จอมใจจ้าวพิษ - ตอนที่ 198 รักษาโรค / ตอนที่ 199 พบญาติผู้ใหญ่
ตอนที่ 198 รักษาโรค
ถังเฉียนทำตาโตทันทีที่ได้ยินเถิงเฟิงพูดเช่นนี้ แล้วโมโหมาก นางรู้ว่าไม่ใช่เพราะเถิงเฟิงชอบนาง จะต้องมีแผนร้ายแน่
“ข้ารู้แล้ว คนอย่างเจ้าไม่มีทางทำการค้าที่ขาดทุน เจ้าหลอกข้า”
เถิงเฟิงดึงให้นางนั่งลง ปิดประตูห้องแล้วอธิบายว่า
“ที่ข้าป่วยนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง หากเจ้ารักษาข้าให้หาย ข้าจะถอนพรศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าแน่นอน ที่จริงเจ้าไม่ได้เสียเปรียบเลย เวลานี้ฐานะเจ้าสูงส่ง ทั้งพลังทิพย์และสติปัญญาก็ล้วนสูงขึ้น เจ้าเป็นเช่นนี้จึงจะรีบช่วยคิดหาวิธีรักษาข้าไง นี่เป็นสถานการณ์ที่ชนะทั้งสองฝ่ายจริงหรือไม่”
ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็ใช้นิ้วหยิกเนื้อที่เอวเถิงเฟิงแรงๆ พลางพูดว่า
“ยังชนะทั้งสองฝ่ายอีก ถ้าง่ายๆ เช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ปรึกษากับข้า แต่กลับลงมือทำเลย ถ้าเกิดสิบปีแล้วข้าก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้ อย่างนั้นข้าก็แต่งงานไม่ได้สิ”
เถิงเฟิงค้อมคารวะขอให้นางยกโทษให้ ถังเฉียนเองก็จนใจ ทำได้เพียงห่อปาก ท่าทางไม่พอใจมาก
“โธ่ โลกนี้ไหนเลยจะมีแต่เรื่องดีสำหรับเจ้า ข้าเองไม่มีสิบปีหรอก ถ้าคิดหาวิธีไม่ได้ภายในสามปี เจ้าก็ไม่เจอข้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็เป็นอิสระ อีกอย่างฐานะปลอมของเจ้าถูกมองออกได้โดยง่าย หากข้าไม่สร้างฐานะให้เจ้า เจ้าจะมีชีวิตรอดถึงตอนนี้หรือ นะ เราเป็นเพื่อนกัน ต้องไว้ใจกันสิ”
ถังเฉียนถอนหายใจ ที่แท้นางถูกเพื่อนหลอก เถิงเฟิงรู้ว่านางโกรธ จึงยื่นหน้าเข้ามา ยิ้มแล้วพูดว่า
“เทพธิดาน้อยบ้านข้าโมโหแล้ว เทพธิดาน้อยโมโหก็ยังสวยขนาดนี้ โถ เยี่ยมจริงๆ”
ถังเฉียนผลักเขาออกไป พูดด้วยความไม่พอใจว่า
“อย่ามายั่วโมโห ข้าไม่อยากยุ่งกับคนโกหกอย่างเจ้าแล้ว”
เถิงเฟิงไม่ตามนางไป เขาใช้มือกุมอก ร่างเริ่มโงนเงน ราวกับกำลังจะยืนไม่อยู่แล้ว ถังเฉียนโมโหจนลืมไปว่าเขายังป่วยอยู่ เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ตกใจไม่น้อย จึงรีบเข้ามาพยุงเถิงเฟิง แล้วพูดโทษตัวเองว่า
“ต้องโทษข้า ลืมไปว่าเจ้าป่วยอยู่ ข้าไม่ควรทำร้ายเจ้า เถิงเฟิง เจ้าอย่าตายนะ”
ถังเฉียนยิ่งพูด เถิงเฟิงก็ยิ่งโงนเงนรุนแรงขึ้น ตาปิดลงแล้วล้มลงบนพื้น ถังเฉียนใช้มือกอดเขาไว้ วางร่างเขานอนราบลงบนพื้น ครั้งนี้ร่างเขาไม่สั่นกระตุก แต่กลับเย็นเฉียบ ตัวแข็งทื่อและเย็นราวกับน้ำแข็ง
“เถิงเฟิง เถิงเฟิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ถังเฉียนร้องเรียกสองครั้ง แต่เขาไม่ตอบ นางรีบเขย่าตัวเขา แล้วพบว่าร่างเขายิ่งเย็นลงอีก จากนั้นลมหายใจก็อ่อนลงมาก ทำให้นางลืมความไม่พอใจจนหมดสิ้น ได้แต่กอดเขาไว้ แล้วรู้สึกทรวงอกเย็นเฉียบเป็นพักๆ
“เสี่ยวจิน เสี่ยวจิน รีบออกมาช่วยเขาด้วย”
อาการเถิงเฟิงแปลกมาก ตัวเขาเองเคยบอกว่า เขามักมีอาการกำเริบขึ้นบ่อยๆ ส่วนสาเหตุนั้นไม่แน่ชัด อาการก็ไม่แน่นอน บางครั้งอาจอาเจียนไม่หยุด บางครั้งตัวเกร็ง บางครั้งตัวร้อนราวกับไฟ แต่บางครั้งกลับเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เกิด ท่านทวดบอกว่าตัวเขาเป็นสิ่งที่สวรรค์ทรงประทาน แต่เมื่อเขาค้นดูตำราโบราณก็พบว่าตนเองเป็นร่างทิพย์ของเผ่าพีส่า มีพลังทิพย์สูงมากตั้งแต่เกิด ทำให้ฝึกวิชาได้รวดเร็ว แต่เขาจะมีอายุขัยไม่เกินสามสิบ
เดิมคิดว่าพวกเขายังมีเวลาอีกนาน แต่ขณะนี้ดูแล้วเวลาเร่งด่วนมาก เพราะเขามีอาการกำเริบถี่ขึ้นทุกที ถังเฉียนรู้สึกร้อนใจ ระยะนี้เสี่ยวจินเย็นชาต่อนางมาก แต่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับเถิงเฟิง เห็นเขาป่วยหนัก มันจึงบินออกมาทันที แต่คราวนี้เสี่ยวจินไม่ได้เข้าใกล้ เพียงแต่มองดูอยู่ห่างๆ
ตอนที่ 199 พบญาติผู้ใหญ่
เสี่ยวจินดูอยู่เฉยๆ ไม่ว่าถังเฉียนจะรบเร้าเช่นไร มันก็ยังคงเฝ้าดูเท่านั้น นางวิตกยิ่งขึ้น แต่ต่อมา ร่างเถิงเฟิงไม่เย็นแล้ว ถังเฉียนกลับรู้สึกแน่นหน้าอก แล้วหนาวสั่นเป็นพักๆ
“จบกัน นี่แหละร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เถิงเฟิง เจ้าคนโกหก”
ถังเฉียนรู้สึกว่าร่างกายตนเองแข็งทื่อขึ้นทุกที ทางเถิงเฟิงกลับดีขึ้นแล้ว เขาจุดไฟอ่างใหญ่ในห้อง ฤดูร้อนแท้ๆ แต่ทั้งสองกลับกอดถุงน้ำร้อน ห่มผ้าห่มนวมก็แล้ว แต่ก็ยังคงหนาวสั่น
“เถิงเฟิง ข้าเกลียดเจ้า”
ริมฝีปากถังเฉียนเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลอมเหลืองที่งดงามจ้องมองเถิงเฟิงด้วยความเคียดแค้น เขากลับไม่รู้สึกโกรธ ยังยื่นมือข้างหนึ่งออกจากผ้าห่ม ลูบผมถังเฉียนเบาๆ
“ขอโทษนะ ที่ทำให้เจ้าพลอยทรมานไปด้วย แต่เจ้าอย่าบอกแม่ข้าเด็ดขาด แม่ข้าจะร้องไห้”
ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็คิดถึงแม่ตัวเอง แล้วกัดริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรอีก ถ้าตัวนางป่วย แม่ก็จะเป็นห่วงมาก จะแอบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาในที่ที่นางมองไม่เห็น พอคิดเช่นนี้ แม้เถิงเฟิงจะเป็นคนเลว แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนกตัญญู จะไม่ถือสาเขาชั่วคราว
คืนนี้ช่างทุกข์ทรมาน ต่อให้ทั้งสองคนแบ่งความรู้สึกหนาวเย็นนี้คนละครึ่ง ก็ยังคงหนาวอย่างรุนแรง คิดดูแล้ว ถ้าเขาเพียงคนเดียวจะทนได้หรือไม่นะ
รุ่งเช้าเมื่อลุกจากเตียง ถังเฉียนเปิดประตูออก บิดขี้เกียจเต็มที่ ความรู้สึกหนาวนับว่าผ่านไปแล้ว เถิงเฟิงบอกว่าเวลาอาการกำเริบแม้จะอันตราย แต่ขอเพียงผ่านคืนนั้นไปก็จะไม่เป็นไรแล้ว จะอย่างไรเจ้าหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้โกหกนาง
“ฮัดเช่ย!”
ถังเฉียนเพิ่งเดินออกมาจากห้องก็จามสามที พอหันกลับไป เห็นเถิงเฟิงกำลังเช็ดหน้า ท่าทางราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน นางนึกโมโห แล้วเหยียบเท้าเขา
“ต้องโทษเจ้า ข้าเป็นหวัดแล้วเห็นหรือไม่!”
เถิงเฟิงกอดเท้า กระโดดเหยงๆ แล้วอดพูดไม่ได้ว่า
“ไม่แน่หรอก อาจจะมีคนกำลังด่าเจ้าลับหลังก็ได้ เหตุใดข้าจึงไม่เป็นหวัดเล่า”
ถังเฉียนได้ยินก็สูดจมูกสองสามทีแล้วเดินไป ไม่อยากพูดกับคนสารเลวนี้แล้ว เมื่อวานไม่ได้ไปกราบคารวะผู้ใหญ่ของเถิงเฟิง วันนี้นางแข็งแรงขึ้นแล้ว ฝ่ายนั้นก็ใช้สมุนไพรอย่างดีช่วยรักษานาง คงต้องไปขอบคุณด้วยตนเองแล้ว
ถังเฉียนกับเถิงเฟิงเดินมาถึงสวนดอกไม้ ว่าไปแล้วทัศนียภาพที่นี่สวยงามมาก มิน่าเถิงเฟิงจึงรำลึกถึงเสมอ มักจะเอ่ยถึงความงดงามของที่นี่ให้นางฟัง
เถิงเฟิงเดินเร็วล่วงหน้าไปสองก้าว ถังเฉียนยังหลงใหลในความงามของที่นี่ ชะลอฝีเท้าลง นางหยุดอยู่ที่บริเวณศาลาในสวน แล้วได้ยินหญิงสาวในชุดสีชมพูสองนางกำลังพูดกระซิบกระซาบกันหนึ่งในนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าบังปากตัวเอง พูดเสียงเบาว่า
“เจ้ารู้หรือไม่ เมื่อคืนคุณชายของเรานอนในห้องนั้นทั้งคืน”
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ คุณชายเรายึดถือกฎเกณฑ์ที่สุด”
“เบาหน่อย อยากตายหรืออย่างไร”
ถังเฉียนได้ยินที่สองคนนี้พูดก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่พูดอะไร
“อาหรูน่า เจ้าหายไปไหนแล้ว สวนบ้านข้าใหญ่มาก เดี๋ยวก็เดินหลงหรอก”
ถังเฉียนพบว่าหญิงสาวสองคนนั้นหายไปแล้ว นางไม่ตามและไม่เอ่ยถึงพวกนาง แล้วเดินตามเถิงเฟิง เขาใช้ทางลัด นางจงใจไม่ให้เขารู้เรื่องเมื่อครู่ เป็นคำพูดที่ไม่น่าฟัง เมื่อไม่ได้ยินก็แล้วไป
ที่นี่เป็นตระกูลใหญ่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนมีกฎเกณฑ์ ต่อให้เป็นเถิงเฟิง เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ก็กลายเป็นคนเรียบร้อย ราวกับคุณชายตระกูลขุนนาง ไม่เหมือนกับท่าทางเอาแต่ใจตัวเองตามปกติเลย
“เด็กคนนี้ เหตุใดจึงสายนักนะ ทั้งครอบครัวรอพวกเจ้าอยู่”กลั้นลมหายใจทนท แลวแกลงอนหนงสอกเพอลอใหคนผนออกม ในหองม