จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 196 สาวพรหมจารี / ตอนที่ 197 กฎเกณฑ์
ตอนที่ 196 สาวพรหมจารี
ถังเฉียนไม่คิดมาก ใช้มีดแทงปลายนิ้วตัวเอง หยดเลือดลงในชามใส่น้ำที่พวกนางเตรียมไว้แล้ว แม่เฒ่าทั้งสองจ้องดูน้ำในชามอย่างจริงจัง พอเลือดลงไปในน้ำก็กระจายตัวออกอย่างรวดเร็ว แล้วมารวมตัวกันที่ก้นชาม แม่เฒ่าทั้งสองสบตากัน แล้วพูดว่า
“แม่นาง หากท่านไม่มีอะไร เราจะนำน้ำกลับไปรายงาน”
ขณะที่ถังเฉียนจะเดินออกไปส่งพวกนาง เถิงเฟิงก็ถีบประตูเปิดออก ถังเฉียนสะดุ้ง แม่เฒ่าทั้งสองใบหน้าขาวซีด
“ยายแก่อย่างพวกเจ้าแอบทำอะไรนางลับหลังแม่ข้า”
ถังเฉียนฟังที่เถิงเฟิงพูดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน โดยเฉพาะเมื่อเห็นแม่เฒ่าทั้งสองกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ทำให้นางนึกถึงเรื่องที่ได้ยินวันนี้
“คุณชายรองอย่าโมโห เราสองคนทำตามคำสั่งแม่นางหรูอี้ ไม่เช่นนั้นเราไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้หรอก”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ระยะนี้ในจวนมีข่าวลือเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของแม่นางรุนแรงขึ้นทุกที ฮูหยินคิดว่าให้เราสองคนมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่นางเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด คุณชายดูสิ เราแค่เอาเลือดหยดเดียวของคุณหนูอาหรูน่า ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย”
สองคนพูดจาสอดรับกัน ถังเฉียนพอจะเข้าใจจุดมุ่งหมายในการมาของพวกนางแล้ว แต่เลือดเพียงหยดเดียวจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้หรือ
“พวกเจ้าชักจะเก่งใหญ่แล้วนะ ข้าเพิ่งกลับจากไปพบท่านแม่มา ท่านไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว เห็นชัดๆ ว่าพวกเจ้าลงมือทำกันเอง ยังกล้าทำให้มือนางบาดเจ็บ ช่างเหิมเกริมจริงๆ ไปพบท่านแม่กับข้าเดี๋ยวนี้ หากท่านแม่พูดจริงก็แล้วไป หากไม่ใช่ ข้าจะถลกหนังพวกเจ้า”
แม่เฒ่าทั้งสองคุกเข่าลงทันที หนึ่งในนั้นร้องไห้พลางพูดว่า
“คุณชายรอง ถ้าท่านไม่พอใจยายแก่อย่างพวกเรา ก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับเอาชีวิตพวกเรา หากท่านพาพวกเราไปอย่างนี้ ฮูหยินย่อมต้องบอกว่าไม่ได้พูด ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลเสียต่อความผูกพันระหว่างแม่ลูกจริงหรือไม่”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว…นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงด้วยกัน ไม่เกี่ยวข้องกับคนนอก”
ถังเฉียนตั้งใจฟังที่พวกนางพูดตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อเห็นเถิงเฟิงปกป้องตัวเองขนาดนี้ก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
“ข้างนอกมีข่าวลือว่าข้าไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ใครเป็นคนพูดเรื่องนี้ ข้าเพิ่งมาถึงเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่นาน นอนสลบอยู่ตลอด คงไม่ใช่คนบนเขาศักดิ์สิทธิ์แน่นอน พวกเจ้าลือกันไม่หยุด แล้วชู้รักข้าเป็นใครกัน”
ถังเฉียนฟังที่พวกนางพูด คิดถึงตรงนี้จึงเอ่ยปากออกมา แม่เฒ่าทั้งสองมองหน้ากันไปมา กลับเป็นเถิงเฟิงที่โมโห ดึงแขนถังเฉียนแล้วพูดว่า
“ชู้รักอะไร เหตุใดเจ้าพูดเรื่องตัวเองเช่นนี้”
ถังเฉียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้เขา เจ้าหนุ่มนี่เหงื่อเต็มหน้า ดูท่าคงจะวิ่งมา ถังเฉียนเคยเห็นมารดาทำเช่นนี้เมื่อบิดากลับถึงบ้าน รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในโลก นางเช็ดเหงื่อให้เถิงเฟิงเสร็จก็เก็บผ้าเช็ดหน้า
“เอาล่ะ ข้าพูดเองย่อมน่าฟังกว่าที่พวกนั้นพูดลับหลัง ไม่เช่นนั้นจะให้พูดเช่นไร นั่นเป็นตัวประกอบในข่าวลือนี้ไม่ใช่หรือ ข้าเองก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร”
แม่เฒ่าจะเอ่ยปากบอก แต่เถิงเฟิงขยิบตาห้าม
“พวกเจ้าสองคนดูออกหรือไม่ว่าอาหรูน่าเป็นสาวบริสุทธิ์”
แม่เฒ่าบอกว่า
“บริสุทธิ์ เป็นสาวบริสุทธิ์แน่นอน เลือดสาวบริสุทธิ์หยดลงไปในน้ำก็จะรวมตัวกัน เกาะกันไม่กระจายออกไป ถ้าเป็นหญิงที่ผ่านผู้ชายมาแล้ว เลือดจะกระจายออก ไม่สามารถรวมกันได้ คุณชายดูเลือดในน้ำสิ เราสองคนเห็นด้วยตาตัวเองเลย”
ถังเฉียนไม่เคยได้ยินวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวเช่นนี้ นางส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นางเข้าใจดี วิธีพิสูจน์แบบนี้เป็นกฎเกณฑ์ที่พวกหมอตำแยสรุปกันขึ้นมาเอง
ตอนที่ 197 กฎเกณฑ์
เถิงเฟิงฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นข่าวดี สรุปก็คือเขาไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วย จึงพูดขึ้นว่า
“อย่างนั้นก็กลับไปเถอะ ในเมื่อพิสูจน์แล้วย่อมรู้ว่าควรจะทำเช่นไร ถ้าข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนางอีก ก็ระวังอย่าให้ข้าแทงหูได้เด็ดขาด”
คำพูดเถิงเฟิงมีความหมายแอบแฝง แม่เฒ่าทั้งสองรีบขานรับทันที “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ…” แล้วผละออกไป
เมื่อพวกนางไปแล้ว เถิงเฟิงก็ดึงถังเฉียนเข้าไปในห้อง ตีหน้าผากนางเบาๆ ถังเฉียนพูดด้วยความไม่พอใจ
“ข้ายังป่วยอยู่นะ เบาหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”
เถิงเฟิงครุ่นคิด แล้วเอื้อมมือไปคลำหน้าผากนางเบาๆ
“พวกนั้นบอกว่า เจ้ากับจินซิวอ๋องมีความสัมพันธ์กัน พอเขามาถึงก็ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมอผี ท่านย่ารับเขาไว้รักษา แล้วส่งหงหลิงเอ๋อร์มา นางก็เลยมาก่อเรื่องเดือดร้อน แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าแม่เฒ่าสองคนนี้มาตามคำสั่งท่านแม่จริงหรือไม่ ต่อจากนี้ก็จะไม่มีใครพูดคำพูดที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นอีกแล้ว”
ถังเฉียนฟังแล้วกลับไม่พยักหน้า หงหลิงเอ๋อร์มาได้อย่างไร นางถูกลงโทษให้กักตัวไม่ใช่หรือ ตอนนั้นเกือบทำร้ายนางจนเสียชีวิต หรือว่าจะปล่อยให้เลยตามเลยง่ายๆ อย่างนี้หรือ
“นางถูกอาจารย์ลงโทษกักบริเวณให้สำนึกผิด เหตุใดครึ่งปีจึงเร็วนัก”
เถิงเฟิงฟังน้ำเสียงนางก็รู้ว่านางไม่พอใจ จึงพูดปลอบว่า
“นางเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าหมอผี หัวหน้าหงมาขอร้องด้วยตัวเอง ขอโอกาสให้นางได้ทำคุณไถ่โทษ แม้ว่าย่ารองจะเห็นความสำคัญของกฎเกณฑ์ตลอดมา แต่อย่างไรท่านก็เป็นชาวเผ่าพีส่า ระหว่างสามเผ่าต้องประนีประนอมกัน”
ถังเฉียนเข้าใจดี ฝ่ายนั้นมีชาติกำเนิดสูงส่ง อาจารย์จะทำเพื่อตนแล้วลงโทษนางจริงๆ หรือ เถิงเฟิงตบศีรษะนางเบาๆ แล้วพูดว่า
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะเฆี่ยนนางด้วยตัวเองสองที ถือว่าแก้แค้นแทนเจ้า อย่างไรนางก็เป็นผู้หญิง ข้าไม่สะดวกจะจัดการกับนาง ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่คนของข้า ข้าไม่อาจตอบโต้ได้ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ใครกล้ารังแกเจ้าอีก เท่ากับรังแกข้า ข้าสามารถฆ่านางได้”
ถังเฉียนรีบยกมือขึ้นห้าม เจ้าหนุ่มผู้นี้พอคลั่งขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง
เมื่อถังเฉียนรู้ว่าชู้รักในข่าวลือคือใคร ก็รู้ว่าที่เกิดข่าวลือระหว่างทั้งสอง เป็นเพราะฉู่จิ่งเหยาสอนวรยุทธ์ให้นาง แต่เรื่องนี้ไม่อาจประกาศออกไปโดยพลการ หงหลิงเอ๋อร์จึงใช้จุดนี้สร้างข่าวลือขึ้น
“ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ไม่อยากก่อเรื่อง ข้ามาเพื่อเยี่ยมเจ้า อีกอย่าง พรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น ข้าไม่ต้องการ เจ้ารีบเอาคืนไปเถอะ”
เถิงเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ร้อนใจ
“หรือว่าเจ้าชอบฉู่จิ่งเหยา”
ถังเฉียนดึงมือเขาออกไป แล้วพูดอย่างจริงจัง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่าข้าชอบเขาหรือไม่ แต่เจ้าไม่ควรทำตามอำเภอใจแล้ว…แล้ว…”
ถังเฉียนอยากบอกว่ากำหนดเรื่องสำคัญชั่วชีวิต แต่เรื่องนี้เป็นการยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ คำนี้อาจจะแสดงเจตนาไม่ตรง จึงอยากเปลี่ยนเป็นคำอื่นแต่ยังคิดไม่ดี คิดแล้วจะทำให้ฐานะของตัวเองด้อยลงไม่ได้ จึงพูดว่า
“การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ต้องยึดถือคำสั่งพ่อแม่และคำแนะนำของแม่สื่อ จะทำเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ได้”
เถิงเฟิงจึงยิ้มแล้วพูดว่า
“ผู้ชายเผ่าพีส่าเราแต่ไหนแต่ไรล้วนเลือกเมียเอง เลือกนางแล้วก็จะระบุตัวนาง ไม่ทรยศ ไม่หลอกลวงชั่วชีวิต ข้าเลือกเจ้า…”
เถิงเฟิงพูดพลางดึงมือนาง แล้วพูดอย่างมีความหมายลึกล้ำว่า
“ข้าเลือกเจ้าแน่นอนแล้ว”
ใบหน้าถังเฉียนแดงเรื่อ นางไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาสารภาพกับนางเช่นนี้ จึงผลักเถิงเฟิงออกไปแล้วพูดว่า
“ไม่ได้ ไม่ได้…”
เถิงเฟิงเห็นว่านางยังคงปฏิเสธ จึงยิ้มแล้วว่า
“เจ้ารู้กฎเกณฑ์ของพรศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ หากข้าตายเจ้าก็ตาย หากเจ้าตายข้าก็ตาย คนนอกไม่รู้ว่าข้าป่วย เจ้ารับปากจะช่วยรักษาข้าแล้ว แต่ข้าดูแล้ว เจ้าไม่ได้วิตกอาการป่วยของข้าเลย ข้าหาทางเอาตัวรอดเองจะดีกว่า”