จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 142 ตัวเลือกสำหรับหัวหน้าผู้บวงสรวง / ตอนที่ 143 กัดคนได้
ตอนที่ 142 ตัวเลือกสำหรับหัวหน้าผู้บวงสรวง
เมื่อถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ เดิมที่คิดจะพูดก็ชะงักไป
“ฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวงอะไรกัน”
มีรอยยิ้มประจบประแจงผุดขึ้นบนใบหน้าฮว่าเหยียน นางพูดว่า
“ฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวงก็ไม่ต่างกับพระแม่ของชาวเผ่าม้ง ฐานะของเจ้าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าไม่รู้หรือ ความหมายพื้นฐานที่สุดของพรศักดิ์สิทธิ์คือการกำหนดว่าเจ้าเป็นฮูหยินของเถิงเฟิง เป็นการแจ้งต่อสวรรค์ ประกาศต่อเทพมังกร เทพแมลงปีศาจรวมทั้งพี่น้องชาวเผ่าม้งว่า ในดินแดนเผ่าม้งนี้ มีเขาเท่านั้นที่แต่งงานกับเจ้าได้ จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่น้อย ไม่ว่าคนหรือปีศาจ”
ถังเฉียนฟังที่นางพูดจึงเริ่มเข้าใจอย่างแท้จริงว่าเหตุใดหงหลิงเอ๋อร์จึงโกรธ นางรู้ฐานะของนางแล้ว รู้ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขา เขาทำอย่างนี้เพราะอะไรกันแน่ แม้ว่าในใจจะรู้สึกอบอุ่นหวานชื่น แต่ก็ยังแปลกใจ
“เหตุใดเขาตัดสินใจเรื่องใหญ่เช่นนี้โดยไม่ถามข้าก่อน”
ฮว่าเหยียนร้องหึ แล้วพูดว่า
“นับแต่โบราณการแต่งงานของชายหญิง เป็นไปตามคำสั่งพ่อแม่และคำพูดแม่สื่อ ก็ตกลงเรื่องแต่งงานแล้ว จำไว้นะ ไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้องทำตัวดีๆ อย่าทำให้เสียเรื่อง ฐานะของเจ้าคือลูกสาวคนโตของสกุลฮว่าแห่งหมอผีสมุนไพรที่สืบทอดมานับร้อยปี หมอผีศักดิ์สิทธิ์มอบนามว่าอาหรูน่า ความหมายก็คือดวงจันทร์กระจ่างใสแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เถิงเฟิงยังมีอีกชื่อหนึ่งว่าน่าเหริน ก็คือดวงตะวันผู้เปี่ยมเมตตาแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเข้าใจความหมายของชื่อเจ้าแล้วใช่หรือไม่”
ถังเฉียนตะลึงงัน ชื่อนางเถิงเฟิงเป็นคนตั้งให้ เขาเคยบอกว่าเมื่อนางรู้ทุกคำในพจนานุกรมก็จะรู้ความหมายของชื่อนี้ นางยังเรียนรู้ไม่หมดก็มีคนบอกนางแล้ว
“ตะวันกับจันทรา…”
ในใจนางรู้สึกวาบหวาม มุมปากมีรอยยิ้ม แล้วพูดว่า
“ข้าไม่เชื่อที่เขาพูดหรอก”
ฮว่าเหยียนดูท่าทางของสาวน้อย ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า
“เจ้าได้ดิบได้ดีย่อมดีกว่า ผู้ชายเผ่าพีส่า ชั่วชีวิตมีคู่ครองได้เพียงคนเดียว ความหมายของการมอบพรศักดิ์สิทธิ์ก็คือ จะร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้า นี่คือคำสัญญาแต่งงานที่สวยที่สุดในโลก เจ้าเสียใจเขาก็เสียใจ เจ้าทุกข์ร้อนเขาก็ทุกข์ร้อน ต่างรับรู้ความรู้สึกของกันและกัน เป็นความรักที่สวยที่สุดบนโลกใบนี้”
ฮว่าเหยียนพูด สีหน้านางอิจฉา ถังเฉียนฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจ นางเกิดที่เซวียนกั๋ว ผู้ชายที่นั่น ถ้าเป็นขุนนางหรือชนชั้นสูง ใครบ้างที่ไม่มีเมียสามสี่คน เพื่อจะได้มีลูกหลานเต็มบ้าน นางเองนับว่าเป็นหญิงสาวในตระกูลสูง แต่นางไม่อิจฉาชีวิตอย่างนั้น แต่กลับเป็นด้ายเส้นหนึ่งแบบนี้ ที่ผูกพันนางและเขาไว้
“ข้าไม่อยากได้หรอก”
ถังเฉียนหันไป แต่ไม่เก็บข้าวของแล้ว ในใจพลางคิดถึงคำพูดเถิงเสวี่ยและฉู่จิ่งเหยา กลัวว่าเวลานี้ไม่รู้เขายังรู้สึกทรมานหรือไม่ เขากลับบ้านแล้วไม่รู้ที่บ้านจะได้กินไก่อร่อยๆ หรือไม่ ไม่รู้ว่าจะนึกถึงแม่ไก่ตุ๋นต่างเซินหวงฉีของที่นี่หรือไม่
ถังเฉียนคิดแล้วก็รู้สึกกังวล นางคงคาดไม่ถึงเป็นแน่ว่าขณะนี้เถิงเฟิงอยู่ในสภาพที่พออาหารมาก็อ้าปากกิน พอเสื้อผ้ามาก็กางแขนใส่ ก่อนหน้านี้ยังต้องมีฝึกวิชา แต่ระยะนี้ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น แค่นอนเล่น พักผ่อนฟื้นฟูพละกำลังเท่านั้น
หงหลิงเอ๋อร์ถูกอาเซิงคุมตัวไป ระหว่างทางก็ไม่ได้พักเลย เหลือเพียงถงถงร์เอ๋อเพียงคนเดียวที่อยู่กับเถิงเสวี่ย คอยมองสีหน้าที่เย็นชาของอาจารย์
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากอยู่กับหลิงเอ๋อร์แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็คอยช่วยเหลืออาหรูน่าเถอะ นางมีนิสัยอ่อนโยน ไม่ข่มเหงเจ้าแน่นอน นางจะเป็นฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวงในอนาคต เจ้าติดตามนาง รับรองว่าวันหน้าไม่ลำบากหรอก” ถงถงเอ๋อร์ฟังที่เถิงเสวี่ยพูดก็ยิ้ม แล้วตอบว่า
“อาจารย์ ถงเอ๋อร์ยอมปฏิบัติตามที่ท่านสั่ง แต่ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าคุณชายเถิงเฟิงจะเป็นผู้บวงสรวงคนต่อไป เขายังมีพี่ชายอีกคน อายุมากกว่าเขาไม่น้อย ทั้งยังโดดเด่นอีกด้วย”
ตอนที่ 143 กัดคนได้
เถิงเสวี่ยจ้องมองถงถงเอ๋อร์ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า
“โดดเด่น เจ้าดูออกอย่างไรว่าเขาโดดเด่น หน้าตาดีก็เท่ากับโดดเด่นแล้วหรือ หัวหน้าผู้บวงสรวงแห่งเผ่าพีส่านั้นถูกตัดสินตั้งแต่แรกเกิด การแข่งขันของพวกเขาเริ่มตั้งแต่ในท้องแม่แล้ว เด็กอย่างเถิงเฟิงเกิดมาก็เพื่อเป็นหัวหน้าผู้บวงสรวง เด็กอย่างพวกเจ้าจะรู้อะไร”
ถงถงเอ๋อร์ฟังที่อาจารย์พูดก็นึกสงสัย อย่างไรนางก็ไม่ได้เกิดที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มีเรื่องมากมายที่นางไม่รู้ ดังนั้นสำหรับความจริงที่แทบทุกคนยอมรับอย่างเงียบๆ นี้ จึงน่าแปลกมาก นางจึงอดถามไม่ได้
“ถงเอ๋อร์ได้ยินว่า ตอนที่คุณชายเถิงเฟิงเกิด มีเมฆมงคลปกคลุมทั่วท้องฟ้า นกกะเรียนเทพแห่งเขาศักดิ์สิทธิ์พากันร่ายรำถึงสามวัน อินทรีเงินของเผ่าอินทรีเงินพากันร่อนลงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เรื่องเหล่านี้จริงหรือไม่เจ้าคะ”
ตอนที่ถงถงเอ๋อร์ยังไม่ได้มายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เถิงเฟิงก็เกิดแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้เห็นปรากฏการณ์ล้ำเลิศดังกล่าว อุตส่าห์มีโอกาสแล้ว ต้องถามให้กระจ่าง
“ไม่ได้อัศจรรย์เช่นนั้นหรอก แต่เขาก็นำเรื่องมงคลมาจริงๆ เป็นสิ่งมงคลของชาวเผ่าพีส่า แต่ไม่ใช่อย่างที่พวกเจ้าคิด”
ถงถงเอ๋อร์ร้อง “อืม” แล้วเห็นเถิงเสวี่ยพูดถึงตรงนี้ดูเหมือนจะมีท่าทางไม่สบายใจ นางไม่เข้าใจว่าในเมื่ออนาคตจะเป็นหัวหน้าผู้บวงสรวง แล้วเหตุใดจึงเลือกลูกสาวของหมอผีสมุนไพรมาเป็นว่าที่ฮูหยินของหัวหน้าผู้บวงสรวง หงหลิงเอ๋อร์ต่างหากที่เป็นคนที่คู่ควรกับเถิงเฟิงที่สุด
เถิงเสวี่ยมองออกถึงความสงสัยในแววตาถงถงเอ๋อร์ แต่นางย่อมไม่เผยความจริงให้นางรู้ ต้องการให้นางนึกแปลกใจต่อไป
ถังเฉียนกลับรู้สึกไม่คุ้นกับการที่จู่ๆ ถงถงเอ๋อร์ก็มาทำตัวใกล้ชิดด้วย นางไม่มีความเคยชินที่จะเรียกใช้ใคร ดังนั้นจึงรู้สึกเพียงว่านางเป็นคนรู้จักเอาใจคนอื่น ไม่รู้สึกขัดใจอะไร แต่มีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ นั่นคือซูซินเหลียน
ขณะนี้นางยังคงถูกมัดติดกับเตียง ร้องเอะอะโววายทุกวัน จื่อเย่ว์ให้นางกินยากล่อมประสาท เพื่อให้สงบลง ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างกับมองว่านางเป็นคนบ้า ถังเฉียนเคยไปเยี่ยมนางครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าการปฏิบัติต่อนางแบบนั้นโหดร้ายเกินไป
“พวกเจ้าควรคิดให้ดีว่าจะจัดการซูซินเหลียนอย่างไร จะอย่างไรนางก็ยังเป็นพระชายารอง จะมัดนางไว้อย่างนี้ตลอดไปหรือ”
แม้จะบอกว่าซูซินเหลียนเกือบจะฆ่าถังเฉียนแล้ว แต่คนที่อยากสังหารนางคือใต้เท้าหลี่แห่งนิกายเทพมังกรต่างหาก ไม่ใช่ซูซินเหลียน ส่วนนางเป็นเพียงหญิงที่น่าสงสาร เหตุใดต้องปฏิบัติต่อนางเยี่ยงนี้ด้วย
“ถ้าอยู่ในวัง คนบ้าอย่างนาง ก็จะไม่มีจุดจบที่ดี มีข้าวให้นางกิน มีที่ให้อาศัย ถือว่าเป็นพระเมตตาแล้ว”
ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็บอกว่า
“แต่ท่านอ๋องสามารถหย่ากับนางได้ ให้นางกลับไปพักฟื้นที่บ้าน อาจจะหายดีก็เป็นได้”
จื่อเย่ว์ฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดี ระหว่างเดินทาง ถ้าหากนางหนีไปแล้วเกิดเสียความบริสุทธิ์ ก็มีเหตุผลที่จะกำจัดนางได้ นับว่าเป็นความคิดที่ดี
“เช่นนั้นตกลงตามนี้ ข้าจะไปขออนุญาตต่อท่านอ๋อง ท่านหมอรออยู่ที่นี่สักครู่ อย่าเกิดใจอ่อนแล้วแก้มัดให้นางเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเราจะเดือดร้อน”
“รู้แล้ว”
ถังเฉียนนั่งข้างๆ ซูซินเหลียน มองดูนางนอนตาขวางอยู่บนเตียง พยายามขยับปากพูด
“เจ้าอยากพูดกับข้าหรือ”
ถังเฉียนดึงผ้าในปากนางออก แต่นางเพิ่งดึงผ้าออก ซูซินเหลียนก็เกือบกัดมือนางแล้ว
“เจ้าเป็นคนบ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจะมากัดข้าเล่า”
ถังเฉียนถอยห่างออกมา จ้องมองซูซินเหลียน แววตานางราวกับสัตว์ประหลาด แฝงด้วยความระแวงและหวาดกลัว ซูซินเหลียนขยับปากเล็กน้อย พอเอ่ยปากพูดเสียงก็ค่อนข้างแหบแห้ง
“ข้า ข้าหิว…”