข่าวที่น่าตกใจ แต่คนที่ตื่นตระหนกกว่านางนั้นกลับเป็นฮว่าเหยียน
“เจ้าว่าอะไรนะ เป็นไปได้อย่างไร”
ฮว่าเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วออกไปเป็นคนแรก หวังหลงกับถังเฉียนมองหน้ากันอยู่ในห้อง
“ไปเถอะ ตามไปดูกัน”
ถังเฉียนคว้าหน้ากากขึ้นมา เวลานี้นางคุ้นกับการสวมหน้ากากแล้วถ้าไม่สวมกลับรู้สึกแปลก จึงหยิบหน้าหน้ากากบุปผาทองสองดอกที่อาจารย์ให้มุ่งไปยังเรือนเซียงหาน พอถังเฉียนเข้ามาใกล้ก็พบว่าซูซินเหลียนฟื้นขึ้นแล้วจริงๆ แต่นางนอนอยู่บนพื้น หายใจออกมากกว่าหายใจเข้า หายใจหอบอย่างผิดปกติ
วันนั้นทั้งท่านอ๋องและเถิงเสวี่ยต่างยืนยันแล้วว่าคนในเรือนเซียงหานรวมทั้งซูซินเหลียนเสียชีวิตทั้งหมด คนที่ติดตามซูซินเหลียนมาพากันร้องไห้จะกลับไปฟ้องร้องที่เจาหยาง ฉู่จิ่งเหยาปล่อยให้พวกนางกลับไป คนเหล่านั้นกลับไปแล้ว ตั้งศพซูซินเหลียนไว้สองวันจำเป็นต้องฝัง ขณะที่กำลังฝังจู่ๆ ซูซินเหลียนก็ฟื้นขึ้นแล้วลุกนั่ง ทำให้พวกสาวใช้ตกใจจนหมดสติ
แต่หลังจากฟื้นขึ้นครั้งนี้นางก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มองดูทุกอย่างรอบตัวแล้วร้องเอะอะโวยวาย พูดถ้อยคำมากมายที่พวกเขาฟังไม่เข้าใจ สุดท้ายนางหัวเราะแล้วร้องให้เสียงดัง จากนั้นก็หมดสติไป ดังนั้นเมื่อคนทั้งหมดมาดู จึงพบนางนอนหายใจหอบอยู่บนพื้น
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด นางจะฟื้นชีวิตขึ้นมาได้อย่างไร”
ฮว่าเหยียนพูดด้วยความกังขา สายตาหันไปทางจื่อเย่ว์ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียด ถังเฉียนดูออกว่าต้องมีความลับบางอย่างระหว่างสองคนนี้แน่ แต่นางรู้สึกสงสารซูซินเหลียน จึงกวักมือพลางพูดว่า
“พวกเจ้าสองสามคน ช่วยกันประคองพระชายารองกลับที่ห้อง นอนอยู่กับพื้นจะโดนความเย็น พวกเจ้ารับผิดชอบได้หรือ”
ถังเฉียนพูดจบ สาวใช้หลายคนต่างช่วยกันประคองซูซินเหลียนขึ้นมา แต่พอแตะถูกตัวนาง นางก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง มองดูผู้คนมากมายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ถังเฉียนมองดูนาง ท่าทางนางเหมือนกำลังมองดูคนเสียสติ
“ข้าไม่ได้บ้าใช่หรือไม่ เหตุใดข้าเห็นคนโบราณกลุ่มหนึ่ง หรือว่าพวกเจ้าในนรกยังคงใส่เสื้อผ้าแบบโบราณ ใส่เสื้อผ้าแปลกประหลาดกันทั้งนั้น”
ถังเฉียนมองดูนางซึ่งนั่งอยู่บนพื้น ดวงตานางที่จ้องมองผู้คนราวกับเห็นทุกคนเป็นคนบ้า
“พระชายารอง ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ กลับไปพักผ่อนดีกว่า ให้ข้าช่วยตรวจดูได้หรือไม่”
ถังเฉียนจะเข้ามาพยุงนาง แต่ซูซินเหลียนกลับผลักถังเฉียนออกไป แล้วตะโกนว่า
“อย่าแตะต้องข้า ใครหน้าไหนก็อย่ามาแตะข้า”
“ได้ ได้ เราไม่แตะตัวเจ้าก็ได้ แต่พื้นเย็นมาก”
ถังเฉียนยังคิดจะพูดเกลี้ยกล่อมนาง แต่ฮว่าเหยียนดึงถังเฉียนถอยหลังมาสองก้าว แล้วพูดว่า
“พระชายารองเสียสติไปแล้ว รีบจับนางไว้ นางถูกวิญญาณร้ายเล่นงาน เวลานี้นางไม่ใช่พระชายารองแล้ว นี่เป็นแผนชั่วของนิกายเทพมังกร”
ถังเฉียนจะเอ่ยปากพูด แต่ฮว่าเหยียนกวาดสายตาที่ดุร้ายกลับมา ถังเฉียนรู้สึกเหมือนถูกบีบคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว จากนั้นก็ได้ยินจื่อเย่ว์ซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามพูดว่า
“ท่านหมอฮว่าเหยียนพูดถูกแล้ว ยังไม่รีบจับตัวพระชายารองใส่โลงศพ ฝังซะ คนตายไม่สามารถฟื้นขึ้นได้ นี่เป็นอุบายของนิกายเทพมังกร”
ตอนที่ 133 โลกที่ต่างออกไป
ถังเฉียนได้ยินว่าจื่อเย่ว์ต้องการฝังคนทั้งเป็น ไม่โหดเ**้ยมเกินไปหรือ ถ้าเกิด ถ้าเกิดนางยังมีชีวิตจริงๆ ล่ะ
“ข้ายังไม่ตาย อย่านะ อย่าแตะต้องตัวข้า”
ซูซินเหลียนวิ่งหนีไปจากกลุ่มคน เมื่อครู่นางเห็นจื่อเย่ว์ร้องสั่งให้จับตัวนาง จึงพุ่งเข้าใส่จื่อเย่ว์ราวกับลูกวัว แต่จื่อเย่ว์มีวรยุทธ์ นางเอี้ยวตัวหลบ พอซูซินเหลียนเข้ามาใกล้ก็คว้าข้อมือนาง บิดแล้วจับแขนของนางไว้ แล้วเตะใส่ที่เอวนาง ยกมือขึ้นหวังจะหักแขนซูซินเหลียน
“หยุดนะ!”
ถังเฉียนกับคนข้างหลังร้องออกมาพร้อมกัน ถังเฉียนหันไปมอง เป็นเขานั่นเอง
ฉู่จิ่งเหยาเดินมาจากด้านนอกเรือนเซียงหาน ทุกคนคุกเข่าลง มีเพียงถังเฉียนกับพวกที่ยืนคารวะ ฉู่จิ่งเหยาบอกตั้งแต่ในพิธีเคารพหมอผีในดินแดนเหมียวเจียงแล้วว่าเมื่อพบเขาไม่ต้องคุกเข่า
“ท่านอ๋อง พอพระชายารองฟื้นก็พูดเพ้อเจ้อ ต้องเป็นแผนร้ายของนิกายเทพมังกรเป็นแน่เพคะ จะปล่อยไว้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นภัยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ท่านลืมไปแล้วหรือว่านางเกือบทำร้ายท่านหมออาหรูน่าถึงชีวิตนะเพคะ”
จื่อเย่ว์ยกถังเฉียนมาอ้างตรงๆ กลับทำให้ถังเฉียนไม่สะดวกจะพูด ฉู่จิ่งเหยามองดูซูซินเหลียนซึ่งนั่งอยู่บนพื้น แล้วพูดกับนางอย่างอ่อนโยนว่า
“เจ้ายังไม่ลุกขึ้นอีกหรือ จะรอให้คนจับเจ้าฝังเพราะหาว่าเจ้าเป็นบ้าหรือ”
ถังเฉียนประหลาดใจมากเมื่อเห็นซูซินเหลียนลุกขึ้นยืนทันที ตบตามตัวเบาๆ แล้วมายืนอยู่ข้างๆ ฉู่จิ่งเหยา ถังเฉียนเห็นท่าทางของนาง จึงเอ่ยว่า
“ดูแล้วพระชายารองคงไม่เป็นไรแล้ว เมื่อครู่คงถูกพวกเราทำให้ตกใจ”
ฉู่จิ่งเหยาหันมามองถังเฉียนแล้วยิ้มให้นาง บางทีเมื่อครู่นางอาจจะไม่สะดวกที่จะพูด แต่คำพูดนางมีน้ำหนักมาก ฉู่จิ่งเหยาจึงสั่งให้พาซูซินเหลียนกลับไปพักผ่อน เขาขยิบตากับถังเฉียน ให้นางตามตนเองไป
เมื่อกลับมาถึงห้องหนังสือ ฉู่จิ่งเหยาจึงถอนหายใจแล้วพูดว่า
“นางเกือบฆ่าเจ้า เหตุใดเจ้าถึงช่วยนาง บางครั้งข้าก็ไม่เข้าใจเด็กสาวอย่างเจ้าจริงๆ”
ฉู่จิ่งเหยากดเบาๆ ที่ชั้นหนังสือ ตรงกลางชั้นหนังสือแยกออกจากกันทันที เผยให้เห็นอุโมงค์สายหนึ่ง ถังเฉียนชี้ที่จมูกตัวเอง ฉู่จิ่งเหยาพยักหน้าเป็นการบอกให้นางตามเข้าไป
“เรียนท่านอ๋อง อาหรูน่าเองไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแต่รู้สึกแปลก ซูซินเหลียนคนนี้เป็นเหมือนปริศนา เมื่อยังไขปริศนาไม่ได้ ก็ไม่อยากให้นางตายเช่นนี้”
พอถังเฉียนพูดจบ ฉู่จิ่งเหยาซึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้าก็ยิ้ม
“ยังคิดว่าเจ้าจะบอกว่าหมอต้องมีจิตใจเมตตา”
“ไม่ถือว่านางเป็นคนป่วยของข้า”
ฉู่จิ่งเหยาเดินนำนางไปข้างหน้าต่อ แล้วจู่ๆ ข้างหน้าก็มีแสงสว่าง ถังเฉียนยกมือขึ้นป้องตา ฉู่จิ่งเหยากลับคว้าแขนนางไว้ ถังเฉียนรู้สึกทันทีว่าร่างตนถลาไปข้างหน้า แล้วลมตีใส่จนต้องหรี่ตา
“ท่านอ๋อง ท่านจะทำสิ่งใด”
ทันใดนั้นถึงเฉียนก็รู้เหมือนกำลังเหินบิน จวนอ๋องของฉู่จิ่งเหยามีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ จากห้องหนังสือเดินลดเลี้ยวตามทางแนวเขาออกมา ก็เจอกับที่ที่มีนกร้องและกลิ่นดอกไม้หอมอบอวล ฉู่จิ่งเหยาพาถังเฉียนร่อนลงมา พอลงถึงพื้นก็เดินไปข้างหน้าสองก้าวจนเห็นบ้านเล็กหลังหนึ่ง หลังบ้านมีต้นท้อขนาดใหญ่ ใต้ต้นไม้กลับเป็นกิ่งไม้ทองใบไม้หยกของนาง
“กิ่งไม้ทองของข้า!”
พอร่างแตะพื้นถังเฉียนก็ผละออกจากฉู่จิ่งเหยา วิ่งปรี่ไปยังต้นไม้ใหญ่อย่างตื่นเต้นดีใจ ย่อตัวลงมองกิ่งไม้ทองที่นางไม่เห็นมานานแล้ว
“วันนี้ใบของมันจะร่วงแล้ว ข้าจึงพาเจ้ามาดู กลัวว่าเจ้าจะพลาดโอกาส”
ถังเฉียนนึกขึ้นทันทีว่าอยากเรียกเสี่ยวจินออกมา อยากดูเสบียงของมันพร้อมกัน แล้วนางก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเสี่ยวจินยังถูกขังอยู่ในกล่องหยกเวินเซียงหน่วน