จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 158 รักษาโรคในความฝัน / ตอนที่ 159 ถังเวย
ตอนที่ 158 รักษาโรคในความฝัน
อาห่าวมาแล้ว ถังเฉียนจึงเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้นี่เป็นการรักษาโรคในความฝัน ซึ่งเป็นสุดยอดวิชาของเผ่าพีส่า นั่นคือต่อให้อยู่ไกลนับพันลี้ ก็สามารถขจัดปัดเป่าโรคของนางให้หายได้ แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่ได้จากการได้รับพรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคนอื่นนั้นไม่ได้รับอภิสิทธิ์ที่พิเศษเช่นนี้
เมื่ออาห่าวพูดเช่นนี้ ถังเฉียนจึงยิ่งอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเผ่าพีส่า รวมทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์และพรศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น
“เผ่าพีส่าทำสิ่งใดกันแน่ ไม่ว่าจะผู้บวงสรวง ปราบผี หมอผี หรือเผ่าอินทรีเงิน ก็ดูเหมือนล้วนเกี่ยวพันกับพวกเขาแทบทั้งสิ้น”
นางยังจำได้ว่าในความฝันเถิงเฟิงบอกให้นางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่นั่นมีทัศนียภาพอย่างไรกันแน่ นางอยากไปดูจริงๆ
ถังเฉียนหายป่วยแล้ว แต่โลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ได้มาเปล่าๆ ขณะที่นางฟื้นขึ้น เถิงเฟิงกลับสลบไป เขาได้รับข่าวจากอาห่าว ก็ร้อนใจรีบอยากไปหาถังเฉียน หากแต่บิดากับมารดาไม่อนุญาต พละกำลังของเขานั้นก็ยังไม่ฟื้นตัวดี เมื่อถูกบีบคั้น เขาจึงไปขอกำยานเทพมังกรจากพี่ชาย เพื่อทำพิธีบวงสรวง แล้วทำการรักษาโรคให้นางในความฝัน
“เจ้าเด็กคนนี้ต้องบ้าแน่ๆ สภาพร่างกายเขาตอนนี้ จะทำพิธีบวงสรวงได้อย่างไรกัน อาหรูน่าคนนี้วิเศษวิโสมาจากไหนกันเชียว ถึงทำให้หลานข้าหลงใหลจนขาดสติเช่นนี้ ให้คนไปพาตัวนางมา ปล่อยไว้ที่จวนจินซิวอ๋องได้อย่างไรกัน นางได้ถูกประทับรอยแล้ว พานางมาพบข้า”
นี่เป็นคำสั่งของท่านผู้อาวุโส ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ ครั้งนี้เถิงเฟิงใช้วิชาลี้ลับจนทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ ทำให้ท่านผู้เฒ่าร้อนใจมาก
ถังเฉียนหายป่วยแล้ว นางจึงเริ่มศึกษาค้นคว้าอีกครั้ง การที่อยู่ในจวนอ๋องมีข้อดีอย่างหนึ่ง หากไม่มีงานอะไร นางก็สามารถทุ่มเททำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ ใกล้สารทฤดูแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง แต่เผ่าม้งต่างจากภาคเหนือ ที่นี่สารทฤดูอากาศจะหนาวเย็นและชื้น ทำให้อาการป่วยทรุดหนักได้ง่าย
โดยเฉพาะบาดแผลของฉู่จิ่งเหยา เป็นไปดังคาด นางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรเตือนฉู่จิ่งเหยาให้ระวังสุขภาพ จื่อเย่ว์ก็มาเชิญถังเฉียนบอกว่าฉู่จิ่งเหยาเจ็บหน้าอก ให้นางไปช่วยตรวจดูหน่อย
“ท่านอ๋องรู้ว่าระยะนี้ท่านหมอทำงานหนักเกินไป อาการป่วยก็เพิ่งจะทุเลา แต่ท่านอ๋องปวดมาสองวันแล้ว กลางคืนก็นอนไม่หลับ พวกเราห่วงสุขภาพท่านอ๋องมาก จึงมาเชิญท่านหมอให้ไปตรวจดู”
ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็ร้อนใจมาก จึงรีบไปทันที ทั้งที่ระยะนี้นางเสียเลือดไปมาก แต่กลับแทงปลายนิ้วใช้เลือดรักษาอาการเจ็บปวดให้ฉู่จิ่งเหยา เมื่อมาถึงที่นี่ไม่มีใครกลับออกไปได้อย่างสมบูรณ์ และไม่รู้ว่าทั้งสองเริ่มกลายเป็นทั้งอาจารย์และเพื่อนตั้งแต่เมื่อใด
เมื่อเห็นใบหน้าที่น่าเกรงขามของเขาแต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นใจ กลับรู้สึกสนิทสนม
“ท่านอ๋อง ยังเจ็บหรือไม่”
น้ำเสียงนางอ่อนโยนกว่าที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะเมื่อเห็นจินซิวอ๋องหลับตา คิ้วที่ขมวดขึ้น ชวนให้รู้สึกห่วงใย หลังจากฉู่จิ่งเหยากินยาแล้วก็ค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้น เขามองดูถังเฉียนแล้วพูดว่า
“ข้ารู้ เจ้าต่างหากที่เป็นยาของข้า ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างกายข้า ข้าย่อมสุขสบายดี”
ถังเฉียนฟังที่เขาพูดเหมือนคำพูดเกี้ยว ทำให้นางรู้สึกจิตใจไม่สงบ จึงพูดว่า
“ท่านอ๋องอย่าได้คิดฟุ้งซ่าน บาดแผลของท่านจะได้หายเร็ว ไม่เจ็บแผลอีก ขอเพียงผ่านสารทฤดูไป เมื่อถึงเหมันต์ฤดูก็จะหาย”
ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ จึงพูดเช่นนี้ แต่นางรู้สึกคุ้นกับคำพูดนี้มาก
“จริงหรือ”
“จริง จริงแน่นอน อาการป่วยของข้าก็หายแล้วไม่ใช่หรือ”
ฉู่จิ่งเหยาได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจมาก แต่ต่อให้เขาตื่นเต้นกว่านี้ ใบหน้ากลับไม่แสดงออกมาแม้แต่น้อย เพียงแต่นิ่งเฉย แอบเม้มปากเล็กน้อยเท่านั้น
ตอนที่ 159 ถังเวย
ถังเฉียนไม่รู้ว่าสองวันที่นางสลบไสลไปนั้น มีคนผู้หนึ่งมายังจวนอ๋อง บางทีอาจเป็นเพราะโชคชะตากลั่นแกล้ง ทำให้นางต้องมายังจวนอ๋อง ถังเฉียนเดินเลี้ยวที่โถงทางเดิน มองเห็นแม่นางรูปร่างผอมสูงจากไกลๆ ถือถาดเดินผ่านสนาม ตรงไปยังเรือนเซียงหานของซูซินเหลียน
“เวยเอ๋อร์?”
ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าในช่วงชีวิตที่เหลือของตนจะได้พบถังเวยน้องสาวของนางอีกครั้ง นางจึงรีบสาวเท้าเดิน หมายจะตามให้ทัน แต่ไปต่อข้างหน้าอีกก็เป็นเรือนเซียงหานแล้ว นางไม่สะดวกที่จะบุกรุกเข้าไป ในใจนึกสงสัย หรือว่าฐานะนางถูกเปิดเผยเสียแล้ว
ฉู่จิงเหยาตั้งใจพาถังเวยน้องสาวนางมาที่จวนอ๋อง ดูเหมือนคำพูดไม่กี่ประโยคเมื่อครู่นี้มีความหมายอย่างอื่น
“หรือจินซิวอ๋องทำเพื่อให้ข้าอยู่ต่อ จึงจงใจพาเวยเอ๋อร์มา เพื่อ..เพื่อรั้งข้าไว้”
ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองจึงคิดเช่นนี้ แต่นางรู้ว่าต่อให้ถังเวยเป็นเด็กฉลาด แต่สำหรับฉู่จิ่งเหยาแล้วเกรงว่าคำพูดแค่เพียงไม่กี่ประโยคก็พอที่จะทำให้เด็กหญิงสารภาพความจริงออกมาได้
จบแล้ว คราวนี้จบสิ้นแน่ๆ พอถังเฉียนคิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ ถ้านางถูกตรวจพบจริง นางจะทำอย่างไรดี จะพาน้องสาวหนีไปดีหรือไม่
“เหตุใดท่านหมอมายืนอยู่ตรงนี้เล่า”
ถังเฉียนยืนอยู่ที่ปากทางนานแล้ว จื่อเย่ว์กังวลว่านางยังไม่หายป่วยดี รู้สึกห่วงใยจึงร้องถาม ถังเฉียนก้มหน้าทันที ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาหลังหน้ากากตน
“เมื่อครู่ข้าเห็นแม่นางคนหนึ่งท่าทางคุ้นตามาก เดินเข้าไปในเรือนเซียงหาน ที่นั่นเปลี่ยนเจ้าของหรือ”
ถังเฉียนพูดเช่นนี้ จื่อเย่ว์ย่อมรู้ว่าพูดถึงใคร
“ระหว่างที่ท่านหมอสลบไป คงไม่ทราบเรื่องราวบางอย่าง เด็กสาวผู้นั้นชื่อฮุ่ยฮุ่ย ได้ยินมาว่าเป็นเด็กที่ฉลาดปราดเปรื่อง แต่น่าสงสารมาก ทั้งครอบครัวล้วนตายด้วยน้ำมือนิกายเทพมังกร นางตกใจจนพูดติดๆ ขัดๆ ใต้เท้าเจิ้งเราออกไปบังเอิญพานางกลับมา ประจวบเหมาะที่ซูซินเหลียนก็ขาดคนดูแลอยู่ไม่ใช่หรือ”
พอถังเฉียนได้ยินว่าเจิ้งจยาเฉิงเป็นคนพากลับมา ต่อให้ไม่คิดมากก็กลัวว่าคงจะทำไม่ได้ คนผู้นี้คอยระแวงฐานะของนางไม่หยุด แต่คราวนี้ดูเหมือนนางจะเข้าใจผิดจริงๆ
“ที่แท้เป็นคนที่ใต้เท้าเจิ้งพากลับมา”
จื่อเย่ว์ฟังความหมายพิเศษในคำพูดนางไม่ออก เพียงแต่พูดว่า
“เด็กคนนี้ทำงานคล่องแคล่ว หากท่านหมอชอบ ข้าจะย้ายให้ไปรับใช้ท่านหมอ ดีหรือไม่”
ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ ในใจอยากได้ แต่นางมีความคิดแว่บหนึ่งว่า หวังจะไม่ให้มีคนล่วงรู้ฐานะของพวกตน แม้ซูซินเหลียนจะตกอับ แต่อย่างไรก็ยังดีกว่าอยู่กับนางที่ทุกวันต้องเผชิญกับภัยอันตราย นางเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในวันหน้าจะต้องไปทางไหน
“ไม่ต้องหรอก ให้นางอยู่กับพระชายารองก็ดีแล้ว จวนอ๋องย่อมปฏิบัติต่อนางดี”
จื่อเย่ว์ไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งในคำพูดนี้ จึงเพียงแต่พยักหน้าแล้วพูดว่า
“ย่อมเป็นเช่นนั้น”
ถังเฉียนไม่หยุดอยู่ที่นี่ แล้วรีบเดินออกไป เมื่อนางกลับมายังเรือนหานต้านของตนก็รู้สึกว้าวุ่นใจ เดินไปมาภายในห้อง มีท่าทางกระสับกระส่าย ฮว่าเหยียนจึงสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้าเป็นห่วงถังเวยใช่หรือไม่”
ถังเฉียนลุกขึ้นยืนทันที พูดอย่างแทบจะไม่ต้องคิด
“อย่าทำร้ายน้องสาวข้านะ!”
ถังเฉียนนึกถึงครั้งก่อนที่ฮว่าเหยียนจัดการกับผู้คุม หากนางคิดว่าถังเวยเป็นภัย จะทำร้ายถังเวยหรือไม่